บทที่ 9 ครอบครัว

1995 คำ
ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรว่าตอนนั้นอะไรเข้าสิงถึงได้ตอบตกลงไป จนตัวเองมาโผล่อยู่ในคอนโดฯ ของหนุ่มรุ่นพี่ได้ หลังจากที่ตัวเองรู้สึกหลงทางอยู่นานพอมีคนหยิบยื่นแสงสว่างมาให้ฉันก็คงตอบตกลงโดยไม่คิดจะลังเล แต่กับพี่มิลฉันควรจะลังเลสักนิด แต่ดันมาโผล่ในห้องเขาแล้ว “พี่มิลย้ายคอนโดฯ ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” สรรพนามเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เมื่อหัวใจของฉันมันเริ่มเต้นถี่ระรัวมากขึ้นตอนที่เห็นว่าพี่มิลไม่ได้อยู่ที่คอนโดฯ เดิมเมื่อสองปีที่แล้ว “อ๋อ ตรงนี้มันสะดวกมากกว่าอยู่ในบ้านพี่ ใกล้ที่ทำงานด้วย” ฉันขมวดคิ้วงุนงง “ใกล้บ้าน แล้วทำไมไม่อยู่บ้านล่ะคะ” ฉันเอ่ยถามด้วยความสงสัย “พี่ก็เหมือนเธอนั่นแหละ ไม่อยากกลับบ้านไปเจอเรื่องนู้นเรื่องนี้ จุกจิกไปหมด” พี่มิลเดินนำฉันเข้ามาในห้องห้องหนึ่งก่อนจะหยิบผ้าขนหนูส่งมาให้ฉัน “ไปอาบน้ำสิ” คอนโดฯ ที่พี่มิลอยู่มีลักษณะเป็นสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น ถือว่ากว้างขวางใช้ได้ ว่าแต่อีกห้องนอนหนึ่งเขาเตรียมไว้ให้ใครกัน ฉันอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาดแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่า พี่มิลมีชุดนอนผู้หญิงแถมยังไซซ์พอ ๆ กับฉันพอดิบพอดีจนน่าสงสัย “อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ” พี่มิลนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเอ่ยถามฉัน “ค่ะ” “ถ้าเธอง่วง ไปนอนในห้องนอนเล็กได้นะ” ฉันขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินไปยังห้องที่พี่มิลว่า พอเปิดประตูออกดูก็ต้องแปลกใจ ไหนว่าห้องเล็กไง ใหญ่กว่าห้องฉันอีก ฉันเดินสำรวจรอบห้องต่อให้จะสงสัยขนาดไหนก็ไม่กล้าแตะต้องข้าวของในห้องอยู่ดี ได้แต่ใช้สายตากวาดมองแล้วก็ต้องฉงน การตกแต่งยิบย่อยดูยังไงก็เป็นผู้หญิงแน่ ๆ แถมกลิ่นน้ำหอมในห้องก็หวาน ๆ ดูลูกคุณหนู คุ้น ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ฉันพยายามเค้นความทรงจำทั้งหมดในสมอง ไม่ใช่พี่รตีแน่ ๆ เพราะการแต่งตัวของพี่เขาดูเปรี้ยว ๆ แซ่บ ๆ ไม่เหมาะกับน้ำหอมกลิ่นนี้ ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นผู้หญิงน่ารัก ๆ ที่ส่งอาหารให้พี่มิลเสียมากกว่า ฉันรีบเดินออกมาจากห้องเป็นเวลาเดียวกันกับพี่มิลกำลังจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเองพอดี “มีอะไรหรือเปล่ามน” พี่มิลเอ่ยถาม “ฉันนอนโซฟาก็ได้ค่ะ ถ้าเจ้าของห้องเขารู้เขาน่าจะไม่พอใจนะคะ” ว่าแล้วฉันก็เดินไปนั่งที่โซฟาก่อนจะล้มตัวลงนอนทำเป็นข่มตาเพื่อไม่ให้หนุ่มรุ่นพี่ได้ซักไซ้ต่อ “งั้นแล้วแต่เธอแล้วกันนะ ถ้าอยากได้อะไรก็มาเรียกพี่แล้วกัน” ฉันพยักหน้ารับทั้งที่ยังหลับตาอยู่พอได้ยินเสียงปิดประตูห้อง เลยลืมตาเบิกโพลงขึ้นมา ถ้าห้องนั้นเป็นห้องของผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ แสดงว่าฉันก็กำลังมายุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้วถูกไหมเนี่ย ตายแล้ว ๆ ยายมน มือถือชาร์จเต็มเมื่อไหร่ต้องรีบไปทันที เวลาเดินผ่านไปอย่างช้า ๆ ช้าจนฉันหงุดหงิด ฉันได้แต่นอนพลิกไปมาบนโซฟาแคบเพราะข่มตานอนไม่ลง ในหัวฉันมันตีกันไปหมดจนแทบจะระเบิด ในใจของฉันมันเจ็บจี๊ดพอคิดว่าเรื่องที่ฉันคิดอาจจะเป็นเรื่องจริง ตั้งแต่ฉันกับพี่มิลแยกย้ายกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ต่อให้ฉันจะบล็อกพี่เขาไปทุกช่องทางแต่ฉันก็สร้างแอ็กหลุมคอยตามพี่เขาอยู่ตลอด รู้ว่าพี่เขาชอบดูแข่งรถมอเตอร์ไซค์ แล้วเห็นพี่หมอที่ยายวิชอบอยู่ในนั้น จนช่วยให้ยายวิสมหวัง แถมพอมีผู้ชายมาจีบฉัน ฉันก็ไม่อินเลยสักคน ไม่รู้ทำไมฉันถึงหาคนแบบพี่มิลไม่ได้สักที ยิ่งพอได้กลับมาอยู่ใกล้พี่มิลแบบนี้แล้ว ความทรงจำมันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก ฉันว่าเท่านี้ฉันก็พอจะยืนยันกับตัวเองได้แล้ว ว่าฉันยังชอบพี่มิลอยู่ แล้วก็ไม่เคยลืมพี่เขาไปได้เลย แต่มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าพี่มิลลืมเรื่องตอนนั้นไปหมดแล้ว กลับไปเป็นพี่มิลคนเดิม คนที่ฉันเกลียดขี้หน้า ฉันนอนพลิกตัวไปมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาดิจิทัลที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ โทรทัศน์บอกว่าตอนนี้เวลาเกือบจะเจ็ดโมงเช้าแล้ว นี่ฉันนอนว้าวุ่นใจจนไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย ฉันถอนหายใจยาวด้วยความอ่อนเพลียก่อนจะต้องเบิตตากว้างเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องติดกับห้องนั่งเล่นเปิดออก กำลังมีคนเดินเข้ามา เอาวะ อย่าทำตัวมีพิรุธ แค่บอกว่ามาอาศัยนอนก็พอแล้ว ฉันรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะหันหน้าไปมองคนที่เดินเปิดประตู เข้ามา หญิงสาวก้มลงเปลี่ยนรองเท้าแล้วก็ถึงกับผงะเมื่อสบสายตากับฉัน ฉันเดาไม่ผิดจริง ๆ ด้วย เธอหน้าหวานคนนั้น... เป็นแฟนตัวจริงของพี่มิล “เธอมาอยู่ที่ได้ไงอะ” เธอชี้นิ้วมาทางฉันด้วยความสงสัยและปะปนกับหวาดระแวง “คือ... ฉันแค่...” ฉันพูดตะกุกตะกักไม่รู้ทำไมพอจะอธิบายไปเรียวลิ้นของฉันมันถึงไม่เป็นอย่างที่จะพูดยังไงก็ไม่รู้ จนผู้หญิงคนนั้นเร่งฝีเท้าเข้ามาประชิดที่โซฟาพลางง้างมือขึ้นมาอย่างกะจะตบฉันอย่างนั้นแหละ ฉันรีบหลับตาปี๋ก่อนที่สัมผัสนิ่มจะเข้ามาบีบที่แก้มของฉัน “ตายแล้ว นี่เธอเป็นแฟนพี่มิลจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย” ฉันค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นมามองพอเห็นว่าใบหน้าจิ้มลิ้มของหญิงสาวยกยิ้มก็เลยลืมตาขึ้นมา “หา... อะไรนะคะ” “ก็ว่าอยู่ ว่าเด็กนักศึกษาฝึกงานจะเข้าไปอยู่ในห้องทำงานพี่มิลได้ยังไง เธอเป็นแฟนพี่มิลนี่เองสินะ หน้าตาน่ารักใช้ได้เลย” เธอบีบแก้มฉันด้วยความมันเขี้ยวทำเอาฉันถึงกับฉงน แล้วก็เก้อเขินไปกับคำชมของ หญิงสาว แต่เอ๊ะ ฉันไม่ใช่แฟนพี่มิลสักหน่อย “คือว่าฉันไม่ใช่แฟนพี่มิลนะคะ” “ไม่ใช่แฟนก็ต้องเป็นเด็กของพี่มิลแหง ๆ เธอรู้ไหมตั้งแต่พี่มิลซื้อคอนโดฯ ห้องนี้มาพี่มิลไม่เคยพาสาวคนไหนขึ้นห้องเลยนะ” เธอพูดร่ายยาวด้วยน้ำเสียงที่สดใส “พูดมากเกินไปแล้ว” เราสองคนหันไปทางเจ้าของเสียงทุ้มที่ยืนพิงกับขอบประตูหน้าห้องของตัวเอง “โธ่พี่มิลคะ ก็รดาตื่นเต้นนี่นา” พี่มิลพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะเดินเข้าไปที่โซนเคาน์เตอร์ทำครัวเพื่อรินน้ำใส่แก้วแล้วยกขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย “นี่มัน... คืออะไรกันแน่คะ ฉันงงไปหมดแล้ว” ฉันยังคงสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมากเสียจนฉันจับต้นชนปลาย ไม่ถูก “อ๋อ พี่ลืมแนะนำตัวไป พี่ชื่อรดาจ๊ะ เป็นน้องสาวของพี่มิล” เธอแนะนำตัวด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม “น้องต่างแม่” พี่มิลพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ค่ะรู้แล้วไม่ต้องย้ำหรอกน่ะ” พี่รดาทำหน้ามุ่ย “พี่รดาเหรอคะ” ฉันขมวดคิ้ว ถ้าแทนตัวเองว่าพี่ก็คงจะอายุมากกว่าฉันจริง ๆ “ใช่ค่ะ พี่เรียนจบแล้ว ก็คงจะอายุมากกว่าน้อง... ชื่ออะไรนะคะ” “อ๋อ หนูชื่อมนค่ะ” ฉันยกยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร “โอเค ตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้วเนอะ” “พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ อย่าพูดอะไรแผลง ๆ ล่ะ สั่งอาหารเช้าขึ้นมาด้วย” พี่มิลกำชับเสียงแข็งต่างจากเวลาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นโดยสิ้นเชิง ทีกับน้องกับนุ่งไม่เห็นมีเสียงอ่อนเสียงหวานเลยนะ “รับทราบค่ะ” พี่รดารีบตามหลังของพี่ชายที่เดินเข้าไปในห้องของตัวเองก่อนจะปิดประตูลง “พี่รดาคะ” ฉันเอ่ยเรียก “คะน้องมน” สาวรุ่นพี่ลงมานั่งข้าง ๆ ฉันอย่างให้ความสนใจ “พี่... เอ่อ คุณรามิลเขาไม่เคยพาใครขึ้นห้องจริงเหรอคะ” เธอพยักหน้าระรัว “ใช่ค่ะ ตั้งแต่เรียนจบ ขยันทำงานตัวเป็นเกลียวเรื่องสาวเรื่องอะไรก็ไม่เคยยุ่งเลยนะคะ ตอนแรกก็แอบเป็นห่วงเห็นว่าทะเลาะกับคุณพ่อเลยออกมากลางดึก ที่ไหนได้มากกตัวอยู่กับหนูนี่เอง” “คุณรามิลทะเลาะกับพ่อมาเหรอคะ” พี่มิลเองก็เพิ่งทะเลาะกับพ่อมา แต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมยังมาปลอบใจฉันอีกเนี่ยนะ “สองพ่อลูกเขาไม่ถูกกันมาตั้งแต่พี่จำความได้ แค่คุยกันนิดเดียวก็ทะเลาะกันจนเป็นเรื่องปกติแล้วค่ะ แต่ครั้งนี้พอเป็นเรื่องพี่รตี ก็เลยหนักหน่อย” พี่รตี หรือว่าจะหมายหมั้นให้ทั้งสองแต่งงานกันตามประสาลูกคนรวยน่ะ “เขาอยากให้ทั้งสองแต่งงานกันใช่ไหมคะ” “หนูรู้ได้ไงคะ แต่ก็นะ ใคร ๆ ในบริษัทก็รู้นี่นาว่าพี่รตีมาตามตื้อ พี่มิล” พี่รดาพูดพลางถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “แล้วพี่มิลไม่ถูกกับพี่รดาด้วยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวยกยิ้มกว้าง “ที่หนูเห็นน่ะ เป็นเพียงแค่ภายนอก ถึงพี่มิลเขาจะเย็นชากับพี่อะนะ แต่เขาก็เป็นพี่ชายที่ดี ตอนเด็ก ๆ พี่ตามตื้อพี่มิลบ่อยมาก เพราะพี่อยากมีพี่ชายจนพี่มิลเขารำคาญผลักพี่ตัวปลิวเลย แต่ดันปลิวลงสระว่ายน้ำน่ะ” พี่รดาพูดพลางหัวเราะราวกับเป็นเรื่องขำขัน แต่ฉันกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง “ตอนนั้นพี่มิลรีบกระโดดลงมาช่วยพี่จนพี่ขึ้นฝั่งได้แต่ตัวเองดันเป็นตะคริว ดีที่คุณพ่อมาเห็นซะก่อน จากนั้นอะนะ พี่มิลก็ไม่ได้ใจร้ายเหมือนแต่ก่อน แค่ปากแข็งเท่านั้นเอง พูดดีกับผู้หญิงทั้งโลก ยกเว้นน้องสาวตัวเอง แต่คงมีแค่พี่ที่พี่มิลเขาทำดีโดยที่ไม่หวังผลละมั้ง” ฉันยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองเบา ๆ ก็คงจะจริงอย่างที่พี่รดาว่า “ตอนที่พี่มิลซื้อคอนโดฯ นี้เมื่อสองปีก่อนก็เหมือนกัน พี่อ้อนพี่มิล แทบตายเลยบอกว่าอยากอยู่กับพี่มิล แต่ตอนแรกพี่มิลบอกว่าห้องนี้มีเจ้าของแล้ว พอพี่ไปดูการออกแบบรู้ไหมเป็นห้องใคร” “ห้องใครคะ” ฉันเอ่ยถามกลับด้วยความสงสัย “พี่มิลจะทำห้องเด็กแหละ” คำตอบของพี่รดาทำเอาฉันอึ้งจนลำตัวแข็งทื่อ “แต่ไม่รู้ทำไม อยู่ดี ๆ พี่เขาก็ยกห้องนี้ให้พี่เฉยเลย” ร่างกายของฉันมันชาวาบไปหมด พอ ๆ กับหัวใจที่บีบรัดแน่น ในหัวคิดอยู่อย่างเดียวคือพี่มิลอยากมีลูกมากขนาดนั้นเชียวเหรอ เมื่อสองปีก่อน ฉันไปให้ความหวังกับพี่เขาเยอะมากเลยใช่ไหม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม