ตอนที่ 6 กลับสู่ปัจจุบัน

2032 คำ
กลับมาสู่ปัจจุบัน ฉันนั่งบนฝาชักโครกที่ดึงลงมาปิดแล้วเอนศีรษะพิงกับผนังห้องน้ำด้วยความเหนื่อยหน่ายหลังจากที่นั่งคิดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมาประมาณสองถึงสามปีแล้ว ไม่สิกำลังจะเข้าปีที่สามต่างหาก พอฉันนั่งปลอบใจตัวเองจนรู้สึกดีขึ้นแล้ว เลยลุกขึ้นมาแล้วเดินไปเปิดประตูห้องน้ำก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีสาวสวยกำลังยืนส่องกระจกแต่งแต้มสีที่ริมฝีปากให้ดูดี นั่นมันผู้หญิงที่อยู่ในห้องพี่มิลนี่นา “อ้าว น้องนักศึกษาคนนั้นนี่ ยังอยู่ในชั้นนี้อยู่อีกเหรอจ๊ะ” ฉันส่งยิ้มเจื่อนก่อนจะเดินไปที่อ่างล้างหน้าเพื่อล้างมือของตัวเองแล้วดูเชิงหญิงสาวไปด้วย “พี่นี่สวยจังเลยนะคะ แต่ไม่เคยเห็นในบริษัทเลย” หญิงสาวหัวเราะอย่างชอบใจ “พี่ชื่อรติมาจ้ะ หรือจะเรียกว่ารตีก็ได้นะ พี่ไม่ใช่พนักงานบริษัท ในนี้หรอกจ้ะเลยไม่ค่อยได้มาบ่อย ๆ” เธอแนะนำตัวเองด้วยความภูมิใจก่อนจะหันไปมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าปลอดผู้คนแล้ว เธอก็ค่อย ๆ โน้มหน้าเข้ามาหา “มีอะไรหรือเปล่าคะ” “ที่จริงพี่น่ะเป็นลูกสาวของประธานบริษัทที่เป็นคู่ค้ากับบริษัทที่นี่น่ะ พ่อของพี่กับพี่มิลเลยสนิทกัน พวกเราเลยสนิทกันไปด้วยนะจ๊ะ” พี่รตียิ้มกว้างก่อนจะหันไปมองกระจกแล้วจัดหน้าผมให้เรียบร้อย “แค่เพื่อนสนิทเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว ที่เห็นเมื่อกี้เหมือนจะไม่ใช่แค่เพื่อนเลย “ว้ายตายแล้ว นี่น้องดูออกเหรอคะเนี่ย” เธอยกมือขึ้นมาปิดปากราวกับความลับสำคัญถูกเปิดโปง “พี่มิลเขาเป็นคนขี้อายน่ะจ้ะ เลยไม่ชอบเปิดตัว ที่จริงพี่กับพี่มิลเราคบกันอยู่น่ะ” ฉันถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ คำพูดจุกอยู่ในคอจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่เผยรอยยิ้มจางกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ถึงความผิดปกติ “เหรอคะ ดีจังเลย” ฉันตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ ก่อนจะทำท่ายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอย่างลวก ๆ ถึงแม้เวลาตอนนี้จะเป็นตอนพักเที่ยงก็ตาม “ตายแล้ว หนูต้องเข้างานแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ” “พี่ก็ว่าจะไปแล้วเหมือนกัน ว่าแต่น้องชื่ออะไรเหรอจ๊ะ” เธอเอ่ยถามพลางเดินตามหลังฉันมาเพื่อจะออกมาจากห้องน้ำ “ชื่อ...” “มน” ฉันหันขวับมามองเจ้าของน้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อฉัน ทันทีที่ขาของฉันก้าวพ้นผ่านห้องน้ำออกมาก็ต้องพบกับพี่มิลที่ยืนเอนหลังพิงกับผนังห้องแล้วทอดสายตามามองทางฉันก่อนจะเคลื่อนสายตาไปมองทางหญิงสาวที่อยู่ถัดไปจากฉัน “อ้าวพี่มิลมายืนรอรตีเหรอคะ แหม รตีก็บอกแล้วว่าไม่ต้องไปส่งอะ รตีกลับเองได้” พี่มิลลุกขึ้นมายืนตัวตรงก่อนจะเดินเข้ามาหาพวกฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่เหมือนกับพี่มิลแต่ก่อนเลยแฮะ เวอร์ชันนี้มันเหมือนบอสที่ชอบกดขี่ลูกน้องยังไงก็ไม่รู้ “เปล่าหรอก พี่มาคุยกับกชมนเรื่องเอกสารเมื่อกี้น่ะ” หญิงสาวหันมามองหน้าฉันก่อนจะกลับไปยิ้มให้พี่มิล “ถ้างั้นรตีไม่กวนแล้ว ตั้งใจทำงานนะคะ” เธอส่งยิ้มให้ทั้งฉันและพี่มิลก่อนจะเดินออกไป ฉันได้แต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ตรงนั้นตามลำพัง “พ.. คุณรามิลมีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันกลืนน้ำลายพลางหลบสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองมา “ตามผมมาที่ห้องทำงานด้วยครับ” “แต่นี่มันเวลาพักเที่ยงนะคะ” ฉันมองตามแผ่นหลังของพี่มิลที่เดินนำไปโดยไม่ได้รีรอ บีบให้ฉันต้องรีบก้าวเท้าวิ่งตามไปในทันที พอมาถึงที่ห้องทำงานของพี่มิล ฉันก็เห็นว่าเลขาฯ สาวของพี่มิลกำลังจัดโต๊ะอาหารไว้อย่างเรียบร้อย “จัดโต๊ะอาหารอย่างที่คุณรามิลว่าแล้วนะคะ” เธอหันมารายงานก่อนจะเหลือบมามองฉันด้วยสายตางุนงง ไม่ต้องงงหรอกค่ะให้ฉันงง คนเดียวก็พอแล้ว “ขอบคุณครับ” เธอค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ฉันกับพี่มิลอยู่ในห้องกันตามลำพัง ทำไม กรี๊ด “นั่งก่อนสิ” พี่มิลทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องทำงานก่อนจะผายมือให้ฉันนั่งลงฝั่งตรงข้ามโดยมีอาหารละลานตากั้นเราอยู่ “มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะค่ะ เวลานี้เป็นเวลาพักของฉันนะคะ” ฉันเอ่ยปากก่อนจะนั่งลงอย่างที่พี่มิลว่า “ก็ไม่อะไรหรอก ผมก็แค่อยากถามสารทุกข์สุกดิบของพนักงาน แค่นั้นเอง” ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอยตัวพิงกับพนักโซฟาอย่างสบายใจ “สบายดีค่ะ ไม่ถูกรุ่นพี่รังแกเลย สนิทกัน รักกันมาก ๆ พี่เขาสอนงานดีมากเลยค่ะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ฉันยกยิ้มตอบก่อนจะเลิกคิ้วเป็นนัยไปได้หรือยัง “ไหน ๆ ผมก็เบียดเบียนเวลาพักของคุณกชมนแล้ว ทานข้าวที่นี่เลยก็ได้นะครับ” พี่มิลยกคิ้วเข้มขึ้นก่อนจะกดสายตาลงมองอาหารหลากหลายตรงหน้า ฉันได้แต่ก้มลงมองตามแล้วก็แอบกลืนน้ำลายแต่ก็ต้องส่ายหน้าระรัวไล่ความคิดนั้นออกไปแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มที่เมื่อก่อนเป็นรุ่นพี่แต่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นเจ้านาย “ฉันว่าคุณรามิลกำลังใช้อำนาจในทางไม่ชอบนะคะ” ฉันเหยียดยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืน “ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ก็ไม่ควรคุยกันในที่ทำงานสิคะ” พี่มิลเงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างก่อนจะมองตามฉันที่ลุกขึ้นยืนทำท่าเหมือนจะเดินออกไป “แสดงว่าถ้าผมอยากทานข้าวกับคุณกชมน ต้องไปทานข้างนอกใช่ไหมครับ” “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ฉันกำลังจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะห้องก่อนจะตามมาด้วยเสียงหวานของใครบางคน “รดาขอเข้าไปนะคะพี่มิล” “เชิญ” ฉันรีบหันกลับมามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนที่หญิงสาวเจ้าของเสียงหวานจะเดินเข้ามา เธอเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวกล่องในมือ ใบหน้าหวานจิ้มลิ้มน่ารักเงยหน้าขึ้นมาจากกล่องอาหารก่อนจะแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นฉัน “รดาขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าพี่มิลมีแขก” เธอกล่าวอย่างสุภาพ ในตอนนี้ฉันรู้สึกสับสนไปหมด ฉันก็พอจะจำได้นะว่าแต่ก่อนพี่มิลเจ้าชู้ขนาดไหน และก็ไม่ได้หวังว่าพี่เขาจะทิ้งลายเดิม แต่เธอตรงหน้าฉันลักษณะภายนอกเหมือนยายวิ เพื่อนสาวของฉันไม่มีผิด ไม่อยากให้มาเจอไอ้หนุ่มหน้าหม้อนี้เลย “ไม่เป็นไรค่ะฉันกำลังจะไปแล้ว” ฉันว่าก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มที่นั่งอย่างสบายใจ “สาวเยอะเหมือนเดิมเลยนะคะ คุณรามิล” ฉันหันมายิ้มให้หญิงสาวก่อนจะเดินออกไปให้ทั้งสองได้ทานข้าวด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย คิดถูกแล้วที่ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอก่อนจะกดลิฟต์ลงมาที่ชั้นล่างเพื่อนั่งทางข้าวที่ศูนย์อาหารเพียงลำพัง เพื่อนสนิทของฉันทั้งสองคนแยกย้ายไปฝึกงานตามที่ของตัวเองเพราะมีบริษัทของครอบครัวรอรับอยู่แล้ว ส่วนฉันมันหัวเดียวกระเทียมลีบ พ่อฉันเป็นพนักงานอาวุโสของบริษัทแห่งหนึ่ง ถือว่าเป็นพนักงานเงินเดือนที่ร่ำรวยอยู่ไม่น้อยแต่วัน ๆ ก็มีบรรดาสาว ๆ รุ่นราวคราวเดียวกับฉันเข้ามาติดพันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ฉันเลยไม่คิดจะหวังพึ่งผู้เป็นพ่อเลยสักนิด แค่เขาให้เงินกับซื้อคอนโดฯ ให้ฉันอยู่ก็ติดเป็นบุญคุณที่อยากจะทดแทนให้จบ ๆ ไปเต็มที ในตอนเลิกงานฉันก็รีบปิดแล็ปท็อปของตัวเองแล้วยกมือไหว้ พวกรุ่นพี่ทั่วสารทิศก่อนจะเดินลงมาจากตึกเพื่อที่จะเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อน ฉันเดินลงมาจนถึงหน้าบริษัทเพื่อที่จะไปขึ้นรถโดยสารประจำทางอย่างที่ทำเป็นปกติ “มน” เสียงเรียกจากด้านหลังทำเอาฝีเท้าฉันหยุดชะงักก่อนจะหันไปมอง “คุณรามิล” ฉันเอ่ยเรียกชื่อของอีกคน ร่างสูงสวมชุดสูทก่อนจะเดินตามฉันมา “เย็นนี้ว่างหรือเปล่า” พี่มิลเข้ามาถามฉันอย่างตรงไปตรงมา “ไปทานข้าวด้วยกันนะ” นี่พี่เขาอยากกินข้าวกับฉันขนาดนั้นเลยหรือไง ที่กินไปตอนเที่ยงมันยังไม่อิ่มอกอิ่มใจพอแล้วหรือยังไงหรือมันย่อยไปหมดแล้วน่ะฮะ “พี่มน” เสียงสวรรค์ดังขึ้นจากอีกฝั่ง เวลานี้ฉันรู้สึกรักน้องชายของฉันขึ้นมาทันที มามะ มาให้พี่หอมแก้มซะดี ๆ “อ้าวมิกซ์ โตเป็นหนุ่มแล้วนี่” มิกซ์ในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาพลางขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นพี่มิลไม่รู้ว่าแปลกใจหรือจำพี่มิลไม่ได้กันแน่ ฉันรีบเดินเข้าไปควงแขนน้องชาย “ไม่ว่างแล้วค่ะคุณรามิล พอดีว่าต้องไปทานข้าวกับครอบครัวค่ะ เนอะมิกซ์” น้องชายฉันยังคงแสดงสีหน้างุนงง “คุณรามิล อ๋อ พี่มิล” มิกซ์ช้อนสายตากลับมามองชายร่างสูง “ใช่ครับพอดีพี่มนมีนัดแล้ว” “งั้นไม่เป็นไร วันหลังก็ได้” พี่มิลพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย ฉันยกยิ้ม “สวัสดีค่ะคุณรามิล” ฉันรีบยกมือไหว้ก่อนที่น้องชายจะหันมามองฉันด้วยความสงสัย “พี่มนเรียกพี่มิลว่าคุณทำไมอะ” น้องชายช่างสงสัยของฉันเอ่ยถาม ฉันรีบกดหัวน้องชายให้ก้มหัวลง “ไปก่อนนะคะคุณรามิล” ฉันลากน้องชายตัวดีออกไปทันทีก่อนจะขึ้นไปบนรถโดยสารประจำทาง หรือจะเรียกว่ารถเมล์นั่นแหละ พอขึ้นไปนั่งได้ฉันก็เอนศีรษะพิงกับขอบหน้าต่างแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ทำไมพี่ต้องลนลานขนาดนั้นด้วย” มิกซ์ย่นหัวคิ้วมาชนกันก่อนจะมองหน้าฉันแล้วตั้งคำถาม “พี่แค่ไม่อยากเจอหน้าเขา จำไม่ได้เหรอที่พี่เคยบอกว่าชาตินี้ไม่อยากเจอหน้าพี่เขาอีก แต่ดันมาเป็นเจ้านายซะได้” ฉันจิ๊ปากด้วยความไม่พอใจ “แล้วทำไมเขาต้องมาตามพี่อะ หรือว่าเขามาตามจีบพี่” คำถามของน้องชายทำเอาฉันเด้งตัวขึ้นมาแล้วเคลื่อนสายตากลับมามองชายหนุ่ม “จีบเจิบอะไรเล่า วันเดียวมีสาวเดินผลัดกันเข้าห้องทำงานขนาดนั้นอะ เขาจะมาอะไรกับพี่” ฉันหันกลับไปมองท้องถนนจากหน้าต่าง “แต่พี่อาจจะไม่เหมือนคนอื่นไง” ฉันขมวดคิ้วฉงน “ไม่เหมือนยังไง” “ก็เรื่องเมื่อสองปีก่อนไง ที่พี่ไม่เหมือนคนอื่น พี่เป็นคนขอยุติความสัมพันธ์กับพี่เขาเอง” “คนเจ้าชู้แบบนั้นอะ ต่อให้ผ่านไปกี่ปีก็ยังเหมือนเดิม พี่ไม่อยากเอาใจลงไปเล่นหรอกนะ” น้องชายฉันนั่งกอดอก “แต่ก็จริง ผมก็ไม่ยอมให้พี่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนั้นหรอก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม