ตอนที่ 8 พ่อ

1952 คำ
คุณภูมิกับแม่ขับรถพาฉันมาส่งที่คอนโดฯ ก่อนที่ฉันจะลงรถแม่ก็ได้ยื่นซองกระดาษให้ในนั้นมีเงินสดอยู่จำนวนเท่าเดิมทุกเดือน แต่ฉันก็ยังไม่เคยที่จะแกะมันออกมาใช้สักครั้ง “เอาไว้ใช้นะลูก” แม่ยัดซองกระดาษใส่ในมือของฉัน “รับไว้เถอะหนูมน แม่เขาตั้งใจเก็บเงินไว้ให้หนูเลยนะ” คุณภูมิว่า ฉันเลยรับมันไว้ “ถ้าหนูอยากมาอยู่กับแม่เมื่อไหร่ บอกแม่ได้เสมอเลยนะ” แม่ว่าพลางบีบมือฉันเบา ๆ “เท่านี้ก็ดีพอสำหรับหนูแล้วค่ะ ถ้าพ่อรู้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ” ฉันว่าพลางอมยิ้มอ่อน ๆ แล้วยกมือไหว้ลาทั้งสองไม่ลืมที่จะแวะยีหัวน้องชายก่อนจะเดินลงจากรถแล้วเดินขึ้นห้องตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติในวันนี้ ก็คงจะเป็นตอนที่ฉันเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอผู้เป็นพ่อพร้อมกับภรรยาคนใหม่ที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสกันไปหมาด ๆ กำลังเดินชมห้องฉันตามใจชอบ “พ่อคะ มาทำไมไม่บอกก่อนคะ” ฉันเอ่ยถามชายอายุห้าสิบต้น ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก “ทำไมกลับดึกแบบนี้ล่ะยายมน ไปเถลไถลที่ไหนมาอีก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามเสียงดุ “หนูแค่ไปทานข้าวข้างนอกมาน่ะค่ะ” ฉันตอบกลับก่อนจะช้อนสายตาไปมองยังหญิงสาวที่เดินสำรวจเข้านอกออกในห้องของฉันอย่างถือวิสาสะ “พ่อพาเมียใหม่พ่อมาทำไมคะ มาแล้วก็ไม่มีมารยาท” มือของหญิงสาวที่กำลังหยิบกรอบรูปของฉันขึ้นมาดูถึงกลับหยุดชะงักแล้วหันมายิ้มให้พ่อฉัน พ่อฉันเองก็ยิ้มตอบชวนให้น่าขนลุก ถ้าฉันจำไม่ผิดหญิงสาวคนนี้น่าจะเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยฉันที่จบไปก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่ปี แต่ดันมาโผล่อีกทีก็เป็นแม่เลี้ยงฉันเนี่ยนะ “พูดให้มันดี ๆ หน่อยมน” “พ่อมีอะไรก็รีบ ๆ ว่ามาเถอะค่ะ หนูเหนื่อยหนูอยากพักผ่อน” ฉันว่าอย่างเหนื่อยหน่าย “พ่อว่าแกกลับไปอยู่บ้านเถอะ แล้วคอนโดฯ ห้องนี้ก็ยกให้กับ ปาริตาเขา” ในที่สุดฉันก็ได้รู้ชื่อของยายนี่สักที “เรื่องอะไรที่หนูต้องยกคอนโดฯ นี้ให้เมียใหม่พ่อ คอนโดฯ นี้มันอยู่ใกล้ที่ทำงานของหนูที่สุดแล้วนะคะ” ฉันเอ่ยคัดค้าน “แกฝึกงานอีกแค่ไม่กี่เดือนกลับไปอยู่บ้านก็ได้ ไว้แกได้ที่ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งแล้วพ่อจะซื้อคอนโดฯ ใหม่ให้แกก็ยังได้ อีกอย่างนะคอนโดฯ นี้มันก็อยู่ใกล้ที่ทำงานของปาริตาเขา แถมยังเหมาะให้ปาริตาเขาเอาไว้ขายของออนไลน์ด้วย” ฉันถึงกับต้องเค้นเสียงหัวเราะ “อยากเปย์เมียใหม่แล้วไม่มีเงินน่ะสิไม่ว่า” พ่อถึงกับควันออกหูเมื่อได้ยินถ้อยคำประชดประชัน “ที่ผ่านมาพ่อจะมีผู้หญิงสักกี่คนหนูไม่ว่าเลยนะแต่อย่ามาเบียดเบียนหนู อีกอย่างห้องนี้ก็เป็นชื่อหนู พ่อจะมายกให้ใครไม่ได้” “ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันเป็นคนซื้อให้แก” ชายแก่แผดเสียงอย่างไม่พอใจ “แต่พ่อรับปากแล้วอะว่านี่จะเป็นคอนโดฯ ของหนู พ่อจะมาผิดคำพูดไม่ได้ ห้องนี้หนูอยู่มาหนูดูแลมันหนูก็รักปะ ถ้าพ่ออยากเปย์เมียใหม่พ่อ พ่อก็ไม่ซื้อคอนโดฯ ใหม่สิ” ฉันเถียงกลับอย่างไม่ยอมกัน “ใช่สิคะ ก็ใครจะไปรวยเท่าพ่อเลี้ยงคุณล่ะ” หญิงสาวเอ่ยขัดก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือให้พ่อของฉันดู ผู้เป็นพ่อเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยความโมโหกว่าเก่า “นี่แกยังติดต่อกับแม่แกอยู่อีกเหรอ” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ “มันคนละเรื่องกันนะคะพ่อ พ่ออย่าเปลี่ยนประเด็นสิคะ” ฉันกำหมัดแน่นก่อนจะมองค้อนใส่หญิงสาวที่เข้ามาแส่ไม่เข้าเรื่อง “ฉันเคยบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าติดต่อกับแม่แกอีก หญิงชั่ว ๆ นั่นมีอะไรให้แกโหยหานักหนา” “พ่ออย่าพูดถึงแม่แบบนั้นนะคะ อย่างน้อยแม่เขาก็แคร์หนูมากกว่าพ่อ” ทันทีที่ฉันพูดจบพ่อฉันก็เค้นเสียงหัวเราะออกมาจนฉันแปลกใจ “แคร์แกเหรอ แคร์ยังไงถึงได้ทิ้งแกไปหาผัวใหม่น่ะ คนที่เลี้ยงแกมามันคือฉันนี่ ไม่ใช่แม่แกจำไว้” นิ้วเรียวของพ่อดันหน้าผากของฉันจนฉันเซไปข้างหลัง คำพูดที่เหมือนกับมีดคมกรีดลึกเข้ากลางใจของฉันเต็ม ๆ จนฉันพูดไม่ออก “แม่แกเขาทิ้งแกไว้กับฉัน ทิ้งไว้ให้เป็นภาระที่ต้องเลี้ยงแกจนโตมาเนี่ย รู้ไหมมันเหนื่อยแค่ไหน แล้วแกยังมีหน้ามาพูดแบบนี้กับฉันอีกเหรอ” พ่อยังคงไม่หยุดพูดคำพูดที่ทิ่มแทงจิตใจ ดวงตาของฉันมันเห่อร้อนจนสัมผัสได้ถึงหยดน้ำตาที่ไหลออกจากขอบดวงตา “ถ้ามันเหนื่อยนัก ทำไมพ่อไม่ให้หนูไปอยู่กับแม่หรือไม่ก็ปล่อยให้หนูตาย ๆ ไปเลย” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เพราะแกมันเป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการไงล่ะ ขนาดแม่แกเขายังไม่อยากได้แกเลย” คำพูดของพ่อมันจุกอกฉันไปหมด ในตอนนี้หัวใจของฉันมันแตกสลายอย่างไม่มีชิ้นดีเพราะคำพูดของผู้เป็นพ่อผู้ให้กำเนิด “ได้ งั้นต่อจากนี้ถ้าหนูจะไปตายที่ไหน พ่อก็อย่ามาสนใจหนูแล้วกันพ่อจะได้หายเหนื่อยไง” ฉันว่าก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเองแล้วหยิบกระเป๋าเดินทางออกมากวาดเสื้อผ้าของตัวเองลงในกระเป๋าพร้อมกับหยิบเงินสดของผู้เป็นแม่ที่เก็บกองกันไว้ในลิ้นชักยัดใส่เข้าไปด้วย “ได้ ถ้าแกคิดว่าแกเก่งนักก็ออกไปเลยแล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกล่ะ” ฉันลากกระเป๋าเดินทางสวนทางผู้เป็นพ่ออย่างไม่ไยดีก่อนจะเดินออกจากห้องไป เอาตรง ๆ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี รู้แค่ว่าไปที่ไหนก็ยังดีกว่าอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน สุดท้ายฉันเลยมาจบอยู่ตรงนั่งกอดกระเป๋าเดินทางของตัวเองอยู่ที่ทางเดินเท้าริมถนน ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางควรจะเป็นที่ใดดี แบตฯโทรศัพท์ก็ดันมาหมดอีก “น้อง ๆ จะไปไหนครับ” พี่แท็กซี่จอดก่อนจะลดกระจกเอ่ยถาม ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ใดเลยส่ายหน้าตอบกลับไปจนพี่เขาต้องขับรถออกไป ฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนี้มานานนับชั่วโมงแล้ว ในหัวมันว่างเปล่าไปหมดไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนดี ทุกสิ่งรอบตัวมันเคว้งคว้างไปหมด ฉันนั่งกอดเข่าอยู่อย่างนั้นเสียงรอบตัวค่อย ๆ เจือจางลงในประสาทการได้ยิน ฉันเหมือนคนที่กำลังหลงทางอยู่ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้ทางออก “มน?” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงเรียก “พี่มิล” ฉันเรียกอีกคนเสียงสั่น แสงสว่างจากไฟหน้ารถสะท้อนเข้ามาในดวงตาของฉันพร้อมกับร่างสูงที่เข้ามาประคองร่างฉันให้ลุกขึ้นยืน “มาทำอะไรตรงนี้คนเดียวมันอันตรายรู้ไหม” พี่มิลประคองฉันให้ลุกขึ้นยืนพลางมองสำรวจร่างกายของฉัน “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” “ฮึก พี่มิล” ฉันโผเข้ากอดชายหนุ่มรุ่นพี่ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างเหลืออด พี่มิลงุนงงเล็กน้อยก่อนจะลูบแผ่นหลังของฉันอย่างเบามือ “เกิดอะไรขึ้น” พี่มิลเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนกแต่ก็ยังดึงฉันเข้ามากอดจนจมอกในตอนนี้ฉันสะอื้นไห้จนร่างกายมันสั่นเทาไปหมด “ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไร” ฉันร้องไห้อย่างนั้นอยู่สักพักก่อนที่จะค่อย ๆ ดีขึ้น พี่มิลพาฉันมานั่งที่หน้าร้านสะดวกซื้อพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง “รอพี่แป๊บหนึ่งนะ” หนุ่มรุ่นพี่บอกก่อนที่ฉันจะพยักหน้ารับเนือง ๆ ฉันนั่งรออยู่หน้าร้านสะดวกซื้อสักพักก่อนที่พี่มิลจะเดินออกมาพร้อมกับน้ำเย็น ๆ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่ว “อือ ทานก่อน” พี่มิลยื่นทั้งสองอย่างมาให้ฉัน แต่ฉันขอรับไว้แค่น้ำเปล่าแล้วดันถ้วยบะหมี่คืนให้รุ่นพี่ “ฉันไม่หิวค่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ฉันหยิบขวดน้ำขึ้นมาเปิดแต่ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายฉันมันถึงได้ชาไปหมดเสียจนไม่มีแรง “มาพี่เปิดให้” พี่มิลดึงขวดน้ำออกไปจากมือฉันแล้วเปิดฝามันออกอย่างง่ายดายก่อนจะส่งคืนมาให้ฉัน ฉันรับขวดน้ำมาก่อนจะกระดกขึ้นมาดื่ม ในตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของฉันมันว่างเปล่าไปหมด “จะไม่ทานจริง ๆ เหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ฉันเลยส่ายหน้า “ฉันทานอะไรไม่ลงหรอกค่ะ” ฉันตอบกลับไปเสียงเรียบก่อนที่ชายหนุ่มจะพยักหน้าแล้วนั่งทานแทนฉัน “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ถึงได้หอบกระเป๋าเดินทางไปนั่งหงอยคนเดียวแบบนั้น” พี่มิลกลืนบะหมี่ลงท้องแล้วเอ่ยถามฉันที่นั่งอยู่ข้างกัน ฉันได้แต่ถอนหายใจครั้นจะบอกว่าหนีออกจากบ้านมันก็เหมือนเด็กวัยต่อต้านจะบอกว่าโดนพ่อไล่ออกจากบ้านก็เหมือนตัวปัญหาอีก แต่จะว่าไปฉันก็เหมือนตัวปัญหาจริง ๆ นั่นแหละ เกิดมาพ่อกับแม่ก็เลิกกัน โตมาก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย “ฉันทะเลาะกับพ่อค่ะ ก็เลยว่าจะไปอยู่ที่อื่นสักพัก” ฉันก้มหน้าลงมองบนพื้นอย่างสลดใจ “แล้วเธอจะไปที่ไหน เดี๋ยวพี่ไม่ส่ง” พี่มิลหันมามองหน้าฉัน คำถามของพี่มิลไร้ซึ่งคำตอบ ฉันเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้มาครึ่งค่อนคืนแล้วว่าจะไปอยู่ที่ไหนดี “ไม่รู้ค่ะ... ฉันไม่มีที่ไป” น้ำตาสีใสไหลหยดออกมาจากขอบดวงตาลงบนแขนขาวเนียนของตัวเอง ฉันยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาอย่างลวก ๆ ฉันจะไม่ร้องไห้แล้ว ต้องเข้มแข็งสิกชมน “...” พี่มิลนิ่งเงียบไปก่อนจะถอนหายใจแล้วเอนตัวพิงกับพนักพิงม้านั่งหน้าร้านสะดวกซื้อ “ขอบคุณพี่มากนะคะ เดี๋ยวก็เช้าแล้วฉันคงจะหาทางไปเองได้” ฉันหันมามองหนุ่มรุ่นพี่ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือไปลากกระเป๋าเดินทางเพื่อที่จะเดินออกไปอย่างไม่รู้จุดหมาย “เดี๋ยวก่อนมน” พี่มิลดึงรั้งข้อมือของฉันเอาไว้จนฉันต้องหันมามองหนุ่มรุ่นพี่ “มีอะไรเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามหนุ่มรุ่นพี่ที่มีทีท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “เธอไปอยู่ที่ห้องพี่ก่อนก็ได้ แล้วค่อยคิดต่อว่าจะเอายังไง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม