“จริงๆแล้วฉันก็ไม่ดีเองเหมือนกันที่แกล้งเธอหนักขนาดนี้ ถ้าฉันรู้ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น ฉันก็ไม่แกล้งหรอก ฉันขอโทษ ที่แกล้งเธอนะ”
พูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะกลบเกลื่อนท่าทางประหม่าของตนที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าอาการประหม่านี้มันมาจากไหนแต่ที่แน่ๆ หญิงสาวตรงหน้าของเขาหัวเราะออกมาและมองชายหนุ่มตรงหน้าว่าเวลาเขาหัวเราะไม่ถือตัวแบบนี้ น่ารักกว่าเวลาทำหน้ายักษ์เป็นไหนๆ
“คุณรู้มั้ยเวลาคุณยิ้มนะน่ารักกว่าตอนหน้าบึ้งอีก” เมธาวีบอกด้วยรอยยิ้ม
“งั้นเหรอ ฉันไม่เคยรู้เลยนะเนี่ยถ้าเธอไม่บอกฉัน แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฉันก็ต้องขอโทษเธอด้วยเหมือนกันที่คอยแกล้งเธอมาตลอด” เอกราชมองสบตาหญิงสาวอีกครั้ง
“โอเค งั้นฉันก็ขอโทษเธอด้วยล่ะกันสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา งั้นต่อไปเราเป็นเพื่อนกันได้มั้ย” ชายหนุ่มถามออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ว่าไงล่ะต่อไปเราเป็นเพื่อนกันได้มั้ยเราสองคนลืมเรื่องในอดีตให้หมดแล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ” ชายหนุ่มถามย้ำหญิงสาวอีกครั้ง
“ได้สิค่ะ งั้นต่อไปเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน โอเคมั้ยค่ะ” เมธาวีพูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ชายหนุ่มเห็นแล้วบอกว่าน่ารัก
“จริงๆ เวลาเธอยิ้มแล้วน่ารักกว่าตอนหน้าบึ้งเป็นไหนๆ”
“คุณไม่เคยเห็นเองต่างหาก ฉันก็ยิ้มแบบนี้ทุกวันอยู่แล้ว”
“โอเค งั้นต่อไปฉันคงต้องเห็นเธอยิ้มแบบนี้บ่อยๆจริงมั้ย”
ก๊อก!...ก๊อก!...ก๊อก!...
“เข้ามาสิ” ชายหญิงตะโกนออกไป
”เป็นไงบ้างเมย์ คุยกันรู้เรื่องแล้วใช่มั้ยเนี่ย” หญิงสาวถามเพื่อนรักออกไปพร้อมกับหันมามองพี่ชายของตัวเองที่ตอนนี้นั่งยิ้มอยู่ข้างๆเตียงเพื่อนรัก
“ก็ไม่มีอะไรนิ พี่ลีทำอะไรมาให้เรากินเหรอ” เมธาวีถามเพื่อนรักออกไป
“พี่ลีทำข้าวต้มกุ้งให้แกกินว่ะไอ้เมย์ ฉันเห็นแกชอบอาหารทะเล เลยให้พี่ลีทำข้าวต้มกุ้งมาให้ แกรีบทานเสียสิ เดี๋ฉยวจะได้กินยาแล้วพักผ่อน”
“ขอบใจมากนะดา”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่หนึ่ง ออกไปได้แล้วนี่ก็ดึกแล้วมันน่าเกลียด ดาว่าพี่หนึ่งน่าจะ
ไปนอนได้แล้วนะ” กานดาเอ่ยไล่พี่ชาย
“แล้วแกละดาจะนอนห้องไหน” ชายหนุ่มสาวน้องสาวออกไป
“ก็กลับไปนอนที่ห้องสิพี่หนึ่ง พี่หนึ่งจะให้ดานอนกับไอ้เมย์มันเหรอคะ ที่ถามนะเป็นห่วงดาหรือเป็นห่วงเพื่อนดากันแน่” กานดาก้มลงไปกระชิบถามพี่ชาย
“จะบ้าเหรอ ฉันก็เป็นห่วงทั้งสองคนนั้นแหละ ฉันไม่คุยกับแกแล้ว ฉันไปนอนดีกว่า ฉันไปนอนแล้วนะเมย์ ขอให้หายเร็วๆนะ”
แล้วชายหนุ่มก็เดินออกไปจากห้องของเพื่อนน้องสาว
“ไงแก คุยอะไรกัน แล้วเป็นไงบ้าง เคลียร์กับพี่ชายฉันแล้วละสิ เห็นพี่หนึ่งเดินยิ้มออกไปแบบนั้นนะ” กานดาถามเพื่อนรักออกไป
“อืมม์”
“คุยกันเรียบร้อยแล้ว แล้วตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันแล้ว แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอกว่าฉันจะทำอะไรพี่แกนะ”
“จะบ้าเหรอไงฉันต่างหากที่เป็นห่วงแกนะ คิดว่าพี่หนึ่งจะไม่ยอมญาติดีกับแก เห็นพี่ชายเกลียดแกจะตาย ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเรื่องอะไรกัน แต่ตอนนี้แกกินข้าวต้มแล้วกินยาดีกว่านะ เพราะฉันก็ง่วงแล้วเหมือนกัน รีบกินชะ ฉันง่วงแล้ว”
กานดาบอกเพื่อนรักพร้อมกับยื่นถ้วยข้าวต้มกุ้งส่งให้เพื่อนรัก รอจนเพื่อนรักกินข้าวต้มและทานยาเสร็จก็กลับไปนอนเหมือนกัน
/////////
“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังเลยคะ นี่ก็ยังไม่เจ็ดโมงเช้าเลย” เมธาวีถามออกไปพร้อมกับนั่งลงข้างๆ คนสูงวัย
“หนูก็ตื่นเช้าเหมือนกันนิจ๊ะหนูเมย์ แล้วยัยดาละลูกตื่นหรือยัง” แม่เลี้ยงนารีถามหญิงสาวข้างๆ นึกชอบในนิสัยอ่อนน้อม มีมารยาทของสาวน้อยตรงหน้าเธอไม่ได้
“ตื่นแล้วคะคุณแม่ สงสัยกำลังอาบน้ำอยู่คะ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ"
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ แม่แค่จะถามเราว่าวันนี้จะออกไปเที่ยวไหนกันหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนแม่จะชวนไปเที่ยวบริษัทฯ พอดีแม่กับคุณพ่อกำลังจะเข้าบริษัทฯนะจ๊ะ หนูเมย์ว่างหรือเปล่า”
แม่เลี้ยงนารีถามสาวน้อยตรงหน้าพร้อมกับสังเกตกิริยาไปด้วย ความจริงแล้วเธอชอบนิสัยของเพื่อนของลูกสาวมากก็ตรงที่นิสัยดี น่ารักและมีมารยาทนี่แหละ ที่สำคัญเธอไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนรักของลูกสาวถึงไม่ชอบลูกชายคนโตของเธอ
“ได้สิคะคุณแม่เมย์ก็ไม่รู้จะออกไปไหนเหมือนกัน งั้นเมย์ขึ้นไปดูยัยดาดีกว่าคะ ไม่รู้อาบน้ำเสร็จหรือยัง” หญิงสาวพูดออกไปพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินกลับไปทางบันไดที่เธอเพิ่งลงมาเมื่อไม่นานมานี้ หญิงสาวหันหลังกลับมาพูดกับแม่เลี้ยงนารี
“เอ่อคุณแม่คะหนูว่าคุณแม่กับคุณพ่อไปก่อนดีกว่ามั้ยคะ เดี๋ยวจะสาย เมย์กับยัยดาจะตามไปที่หลังดีกว่าคะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ อย่างนั้นแม่รอเราสองคนที่บริษัทนะลูก” แม่เลี้ยงนารีกล่าวออกมาพร้อมกับหันไปยิ้มให้สามีแล้วเดินตามสามีออกไปยังรถที่จอดอยู่
"คุณคิดจะทำอะไรหรือคุณนารี" พ่อเลี้ยงวิเชียรหันกลับมาถามภรรยาเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“เปล่านิคะคุณ ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อยแค่จะชวนหนูเมย์กับยัยดาไปบริษัทฯเนี่ยนะต้องมีอะไรด้วยหรือคะ” แม่เลี้ยงนารีถามสามีออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่หมายหมั่น
พ่อเลี้ยงวิเชียรนั่งสังเกตภรรยาตัวเองมาตลอดทาง พร้อมกับคิดว่าภรรยาของเขาต้องมีอะไรอย่างแน่นอนหรือบางทีอาจจะมีแผนอะไรสักอย่างเกี่ยวที่เกี่ยวกับเพื่อนรักของลูกสาวกับลูกชายคนโตของท่านอย่างแน่นอน
“คุณว่าวันนี้อากาศดีมั้ยค่ะคุณพี่”
“เอ้…คุณนี่ก็ถามอะไรแปลกๆ อากาศมันก็เหมือนกันทุกวันแหละ ผมว่าคุณต้องมีอะไรดีๆแล้วไม่เล่าให้ผมฟังแน่เลย”
“คุณคะ ฉันยังไม่เห็นรถตาหนึ่งเลย ตาหนึ่งยังไม่มาอีกหรือคะ ฉันโทรฯหาตาหนึ่งดีกว่า นี่มันก็จะแปดโมงแล้วตาหนึ่งยังไม่มาทำงานอีกหรือไง อะไรกัน ไม่ได้เรื่อง”แม่เลี่ยงนารีบ่นลูกชายออกมาอย่างไม่จริงจัง
“ผมว่าเดี๋ยวเขาก็คงมานะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าตาหนึ่งไม่มากลัวว่าแผนที่วางไว้จะไม่สำเร็จหรือไงคุณ”เขาพูดออกไปพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างขันๆที่ภรรยาออกจะเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้
“คุณพี่ คุณล้อฉันเหรอ ทำตาเขียวใส่สามี” พร้อมกับสะบัดหน้าเดินเข้าลิฟท์เพื่อไปยังห้องทำงานของตัวเอง โดยไม่รอผู้เป็นสามี
พ่อเลี้ยงวิเชียรหัวเราะอย่างขันๆออกมาเมื่อเห็น ภรรยาของเขาแสดงกิริยาแบบนั้น แล้วเขาก็เดินเข้าลิฟท์เพื่อไปยังห้องทำงาน
แม่เลี้ยงนารีกดโทรศัพท์หาบุตรชายด้วยอารมณ์หงุดหงิด ก่อนจะกรอกสายไปยังปลายสาย“ตาหนึ่งเราอยู่ไหน แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว ทำไมยังไม่มาทำงาน “
“เอ่อ…คือผมอยู่กับยัยดากับเมย์เขานะครับ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่า" เมื่อแค่ได้ยินว่าบุตรชายอยู่กับบุตรสาวและหญิงสาวที่เธอมั่นใจว่าจะต้องกลายมาเป็นสะใภ้ในไม่ช้าก็พลอยยิ้มออกมา
“ไม่มีอะไรหรอก แม่ไม่เห็นแกที่ทำงานนะเลยโทรฯถามดูนะ แล้วนี่ถึงไหนกันแล้ว” เธอถามลูกชายออกไป
///////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...