ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
หญิงสาวร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืน สองมือชูขึ้นเหนือศีรษะ พลางเอี้ยวตัวไปด้านซ้ายทีขวาที ผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน ลมหายใจอุ่นร้อนเป่าพ่นออกจากริมฝีปากเฮือกใหญ่อย่างเซ็งในอารมณ์
“จนได้นะเรา อุตส่าห์ค้นหาและรวบรวมข้อมูลจนหัวหมุน สุดท้ายก็มาตกม้าตายตอนจบ เพราะลืมหยิบหนังสือเล่มสำคัญที่จะใช้สรุปเนื้อหาทุกอย่างติดมือมาด้วย เฮ้อ!”
หญิงสาวบ่นงึมงำ ขณะก้มมองนาฬิกาข้อมือสุดหรูที่เพิ่งจะได้รับมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อตอนสายของวันนี้เองแล้วก็ต้องเบะหน้า เมื่อมันบอกว่าเหลืออีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยงคืน
‘เอาไงดีล่ะเรา’
ศศิกานต์ขมวดคิ้วเข้าหากัน สองจิตสองใจจะไปเอาหนังสือดี หรือเก็บข้าวของที่วางกองอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็กให้เข้าที่เข้าทาง วางทุกอย่างในมือลง เพื่อไปนอนหลับพักผ่อนบนเตียงนอนนุ่มๆ ส่วนงานที่คั่งค้างอยู่ค่อยทำต่อในวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อคิดอีกที ทำให้เสร็จเลยดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบ
เพราะคิดว่าตอนนี้ทุกคนในบ้านคงจะหลับแล้ว หญิงสาวจึงเดินออกไปจากห้อง โดยไม่ยอมหยิบเสื้อคลุมชุดนอนติดมือมาด้วย
เส้นทางเดินทอดยาวจากห้องด้านล่างของตัวบ้านขึ้นไปบนตึกใหญ่ชั้นสองเปิดไฟสว่างโร่ คงจะคอยเจ้าของบ้านหนุ่มซึ่งกลับดึกเป็นปรกติวิสัยของคนทำงานและอาจมีบ้างที่แวบไปหาความสุขส่วนตัว แต่ไม่เคยที่จะพกพาสาวใดกลับมาให้คนในบ้านได้รู้จัก
จนตอนนี้คุณนายนิจอาภาผู้เป็นมารดาเริ่มจะกลัดกลุ้ม เพราะลูกชายก็แก่ตัวลงทุกวัน ไอ้ความหวังที่ว่าจะมีหลานสาวหลานชายตัวน้อยให้ชื่นชมคงจะยากเต็มที เพราะกระทั่งข่าวคราวกับหญิงสาวก็ไม่เคยมีเข้าหูมาเลยสักครั้ง เคยมีหลายครั้งแล้วที่ผู้เป็นแม่ชักนำสาวทั้งสวยและไม่สวยมาให้ติณภพได้รู้จัก แต่ชายหนุ่มก็เหมือนกับนกรู้ ถ้าไม่ติดงานก็จะต้องมีข้ออ้างมากมายจนผู้เป็นแม่ต้องล่าถอยไปด้วยความไม่สบายใจ
หญิงสาวยิ้มเมื่อนึกถึงหญิงวัยกลางคน ที่ทำทุกทางเพื่อชักนำลูกสาวหลานสาวของเพื่อนๆ มาแนะนำให้บุตรชายรู้จัก แม้จะถูกปฏิเสธทุกครั้ง แต่คุณนายนิจอาภาก็จะไม่ละความพยายาม ด้วยเชื่อว่าจะมีสาวแสนดีสักคนผูกใจติณภพเอาไว้ได้
หญิงสาวยื่นมือไปจับลูกบิดประตูแผ่วเบา ถึงแม้จะไม่มีใครอยู่ภายในห้อง แต่ด้วยความเกรงใจติณภพผู้เป็นเจ้าของห้องที่เก็บรักษาหนังสือ จัดเข้าที่เข้าทางอยู่เป็นหมวดหมู่อย่างเรียบร้อยและสวยงาม ห้องสมุดกึ่งห้องทำงานสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนกับไม่เคยมีใครเข้ามาใช้งาน แต่ทุกคนในบ้านก็รู้ดีกันว่าหากไม่อยู่ที่ทำงาน ชายหนุ่มจะมานั่งทำงานเงียบๆ อยู่ในห้องนี้คนเดียวเสมอ
ศศิกานต์ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอได้ตกอยู่ในสายตาของผู้เป็นเจ้าของห้อง ซึ่งรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่แรกที่ประตูเปิดแล้ว สายตาคมกริบไล่มองสาวน้อยในปกครองของคุณแม่บ้านที่ทำงานกับมารดามาหลายปีจนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้กันเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าคนหนึ่งจะไปไหนจะต้องมีอีกคนเคียงข้างกายจนไม่เหลือเค้าลูกน้องและเจ้านายเลยสักนิด
อาจเป็นความเหงาเพราะคนข้างกายจากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคร้าย แต่มารดาไม่เคยคิดที่จะหาใครมาแทน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเอง แต่อีกส่วนเพราะแม่บอกว่าเบื่อการมีชีวิตครอบครัว มันกินเอาชีวิตส่วนตัวไปเสียหมด จะไปไหนมาไหนทีก็ลำบาก ต้องคอยบอกกล่าว ไหนจะยังมีความเป็นห่วงเป็นใยเวลาที่ห่างไกลกัน ท่านเลยบอกว่าขอมอบความรู้สึกนั้นไว้ให้เขาเพียงคนเดียวดีที่สุด
ศศิกานต์ก้าวเดินอย่างแผ่วเบาไปหยิบเอาหนังสือที่เลือกไว้ตรงมุมหนึ่งของชั้น แต่ต้องชะงักเพราะไม่เจอหนังสือดังกล่าว ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วทั้งชั้นเก็บแล้วแต่ก็ไม่เจอ
หญิงสาวเริ่มกังวล เพราะกลัวหนังสือเล่มสำคัญหาย เดือดร้อนทั้งเรื่องเรียนและคนที่เป็นเจ้าของหนังสือจะต้องโทษว่าเป็นความผิดของเธอที่ประมาทเลินเล่อ มือเล็กยกขึ้นเกาศีรษะ ใบหน้ารูปไข่ขมวดมุ่นและยุ่งเหยิงด้วยความหนักอกหนักใจ
“แย่ละ เราเอาไปลืมไว้ที่ไหนนะนี่ แล้วที่นี้จะทำไงดีล่ะ งานก็ต้องส่งอาจารย์วันจันทร์อยู่แล้ว ถ้าหนังสือหายไปก็แย่เลย”
ศศิกานต์พึมพำเบาๆ เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าที่ทอดมองไปอย่างเอ็นดู ร่างหนาเอนตัวอิงเก้าอี้บุนวมอย่างดี ดวงตาคมปราบไล่มองเรือนร่างโปร่งบางอย่างเชื่องช้า พินิจพิจารณาด้วยหัวใจที่เต้นแรงและเร็วเหมือนกับได้เจอกับใครบางคนที่รอคอยมาแสนนาน จนคนเป็นเจ้าของต้องแปลกใจอย่างล้นพ้น
ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดต้นคอแกร่ง สลับกับใช้ปลายนิ้วกดคลึงบริเวณเหนือดั้งจมูกโด่งได้สัน เพื่อช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการนั่งฟุบหลับอยู่เป็นเวลานาน แต่ดวงตากลับไม่คลาดคลาจากร่างโปร่งบางที่กำลังก้าวเดินอย่างแผ่วเบาเป็นเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยกำลังหนีใครมาท่องเที่ยวอย่างนั้นแหละ ทำเอาหัวใจหนุ่มใหญ่ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ จนเหมือนกับจะทะลุออกมาจากทรวง
ไม่ใช่เขาไม่สนใจผู้หญิง แต่หลายต่อหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่เคยทำให้รู้สึกอย่างจะหยุดใช้ชีวิตเสเพลด้วยเลยสักนิด ผิดกับแม่สาวน้อยในบ้านคนนี้เหลือเกิน ที่เพียงเห็นใกล้ๆ ก็ทำให้เกิดความรู้สึกอย่างอยู่ใกล้ชิด ตื่นนอนมาตอนเช้าได้เห็นหน้า ได้หอมแก้ม คงจะมีความสุขมากอย่างที่คิดไม่ถึงเลยทีเดียว
ชายหนุ่มสะบัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะคิดว่าสาวน้อยที่ทั้งสวยและน่ารักและน่าทะนุถนอมอย่างศศิกานต์ย่อมมีคนจับจองหัวใจแล้ว ส่วนหนึ่งในหัวใจก็แย้งขึ้นมา เขาจะยอมแพ้ตั้งแต่ที่ยังไม่เริ่มลงสนามเลยหรือไงกัน คิ้วคมเข้มขมวดมุ่นเข้ากัน ความคิดเริ่มแตกแขนงออกเป็นสองฝักสองฝ่าย ในที่สุดฝ่ายปรารถนาที่มีอำนาจแรงกล้ากว่าก็เป็นฝ่ายชนะ ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ
“หาอะไรอยู่น่ะพระจันทร์” ชายหนุ่มทัก พร้อมยื่นมือไปกดสวิตช์ไฟที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเคลื่อนมือไปจับหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจเล่มหนึ่งขึ้นมาแอบเอาไว้อย่างไม่ทันได้รู้ตัว
เขาเห็นมันตกหล่นอยู่ใกล้ๆ กับโต๊ะทำงาน ก็เลยหยิบขึ้นมาดูและตั้งเอาไว้ก่อน เพราะรู้ว่าที่บ้านหลังนี้มีอยู่เพียงคนเดียวที่อยู่ในวัยกำลังเรียน ทำให้คิดว่าคงจะเป็นแม่สาวร่างโปร่งที่คร่ำเคร่งกับตำราเรียนนั่นแหละ ทำตกหล่นไว้ คงจะเป็นงานสำคัญมาก เลยทำให้ศศิกานต์รีบมาเอาในคืนนี้ แต่ก็ดีที่ทำให้เขาได้เห็นอะไรดีๆ
หญิงสาวค่อยๆ หันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบด้วยความตกใจและเป็นกังวล
‘ติณภพจะว่าอะไรหรือเปล่า ที่เธอบุกรุกเข้ามาในสถานที่ส่วนตัว’
“คะ...คุณอิฐ คะ...คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมพระจันทร์ถึงไม่ได้ยินเสียงรถ แล้วมานั่งทำอะไรมืดๆ อยู่ในห้องนี้คนเดียวล่ะคะ”
หญิงสาวถามยาวอย่างตื่นตระหนก ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อลามไปถึงลำคอระหงทันตา เมื่อได้สบกับสายตาคมวาวระยับ จากความรู้สึกตกใจ หวาดกลัวและหวาดหวั่น กลับกลายมาเป็นเขินอายและหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะกับสายตาคมที่มองตามเรือนร่างอย่างชื่นชม
ด้วยอากาศในค่ำคืนนี้ร้อนมาก หลังจากอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็เลยเลือกใส่ชุดนอนแบบสบายๆ มันเลยติดโป๊ไปค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นตัวเสื้อสายเดี่ยวยาวเลยสะเอวมานิดหน่อย อีกทั้งตัวกางเกงก็นั้นเต่อขึ้นมาเผยให้เห็นขาวเรียวยาว มือเรียวอยากยกขึ้นปิดเรือนกาย แต่รู้ว่าถ้าทำเช่นนั้นจะกลายเป็นยั่วยุให้ติณภพมองเพิ่มมากขึ้น ศศิกานต์จึงได้แต่ยืนตัวสั่น ไรขนตามเรือนกายลุกชัน