EP.10
ฝ่ายคุณหญิงทิพย์อาภา นางยังคงนั่งนอนอยู่ในห้องพักฟื้นไข้อย่างมีความสุข
ก็ค่ารักษาพยาบาลมีคนจ่ายให้เสร็จสรรพแล้วนี่...จะกังวลอะไรอีก
“นับได้ว่าสวรรค์โปรดจริงๆ” นางหัวเราะชอบใจ ตาทั้งสองข้างเป็นประกายอย่างพึงพอใจสุดๆ
“ภัทธิรา ตยาธิรักษ์...ชื่อก็งาม นามก็เพราะ ชักอยากจะรู้จักแล้วล่ะสิ ว่าเขาเป็นใครที่ไหน ไม่รู้หลุดรอดสายตาของคนอย่างคุณหญิงทิพย์อาภาไปได้อย่างไรกัน”
นึกกระหยิ่ม ทั้งยังอยากจะรู้จักกับผู้ชายคนนั้นขึ้นมาถนัดใจ...แล้ว เหมือนโชคชะตาจะกำหนด เมื่อรายการโทรทัศน์ตรงหน้านำเสนอรายการเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆ ภายในประเทศ
ทั้งรายการในวันนี้ยังได้นำเสนอชีวิตของทายาทมหาเศรษฐีพันล้านของบริษัท ผลิตและส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า ในแบรนด์ตยาธิรักษ์ ซึ่งโด่งดังเป็นที่รู้จักกันไปทั้งประเทศ
นักธุรกิจหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า ภัทธิรา ตยาธิรักษ์ ด้วยวัยเพียงสามสิบห้าปี เป็นนักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอมที่บรรดาสาวๆ ต่างมองตามเป็นตาเดียว
“คุณภัทธิรามีแนวคิดอะไรเกี่ยวกับงานบริหารบ้างคะ” พิธิกรสาวเปิดประเด็นใหม่ถามชายหนุ่มรูปหล่อ นักธุรกิจไฟแรงทายาทคนโตตระกูลตยาธิรักษ์ ซึ่งเวลานี้ได้เป็นผู้บริหารบริษัทในเครือซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
“ความสำเร็จของผมเกิดจากส่วนผสมที่ดีระหว่าง (โอกาส) และ (การเตรียมตัว) ครับ เพราะถ้าเราไม่เตรียมตัวรับมือกับปัญหา หรือโอกาสที่จะเดินทางมาถึง ซึ่งอาจจะแทบตลอดเวลา เราก็จะมีแต่ความตระหนกตกใจ โดยไม่ได้รีบคว้าสิ่งเหล่านี้เอาไว้ สำหรับผมแล้วโอกาสถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในชีวิตของเรานั้นมีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นครับ”
กรอบหน้าขาวใส สมาร์ตแมน เหมาะสมกับความเป็นนักธุรกิจหนุ่มปรากฏชัดในครองจักษุของคุณหญิงทิพย์อาภา
นางคลี่ยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ ประกายตาลุกโชนอย่างพึงพอใจสุดๆ
“คนนี้หรอกหรือ ภัทธิรา ตยาธิรักษ์ ทายาทเจ้าของธุรกิจในเครือตยาธิรักษ์ ธุรกิจหลายพันล้าน” นางรำพึงอย่างพึงพอใจ “ว่าที่ลูกเขยของฉัน”
คิดมาถึงตอนนี้ แผนการบางอย่างจึงดำเนินเดินทางเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ลูกน้องทั้งสามซึ่งถูกจับกุมเมื่อคืนวานถูกผลักลงไปกองตรงหน้าเสี่ยทรงพล ฝ่ายเสี่ยเฒ่ามองลูกน้องสลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนับสิบที่กรูกันเข้ามาภายในบ้าน นำทีมโดยนางตำรวจหญิงผู้มีดวงตาเรียวสวยทั้งเฉียบคม
“มันเกิดอะไรขึ้น” เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมรอบบ้านของมัน เสี่ยเฒ่าจึงถามอย่างทันที
“คุณถูกจับกุมแล้วล่ะเสี่ยทรงพล” ผู้กองเอรินว่าเสียงนิ่งขรึม เธอจุดยิ้มยามมองเสี่ยเฒ่า
“ข้อหาอะไรมิทราบ ข้อหาไอ้สามคนนี่ไปลักพาตัวผู้หญิงหรือ ไม่มั้งคุณตำรวจ เรื่องนี้เราเคลียร์กันได้นะ”
มันแบมืออย่างไม่ยี่หระต่อสิ่งที่เกิดขึ้น คนอย่างเสี่ยทรงพลเสียอย่าง เรื่องแบบนี้สามารถคุยกันในภายหลังได้
“ข้อหานี้ก็ส่วนหนึ่งค่ะ คุณยอมรับแล้วนะคะเสี่ยทรงพล”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า อั๊วยอมรับ ก็บอกแล้วยังไงล่ะว่าเราเคลียร์กันได้ คุณตำรวจ”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอเชิญเสี่ยไปยังหน่วยรุกฆาตนะคะ”
“ก็ได้ ไม่มีปัญหา”
เสี่ยเฒ่าทำตามคำเชื้อเชิญจากเอรารินทร์ในที่สุด
ทรัพย์สินทั้งหมดของเสี่ยทรงพลถูกอายัด ทั้งยังมีการตรวจสอบถึงที่มาที่ไปอันได้มาโดยไม่ถูกกฎหมาย เสี่ยเฒ่ารู้เข้าถึงกับอาละวาดเสียงดัง
“นี่มันอะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น อั๊วว่าแล้วยังไงว่าแค่เรื่องลักพาตัวผู้หญิง คดีเล็กๆ น้อยๆ เราเคลียร์กันได้ไม่ใช่หรือ แล้วนี่อะไรกัน อายัดทรัพย์สินของอั๊วทั้งหมดทำไม มันเกี่ยวกันด้วยหรือ”
เสี่ยทรงพลนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะสอบสวนภายในอาคารสำนักงานหน่วยรุกฆาต ตรงหน้าของมันคือเอรารินทร์ เยื้องไปข้างหลังคือนายตำรวจหนุ่มนามอัครินทร์ ถิ่นเมฆา ส่วนอีกคนคือตำรวจหญิงนามแพรพิณ อินทุอร ทั้งสามมองเสี่ยทรงพลที่อาละวาดเสียงดังเป็นจุดเดียว
“เรื่องนั้นเราคุยกันได้จริงๆ ค่ะเสี่ย แต่คดียาเสพติดในโกดังเก็บของของเสี่ยซึ่งเราตรวจสอบอย่างถูกต้องแล้วว่าเป็นของเสี่ยทรงพล กับคดีค้ามนุษย์ส่งไปยังคาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องใหญ่โตที่ทางเราต่างเห็นควรจะต้องตรวจสอบค่ะ”
“อั๊วถูกปรักปรำ ไม่จริง อั๊วถูกใส่ร้าย” เสี่ยเฒ่าโวยวาย
“แต่หลักฐานที่มีอยู่ บ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วนะครับว่าเป็นของเสี่ยและทั้งหมดมันก็อยู่ในความดูแลของเสี่ยทรงพลด้วย” อัครินทร์ช่วยเสริม
เสือเฒ่าหน้าแดงก่ำ ไม่คิดว่าตนจะจนมุมง่ายๆ แบบนี้
“อั๊วจะฟ้องศาล อั๊วจะต่อสู้ในชั้นศาล”
“ได้ค่ะเสี่ย เราให้สิทธิโดยชอบธรรมนั้นกับเสี่ย แต่อย่าลืมนะคะ หลักฐานในมือของเรามีครบจนเสี่ยดิ้นไม่รอดแล้ว”
“นี่พวกลื้อกำลังขู่อั๊วอยู่หรือ”
“ไม่ได้ขู่ค่ะ พวกเราเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเวลานี้เราก็กำลังทำตามหน้าที่ หน้าที่ซึ่งไม่ใช่คำพูดที่พูดออกมาลอยๆ แต่เป็นหน้าที่ซึ่งจำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างถูกต้อง ฉันรู้ว่าพวกเราทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันจึงไม่จำเป็นจะใช้อำนาจหน้าที่อะไรมาข่มขู่ใคร”
“นี่คุณตำรวจ คุณกำลังยอกย้อนฉันอยู่ใช่ไหม”
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ ดิฉันไม่ได้ยอกย้อน หากว่าคุณเห็นว่าเป็นการยอกย้อน ดิฉันก็ขอโทษด้วย ขอโทษจริงๆ”
“ได้...แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
ว่าแล้วเสี่ยเฒ่าก็หยัดกายลุกขึ้นยืน หมายจะออกจากห้องนั้น ทว่าทั้งอัครินทร์และแพรพิณได้ขยับมาคุมตัวของมันเอาไว้และกดให้นั่งลงอีกครั้ง
“นี่มันอะไรกัน ปล่อยอั๊วนะ”
“ขอโทษด้วยค่ะเสี่ย ขณะนี้เสี่ยเป็นผู้ต้องหาคดีต่างๆ ที่เราเอ่ยมา มันร้ายแรงถึงขนาดที่ทางเราจะปล่อยเสี่ยให้ออกไปข้างนอกไม่ได้แล้วค่ะ”
เอรารินทร์ตัดบท เธอหันไปสั่งการกับลูกทีมทั้งสอง
“อัครินทร์ ส่งตัวเสี่ยทรงพลให้กับทางผู้กองเอกชัชจัดการงานนี้ต่อไป”
ว่าจบผู้กองสาวก็เดินออกจากห้องนั้นไปในที่สุด ปล่อยให้เสี่ยเฒ่าโวยวายอย่างไม่พอใจท่ามกลางการกุมตัวของตำรวจหนุ่มสาวทั้งสอง