EP.12
อุษารัตน์เดินผ่านหน้าห้องพักของพยาบาล เธอถูกเรียกให้หยุดและเดินไปหา ไม่นานพยาบาลนางหนึ่งก็เดินมาหาพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อโต
“มีคนฝากมาให้ค่ะ” พยาบาลสาวคนนั้นบอกด้วยรอยยิ้ม
“ใครกันคะ”
หญิงสาวรับช่อดอกไม้เหล่านั้นมาถืออย่างไม่เข้าใจ หากภายในความรู้สึกกลับเหมือนมีบางอย่างแล่นวิ่งอยู่ภายใน พร้อมกับสั่งการให้กลุ่มเลือดภายในกายสูบฉีดส่งผลให้กรอบหน้าสวยแดงก่ำอย่างเขินอาย
“คุณภัทธิรา ตยาธิรักษ์ค่ะ ผู้อุปถัมภ์ไข้คุณหญิงแม่ของคุณอย่างไรล่ะคะ”
“คุณภัทธิรา ตยาธิรักษ์” เธอทวนชื่อนั้นเสียงแผ่วเบา
“ใช่ค่ะ เขายังฝากกำลังใจมาให้ทั้งคุณและคุณแม่อีกนะคะ”
“กำลังใจ”
“ค่ะ กำลังใจ ดูเขาจะดูแลเอาใจใส่พวกคุณจริงๆ นะคะ โชคดีจริงๆ”
พยาบาลนางนั้นพูดจบก็ขอตัวเดินจากไปในที่สุด ปล่อยให้อุษารัตน์ได้แต่ยืนยิ้มเก้อเขินอยู่กับที่ เธอมองช่อดอกไม้ช่อนั้นพลันรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน
เธอดันไปชอบใครที่ไหนก็ไม่รู้เข้าอย่างจังเสียแล้วสิ
ห่างออกมาจากตรงนั้นไม่ไกลนัก นักธุรกิจหนุ่มนามภัทธิรา ตยาธิรักษ์ เผยตัวออกมาจากมุมเสา เมื่อเห็นว่าอุษารัตน์เดินต่อไปยังห้องพักของมารดาแล้ว
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม คำของใครบางคนบอกแกมขอร้องให้เขาดูแลครอบครัวนี้ให้ดีที่สุด
แต่ทำไมนะ ทำไมเวลานี้ คำว่าดูแลมันกลับน้อยไปกว่าภาพของอุษารัตน์ บุตรสาวของคุณหญิงทิพย์อาภา ที่จู่ๆ ก็ดันมีอิทธิพลทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว...คุ้นเคย เหมือนดั่งว่าจะเป็นใครบางคนที่เขารอคอยมาตลอดหลายปี
เขาเจอเธอแล้ว...เจอผู้หญิงคนนั้นแล้วสินะ
“มีคนมาช่วยมันได้ทัน”
พ่อเลี้ยงนเรนทร์เสียงดัง เมื่อลูกน้องเข้ามารายงานถึงเหตุการณ์ความเป็นไปอันเกิดขึ้นเมื่อคืนวาน
แผนการล้มเหลว คุณหญิงทิพย์อาภาไม่ตาย...
แถมยังมีคนมาช่วยมันไปได้อีก
“ออกไปได้แล้ว มีอะไรฉันจะให้ขุนพลเรียก” พ่อเลี้ยงสั่ง ก่อนจะหันไปทางขุนพลที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “มันคงยังไม่ถึงเวลาของคุณหญิงสินะ ขุนพล”
“ใช่ครับ วาระของคนเรา มันจะมาถึงเองโดยที่เราไม่ต้องเรียกร้องหรือดึงรั้งมัน”
“ให้มันรู้ไปว่าฉันจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น”
“ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่โอกาสครับ งานนี้พลาดใช่ว่างานหน้าจะไม่ได้ดังหวัง” มือปืนหนุ่มว่าด้วยน้ำเสียงนิ่งเย็น หากแววตาที่แสดงกลับเป็นอีกแบบ
“เกิดเรื่องแบบนี้คุณหญิงคงไม่กล้ามายังบ่อนของเราอีกนานนะครับพ่อเลี้ยง”
“เอาเป็นว่าฉันจะให้มันพักสักระยะก็แล้วกัน” พ่อเลี้ยงหนุ่มพยักหน้า “เดี๋ยวจะหาว่าฉันใจร้ายอีก โดยเฉพาะนาย...ขุนพล”
“ผมไม่บังอาจขนาดนั้นหรอกครับพ่อเลี้ยง”
ขุนพลหัวเราะ มองหน้าพ่อเลี้ยงนเรนทร์อย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายกำลังเย้าเขา
“เออ แล้วเรื่องปางไม้ไปถึงไหนแล้ว” วางเรื่องของคุณหญิงทิพย์อาภา พ่อเลี้ยงนเรนทร์จึงหันมาทางเรื่องที่จริงจังของตนเอง...เรื่องปางไม้ซึ่งเขาเป็นเจ้าของ
“เรากำลังถูกเล่นงานจากฝ่ายตรงข้ามครับพ่อเลี้ยง แต่ขณะนี้ยังสามารถคุมสถานการณ์ได้อยู่”
“ไอ้พ่อเลี้ยงชิดชัยใช่ไหม ที่มันกล้าทำแบบนี้กับฉัน”
“ใช่ครับ พ่อเลี้ยงชิดชัย พ่อเลี้ยงแห่งเมืองเชียงคำ”
“มันคิดอยากจะลองดีกับฉันมากใช่ไหม ได้...” นเรนทร์เข่นเขี้ยวอย่างโกรธจัด ประกายตาทั้งสองข้างแดงก่ำ
“ผมว่าพ่อเลี้ยงใจเย็นๆ ก่อนจะดีกว่านะครับ เพราะถ้าเราใจร้อนไป ฝ่ายเสียหายจะเป็นเราเอง” ขุนพลเตือนสติ
“หมายความว่ายังไง ขุนพล”
“ก็หมายความว่า เวลานี้ผมส่งคนไปแก้ไขสถานการณ์เรียบร้อยแล้วครับ ทุกอย่างอยู่ในความสงบ แต่ถ้ามันนอกเหนือกว่านั้น ผมว่าให้ทางกฎหมายจัดการแทนเราจะดีกว่านะ เพราะมันจะได้ไม่เปลืองกำลังของเราและปางไม้ของเราจะได้ไม่ติดร่างแหไปกับมันด้วย”
“นายกำลังจะบอกว่า ถ้าไอ้พ่อเลี้ยงชิดชัยมันไม่หยุด เราก็เบี่ยงเข็มของมันไปให้ตำรวจจัดการ”
“มันจะเป็นผลดีสำหรับเราไม่ใช่หรือครับ พ่อเลี้ยงชิดชัยทำผิดในผืนแผ่นดินประเทศไทย ซึ่งมันตรงกันข้ามกับของเราที่ไปตัดและส่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน กฎหมายของบ้านเมืองจะช่วยเราทั้งการกำจัดพ่อเลี้ยงชิดชัยที่คอยปล้นไม้และเปิดทางให้กับเราได้เดินทางอย่างสะดวกในการขนย้ายไม้เข้ามาในเมืองอย่างไรล่ะครับ”
พ่อเลี้ยงนเรนทร์พยักหน้า จริงตามคำที่ขุนพลว่า จริงอยู่ที่เขาค้าไม้เถื่อน แต่ไม้ที่ตัดทั้งหมดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะนำมาทำให้ถูกกฎหมาย เป็นแผนการที่พ่อเลี้ยงหนุ่มคิดเอาไว้อย่างรอบครอบ เป็นไม้สวมตอที่ยากจะตรวจสอบได้
แต่ตรงกันข้ามกับพ่อเลี้ยงชิดชัยที่ตัดแผ้วถางป่าในประเทศ ซึ่งแน่นอนเป็นสิ่งผิดกฎหมายอยู่แล้ว แถมยังเป็นที่หมายตาของบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ กลุ่มของพ่อเลี้ยงชิดชัยได้เข้ามาดักปล้นไม้ของพ่อเลี้ยงนเรนทร์กลางทางระหว่างขนถ่ายเข้าเมือง เป็นการหากินบนเส้นทางที่ทับซ้อนกัน ซึ่งเวลานี้ขุนพลได้สั่งการให้คนไปจัดการเรื่องนี้แล้วและถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่หยุด เขาจะได้นำเรื่องนี้ส่งต่อให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพราะชนักของพ่อเลี้ยงชิดชัยนั้นชัดเจนกว่ามาก
หากยังคิดเล่นกับไฟ พ่อเลี้ยงนเรนทร์ก็จะมอบไฟบรรลัยกัลป์ไปให้เช่นกัน
“แล้วนายแน่ใจได้อย่างไร ว่ามันจะไม่เป็นผลกระทบกับพวกเรา เกิดไอ้พ่อเลี้ยงชิดชัยมันเอาเรื่องของเราไปให้ตำรวจจัดการต่อล่ะ เราจะไม่เสียไปด้วยหรือ”
ขุนพลยิ้ม สีหน้ากังวลของพ่อเลี้ยงนเรนทร์ปรากฏชัดเจน แต่สำหรับเขานั้นไม่ได้เป็นปัญหา เพราะเหตุการณ์นี้เขาได้หาทางแก้ไขเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
“พ่อเลี้ยงค้าไม้อย่างถูกกฎหมายไม่ใช่หรือครับ” มองอีกฝ่ายอย่างรู้ในความหมายว่า ‘ถูกกฎหมาย’ ในที่นี้มันคืออะไร
“อืม...ใช่ ไม้ของฉันเป็นไม้ที่ถูกกฎหมาย ส่วนไม้ของไอ้พ่อเลี้ยงชิดชัยมันผิด มันผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง ฮ่า ฮ่า”
นเรนทร์หงายหน้าหัวเราะอย่างชอบใจ สีหน้าคลายกังวล ตรงกันข้ามกับขุนพลที่แค่จุดยิ้มที่มุมปาก ประกายตาจริงจังเท่านั้น