ตอนที่ 7 บทเรียน

2024 คำ
สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ช่วงปกติจนกระทั่งพี่มิลส่งข้อความเข้ามาในไลน์กลุ่มของบริษัทเรื่องกินเลี้ยงต้อนรีบนักศึกษาฝึกงานและพนักงานใหม่ในคราเดียว ดูก็รู้ว่าพี่เขาหาเรื่องชัด ๆ ทำงานมาเป็นสัปดาห์แล้วเพิ่งมากินเลี้ยงอะไรตอนนี้ ฉันได้แต่ถอนหายใจอย่างจำใจ ทำไงได้ก็เขาเป็นเจ้านาย เป็นคนเขียนประเมินให้ฉันผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้ คิดได้อย่างนั้นก็แค่เข้าร่วมให้มันจบ ๆ ก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ ฉันเลยมานั่งหงอย ๆ ในร้านเดิม ที่เดิมกับแก้วเหล้าในมือ ร้านของรุ่นพี่ในคณะ และเป็นร้านเดียวกันกับที่เกิดเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนด้วย “น้องมน ไม่ไปดื่มด้วยกันเหรอคะ” รุ่นพี่สาวเดินเข้ามาถาม ฉันส่ายหน้าก่อนจะชูแก้วเหล้าที่ยังค้างอยู่ในมือ “มนยังดื่มไม่หมดเลยค่ะพี่” เธอพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปเต้นกับพวกเพื่อน ๆ งานเลี้ยงในวันศุกร์ทำเอาพวกพนักงานที่ทำงานกันอย่างเหนื่อยล้าได้ผ่อนคลายไปด้วย ฉันในตอนนี้แค่ได้นั่งเฉย ๆ โดยไม่ต้องทำอะไรก็มีความสุขแล้ว ฉันเดินหลีกหนีความวุ่นวายออกมาที่หลังร้านเพื่อสูดอากาศสักหน่อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับจนฉันต้องเอนกายนั่งลงบนม้านั่งไม้แล้วแหงนหน้าขึ้นไปมอง วันนี้ท้องฟ้าสวยจัง “ออกมาทำอะไรคนเดียว” ฉันหันกลับมามองร่างสูงที่เดินเข้ามาก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ อย่างถือวิสาสะ ไม่เอ่ยขอกันสักคำ ฉันถอนหายใจอย่างเอือมระอาก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าเหมือนเดิม “มานั่งดูท้องฟ้าค่ะ” ฉันตอบกลับเพียงสั้น ๆ “ทำไมไม่สังสรรค์กับคนอื่น ๆ พี่อุตส่าห์จัดงานนี้ให้เธอเลยนะ” ชายหนุ่มรุ่นพี่เอ่ยถามพลางทอดสายตาจับจ้องมาทางฉัน “คุณรามิลใช้อำนาจในทางไม่ชอบอีกแล้วนะคะ” ฉันหันหน้ากลับมามองหนุ่มรุ่นพี่เพื่อคุยกันดี ๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มอ่อนที่มุมปาก ในตอนนี้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เจือจางไม่ได้ทำให้สติของฉันจางหาย อาจเป็นเพราะเรื่องในคืนนั้น ฉันเลยไม่ดื่มแอลกอฮอล์หนัก ๆ อีกเลย มันเหมือนเป็นบทเรียนสอนชีวิตของฉันไม่ให้พลาดอีก และฉันก็กลัวว่าเรื่องมันจะซ้ำรอยแล้วที่แย่ไปกว่านั้นฉันไม่รู้ว่าถ้าเรื่องครั้งนั้นผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พี่มิลมันจะเป็นอย่างไร ฉันคงดีใจที่ไม่ได้ท้อง แล้วก็คง... ไม่ต้องมาตกหลุมรักชายหนุ่มแบบที่ฉันเกลียด พวกผู้ชายเจ้าชู้ “อยู่กันแค่สองคนไม่ต้องเรียกคุณหรอก เรียกพี่ก็ได้ยังไงตอนเรียนเราก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน หรือว่าไม่ได้นับถือพี่แล้ว ฮ่า ๆ” พี่มิลหัวเราะออกมาเบา ๆ “ต้องนับถือสิคะก็คุณรามิลเป็นหัวหน้าฉัน สามารถเซ็นใบให้ฉันผ่านประเมินได้ ก็ต้องให้เกียรติด้วยการเรียกว่าคุณสิ จะให้ฉันตีสนิทกับเจ้านายเหรอคะ” “โอเค ๆ เรื่องเถียงพี่ยอมเธอแล้วจริง ๆ” ฉันหัวเราะหึในลำคอก่อนจะเสหน้าหันไปมองทางอื่นเพราะสายตาที่พี่มิลจับจ้องมองมามันทำหันใจฉันสั่นข้างในอย่างชอบกล “พี่แค่อยากคุยกับเธออะ” “คุยกับฉันเรื่องอะไรคะ” เรียวคิ้วของฉันขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยก่อนจะหันหน้ากลับมามองรุ่นพี่หนุ่มอีกครั้ง “ไม่รู้สิ พี่แค่อยากอยู่กับเธอ พี่แค่คิดถึงเธอละมั้ง” คำตอบของ พี่มิลทำเอาฉันตกตะลึงจนพูดไม่ออก “คุณรามิลพูดเรื่องอะไรคะ” แม้ว่าฉันจะเข้าใจคำตอบของพี่มิลดี แต่ฉันแค่อยากรู้ว่าในใจของพี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่ นึกอยากจะพูดก็พูดทั้งที่พี่เขามีสาวรุมล้อมขนาดนี้อะนะ ฉันเกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลย “พี่พูดจริง ๆ นะ พี่คิดถึงเธอมากจริง ๆ” ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำนี้มาจากพี่รามิล ชายหนุ่มที่แพรวพราวที่สุดในรุ่น “คุณรามิลคงจะเมามากแล้ว เลยพูดอะไรโดยไม่ทันคิด ฉันเป็นแค่เด็กฝึกงาน จะไปสำคัญอะไรกับคุณรามิลที่มีผู้หญิงที่เพียบพร้อมเดินเข้านอกออกในห้องทำงานเป็นว่าเล่นล่ะคะ” ฉันข่มอารมณ์ขุ่นเคืองของตัวเองเอาไว้ก่อนจะลุกขึ้นยืน พี่มิล พยายามยื้อข้อมือของฉันเอาไว้ด้วยกันดึง “ฟังพี่ก่อนนะ” “ฉันเคยบอกคุณรามิลแล้วไงคะ พวกเราไม่มีเรื่องอะไรมายุ่งเกี่ยวกันอีกแล้วค่ะ” ฉันดึงข้อมือของตัวเองออกแล้วเดินกลับเข้าไปในร้านปล่อยให้พี่มิลนั่งอยู่ที่ม้านั่งตามลำพัง “พี่มนเย็นนี้ไปกินข้าวกัน” น้องชายของฉันพูดขึ้นหลังจากที่นอนเล่นเกมขดอยู่บนเตียงทั้งวัน เมื่อคืนฉันโทร.เรียกให้น้องชายตัวดีของฉันมารับเห็นว่าดึกมากแล้วเลยยอมให้นอนค้างที่ห้องด้วย อันที่จริงก็ทนลูกอ้อนของมันไม่ไหว ไม่รู้แม่เลี้ยงมันมายังไงถึงได้อ้อนเก่งซะเหลือเกิน “ที่ไหน” ฉันเอ่ยถามขณะที่ตัวเองนั่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์อยู่บนโต๊ะทานข้าวภายในห้อง “ผมจองร้านไว้แล้ว เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวพี่เอง” “ไปเอาเงินมาจากไหนจะเลี้ยงข้าวพี่” ฉันหัวเราะเยาะเบา ๆ สงสัยคงเป็นเงินที่ฉันคอยแบ่งให้เวลาที่แม่ฝากเงินเจ้ามิกซ์มาให้แน่ ๆ “เอาเหอะน่าพี่มนแต่งตัวสวย ๆ แล้วกัน” “จ้า ๆ” ฉันตอบรับทั้งที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอแล็ปท็อปเพื่อทำงานให้เสร็จ พอถึงเวลาฉันก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินทางมาตามที่มิกซ์พาไปก่อนจะมาจบที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งภายในห้างดัง ฉันถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ถึงแล้วพี่” “นี่มีเงินจ่ายจริง ๆ ใช่ไหม” ฉันหันมากระซิบถามน้องชายเมื่อเห็นลักษณะการตกแต่งร้านอาหารที่ดูเรียบหรูเสียจนการันตีราคาอาหารได้เลยว่าฉันอาจจะต้องเสียเงินเดือนเดือนนี้ของฉันทั้งเดือนเลยก็ได้ถ้ามิกซ์ไม่มีเงินจ่าย “มีสิพี่มน ก็เนี่ยร้านอาหารของพ่อผมเอง พ่อผมเป็นเชฟ” “หา” ฉันร้องเสียงยาวด้วยความแปลกใจก่อนจะถูกน้องชายลากเข้ามาในร้าน มิกซ์พาฉันให้เดินไปตามทางเดินก่อนจะมาหยุดอยู่ที่โต๊ะริมสุดภายในร้านที่เป็นโซนที่เงียบสงบ ผู้คนน้อยจนให้บรรยากาศความเป็นส่วนตัว สายตาของฉันไปจับจ้องบริเวณแผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ “แม่ครับ ผมพาพี่มาแล้ว” ฉันถึงกับต้องแปลกใจเมื่อมิกซ์เรียกเธอคนนั้นว่าแม่ นั่นเท่ากับว่าเธอก็เป็นแม่ของฉันด้วยน่ะสิ เธอค่อย ๆ หันหน้ามาทำเอาฉันประหลาดใจเข้าไปอีก เพราะแม่ที่ฉันเคยเห็นต่อหน้าจริง ๆ ไม่ใช่ในรูปถ่ายก็เป็นตอนที่ฉันอยู่ประถมนู่นน่ะ ตอนนั้นเธอยังดูซูบผอมหน้าตาดูโทรมมากทั้งที่อายุยังน้อย แต่ในตอนนี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นี่แม่ฉันจริง ๆ เหรอ ทำไมถึงได้ดูสาวสวยราศีจับอย่างนี้ล่ะ “มนเหรอลูก” น้ำเสียงดีใจเอ่ยเมื่อเห็นหน้าฉัน ผู้เป็นแม่ลุกขึ้นยืนก่อนจะเข้ามาจับแขนของฉันเบา ๆ ใบหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใส ฉันแอบเกร็งเล็กน้อยจนรู้สึกเหมือนตัวเองหดลงไปเป็นเด็กประถมอย่างนั้นแหละ “แม่... จริง ๆ เหรอคะ” หญิงสาวยกยิ้มอย่างดีใจก่อนจะประคองให้ฉันนั่งลง ๆ บนเก้าอี้ข้าง ๆ เธอ “แม่ดีใจจริง ๆ ที่ได้เจอลูกวันนี้” ฉันเหลือบตาไปมองมิกซ์อย่างคาดโทษที่พาฉันมาเจอแม่โดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกันเลย “อย่าไปโกรธน้องเลยลูก แม่เป็นคนบอกน้องให้พาลูกมาเองแหละ” “หนูไม่ได้โกรธหรอกค่ะแม่” ฉันหัวเราะแห้ง ๆ ไม่นานนักอาหารก็มาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะก่อนจะมีชายคนหนึ่งลงมานั่งร่วมโต๊ะข้าง ๆ กับมิกซ์ “หนูมนตัวจริงหรือนี่ ในรูปว่าสวยแล้วตัวจริงสวยได้คุณเต็ม ๆ เลยนะ” เขากล่าวพลางหัวเราะอย่างขบขันเรียกรอยยิ้มจากแม่ฉันจนพวงแก้มเห่อแดง “คุณก็...” “พ่อแม่เลิกจีบกันสักวันเถอะครับ ผมเนี่ยอิจฉาอะ” ทั้งโต๊ะหัวเราะกันกับมุกของมิกซ์ทำเอาฉันแอบเกร็งเล็กน้อย ฉันไม่เคยสัมผัสบรรยากาศบนโต๊ะอาหารแบบนี้มาก่อนถ้าไม่ได้ไปกินกับเพื่อนหรือพวกรุ่นพี่ที่สนิทกัน “ไม่ต้องเกร็งไปหรอกนะมน นี่คุณภูมิพัฒน์ พ่อของมิกซ์จ้ะ” ฉันยกมือไหว้ไว้ก่อน ชายหนุ่มมีอายุแต่ใบหน้ายังมีเค้าลางความหล่อเหลายกยิ้มอย่างอ่อนโยน “ทำตัวสบาย ๆ เถอะหนูมน คิดซะว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันหมดนั่นแหละนะ พ่อเองก็อยากมีลูกสาวเหมือนกัน ติดที่ว่าแม่เขาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเลยมีโควตาให้พ่อแค่นี้” คุณภูมิว่าพลางหัวเราะ คิกคักเป็นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ดูไม่จืดเลย ฉันเองเริ่มผ่อนคลายลงบ้างเมื่อทุกคนเริ่มหันมาทานอาหารกัน แม่ตักอาหารหลายอย่างมาไว้ในจานฉันพลางคะยั้นคะยอให้ฉันทานเยอะ ๆ เพราะรู้จากมิกซ์มาว่าฉันชอบทานแต่ข้าวกล่องแช่แข็ง พ่อของมิกซ์เลยเสนอว่าจะทำอาหารฝากเจ้ามิกซ์มาให้บ่อย ๆ ฉันจะได้ร่างกายแข็งแรง บรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น จนฉันสามารถพูดคุยและหัวเราะร่วมกับวงสนทนาได้อย่างไม่รู้สึกเคอะเขิน “แล้วลูกมีแฟนหรือยังจ๊ะ” แม่เอ่ยถามจนทุกคนพากันส่งสายตาแซวมาทางฉัน “สวย ๆ อย่างนี้ต้องมีอยู่แล้ว ใช่ไหมเจ้ามิกซ์” คุณภูมิว่าก่อนจะหันมาสะกิดไหล่ของบุตรชาย “ระดับพี่มนอะนะมีอยู่แล้ว เป็นถึงระดับหัวหน้านู่นน่ะ” “มิกซ์” ฉันเรียกชื่อน้องชายเพื่อปราม “จีบเจิบอะไรเล่า” “ไม่จีบก็ได้ แต่แค่เขาชอบพี่แค่นั้นเอง” คำพูดของน้องชายฉันทำเอาสองสามีภรรยาตาลุกวาวแล้วหันมาจับจ้องทางฉันด้วยความอยากรู้ “จริงเหรอลูก เขาเป็นใคร ชื่อแซ่อะไร หน้าตาเป็นยังไงไหนเล่าให้แม่ฟังสิ” ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างเอือมระอา “โธ่แม่คะ จะไปเชื่ออะไรน้องมันล่ะคะ” “เขาชื่อรามิลครับแม่ เคยเป็นรุ่นพี่ของพี่มนในคณะ” ฉันรีบส่งสายตาปรามน้องชายสุดปากไวของตัวเองจนเจ้ามิกซ์นั่งอมยิ้มแล้วก้มหน้าลงไม่ยอมสบสายตากับฉัน “ว้ายตายแล้ว ถ้าเขามาจีบลูกเมื่อไหร่ต้องพามาให้แม่รู้จักนะจ๊ะ” “แม่ น้องมันก็พูดไปเรื่อยค่ะ” ผู้เป็นแม่หัวเราะก่อนจะตักอาหารใส่ไว้ในจานของฉัน “ทานเยอะ ๆ นะจ๊ะ คุณภูมิเขาตั้งใจทำทุกจานเอง” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองคุณภูมิที่ยกยิ้มอย่างอ่อนโยน จนฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่ถึงได้เลือกแต่งงานกับเขา เขาช่างแตกต่างจากพ่อของฉันมากจริง ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม