นิราถูกพี่ชายลากขึ้นมายังชั้นบนสุดของโรงแรม
"เข้าไป ห้องนี้แหละ" ดันตัวน้องสาวเข้าห้องอย่างรีบร้อน
"เดี๋ยวค่ะ พี่ใหญ่ ทำไมเราต้องเข้ามาในห้องนี้ หรือพี่จะลงไปเล่นอีก" ถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ
"เปล่า พอดีพี่เจอเพื่อนเก่า เลยจะสังสรรค์กันสักหน่อย" เขาโป้ปด "ไม่นานหรอก น้องเล็กนอนรอไปก่อน เสร็จแล้วจะมาเรียก" เมื่อเห็นว่าน้องสาวยังไม่คลายกังวล "ไม่ต้องห่วง ไม่ดึกหรอก พี่รู้หรอกน่า ว่าพรุ่งนี้น้องเล็กต้องไปฝึกงาน" ก็น้องสาวพูดเรื่องนี้เกือบทุกวัน มีหรือเขาจะจำไม่ได้
"งั้น ก็ได้ค่ะ" บอกออกมาอย่างวางใจ และยอมแต่โดยดี เมื่อพี่ชายออกจากห้องไปแล้ว ก็เริ่มเดินสำรวจห้อง
ขนาดใหญ่ และการตกแต่งหรูหรา เกินกว่าจะเป็นห้องพักของแขกธรรมดา จนมาหยุดยืนอยู่หน้ากรอบรูปขนาดใหญ่
"คนแปลก" บอกออกมาเมื่อเห็นว่าคนในรูปนั้นเป็นใคร นั่นคือรูปของตรีประดับ แม้แต่ในรูปหล่อนก็ไม่ยิ้มสักนิด ทำหน้าดุๆ สีหน้าราวกับคนอมทุกข์ แต่สักพักเด็กสาวก็ต้องหน้าตาหน้าตื่น "เอ๊ะ! " ร้องออกมาอย่างนึกขึ้นได้ หรือนี่อาจจะไม่ใช่ห้องสำหรับรับรองลูกค้า เพราะดันมีรูปและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของใครบางคน ราวกับอยู่มานาน และนั่นอาจจะเป็นห้องของคนในรูป คิดได้ดังนั้นจึงรีบผลีผลามไปยังหน้าประตู ตั้งใจจะออกจากห้องนี้ แต่ไม่ทันที่จะคว้าจับลูกบิด ประตูก็ถูกผลักเข้ามาจากคนด้านนอก
"จะไปไหน" เสียงตรีประดับถามทันทีที่เห็นใบหน้าตื่นๆ ของเด็กสาวหน้าประตู ก่อนจะเดินก้าวเข้ามาใกล้ช้าๆ
"คือ คือ ดิฉันคงเข้าห้องผิด" เธอคิดเองเออเอง เข้าใจไปเองว่าพี่ชายอาจจะพาเข้าพักผิดห้อง
"ไม่ผิดหรอก ฉันเพิ่งจ่ายเงินซื้อเธอไป จะผิดได้ยังไง"
"อะไรนะคะ"
"พี่ชายเธอ เพิ่งจะขายเธอ ให้ฉัน"
"ดิฉันว่า คงมีเรื่องเข้าใจผิด"
"เขาติดเงินฉันหนึ่งล้านบาท" ตรีประดับเดินเข้าหาเด็กสาวทีละก้าวช้าๆ "ฉันจึงยื่นข้อเสนอ ใช้เธอเพื่อปลดหนี้" แผ่นหลังนิราชิดติดกำแพง "และเขา ก็ไม่ลังเล" มือหนึ่งข้างของตรีประดับดักไม่ให้นิราหนีห่าง "เปลืองตัวแค่นิดหน่อย เพื่อใช้หนีแทนพี่ชาย เด็กกตัญญูอย่างน้องเล็กคงไม่ขัดข้องใช่มั้ย" นิ้วเรียวของตรีประดับกำลังลูบไล้ใบหน้านิราอย่างเบามือ เด็กสาวทำได้เพียงขยับหนี แต่เหมือนยิ่งหนีก็ยิ่งเปิดโอกาสให้ตรีประดับเข้าใกล้กว่าเดิม ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกถึงลมหายใจของคนตรงหน้าที่เฉียดชิด เด็กสาวได้แต่หลับตาปี๋
"ขอโทษค่ะ หนูขอโทษ หนูทำไม่ได้" แม้จะไม่ค่อยทันคน แต่ก็รู้ดีว่าตรีประดับต้องการอะไรจากเธอ จากที่แทนชื่อตัวเองด้วยถ้อยคำสุภาพ ต้องเปลี่ยนมาใช้คำที่ดูเป็นมิตรและเป็นตัวเองแทน
"อะไรกัน พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ" แม้จะรู้สึกขัดใจกับท่าทางของเด็กสาวชุดแดง แต่ก็ยอมถอยห่าง "มานี่สิ มาทางนี้" ยังไงอ้อยก็กำลังจะได้เข้าปากช้างแล้ว เธอไม่ควรเร่งรัด เพราะยังไงแล้ว คืนนี้ นิราก็ไม่รอดเงื้อมมือเธอ
เด็กสาวยอมเดินตามเจ้าของห้องไปอย่างจำยอม และตื่นกลัว ราวกับคนไร้สมอง ในหัวตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า นั่นเพราะเธอยังไม่ทัน ไม่ทันต่อความคิดของผู้ใหญ่ คนหนึ่งก็พี่ชายที่คลานตามกันมา เป็นเรื่องปกติที่เขามักจะนำเรื่องเดือดร้อนมาให้ครอบครัว และคนน้องมักจะถูกพี่ชายเอาเปรียบเสมอมา รวมถึงครั้งนี้ นั่นเพราะเธออาจจะใจดีเกินไปและไม่กล้าปฏิเสธ แม้เขาจะนำภัยมาให้
"ถอดเสื้อผ้าออกสิคะ" คนอายุมากบอกกับเด็กสาวที่ยืนอยู่ปลายเตียงเบื้องหน้าเธอ "หรืออยากให้พี่ช่วยคะ" เมื่อนิรายังยืนนิ่ง ตรีประดับจึงต้องช่วยชักจูง
"คะ คือ หนู" เพราะเด็กสาวเริ่มลังเล เมื่อตอนอยู่ในกาสิโน ผู้ใหญ่ตรงหน้ายังแสดงท่าทางไม่สนใจเธออยู่เลย แต่ตอนนี้ดันมาพูดจาอ่อนหวาน ราวกับคนละคน
"พี่ไม่รุนแรงหรอกค่ะ" เดินเข้าหา วางมือลงบนบ่าของคนอายุน้อยกว่า และพาให้มานั่งปลายเตียงด้วยกัน มือแสนซนของตรีประดับกำลังเอื้อมไปด้านหลังเพื่อปลดซิปของนิราออก และมันก็ง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก เพราะคนตรงหน้าไม่ขัดขืนสักนิด คนอายุมากยิ่งได้ใจ ดึงชุดสีแดงของเด็กสาวร่นลงจนถึงเอว เผยให้เห็นเนื้อเนียนละเอียด ตรีประดับลอบมองทุกส่วนของนิราราวกับจะกลืนกินแต่ก็พยายามเก็บอาการ แต่ในใจก็เอาแต่วิจารณ์ร่างกายเด็กสาวอย่างพอใจ โดยเฉพาะเนื้อตรงอกที่เต่งตึง ขนาดพอดีกับร่างบอบบาง
ตรีประดับประคองร่างเด็กสาวที่ตัวสั่นเทิ้มลงนอนบนเตียง แผ่นหลังของนิรากำลังสัมผัสกับเตียงนุ่มๆ โดยมีคนอายุมากอยู่เคียง ตอนนี้นิราเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ห่มกาย มันรวดเร็วจนคนอายุน้อยตามไม่ทัน มือเรียวยาวของตรีประดับกำลังเคลื่อนไปตามร่างกายของเด็กสาวอย่างเบามือ แถมสายตาของคนอายุมากยังเอาแต่จ้องมองร่างกายและใบหน้าของนิรา ที่เอาแต่หลับตาปี๋ นั่นทำให้ตรีประดับยิ้มอย่างพอใจ ขยับใบหน้าเข้าใกล้ ประทับริมฝีปากตรงบริเวณซอกคอเพื่อจูบซับความหวานของกายสาว ยิ่งเห็นเด็กสาวสะดุ้งเธอยิ่งชอบใจ รุกจูบหนักขึ้นอีกไปทั่วซอกคอ
'อึก' นิราส่งเสียงร้องออกมา กำมือทั้งสองข้างแน่นอย่างรู้สึกประหลาดกับการถูกสัมผัส มือของตรีประดับคว้าจับที่ข้อแขนของเด็กสาว ก่อนจะยกขึ้นวางข้างศีรษะ เลื่อนตัวขึ้นคร่อม เพราะไม่อยากจะรออะไรแล้ว อยากจะทะนุถนอมตามที่สัญญากับพิธาน แต่ก็ต้องกลับใจ ก็ร่างกายของเด็กสาวช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน มันต่างจากสาวๆ ที่เคยเจอมา
"อื้อ" เสียงร้องในลำคอของนิรา เพราะถูกรุกหนักเข้า "อื้อ เจ็บค่ะ" ร้องบอกออกมาตามตรง ทั้งซอกคอที่ถูกคนด้านบนขบเม้ม หน้าอกถูกบีบขยำ นิราไม่อาจทนอยู่เฉยได้
คนด้านบนจึงหยุดนิ่ง ผละออกจากร่างเด็กสาว แต่ไม่ใช่เพราะห่วงใย เธอกำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองออกบ้าง การที่มีเด็กสาวอยู่กับเธอบนเตียงเดียวกันแบบนี้ จะอดใจไหวได้อย่างไร
เสื้อผ้าถูกเหวี่ยงวืด เกลื่อนเต็มพื้น ตรีประดับจงใจกระถดลงด้านล่างตรงหว่างขาของเด็กสาว จูบซับโลมเลียเนื้อนิ่มๆ ของคนที่นอนบิดกายอย่างหื่นกระหาย เนินเนื้อนูนใจกลางกายตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เธอจ้องมองอย่างหลงใหล แต่จะแค่มองอย่างเดียวคงไม่ได้ แยกขาของนิราออกช้าๆ เพื่อให้เห็นมันชัดขึ้น
ลิ้นของตรีประดับกำลังจะได้โลมเลียสิ่งที่ปรารถนา แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะหูดันได้ยินเสียงบางอย่าง จำต้องเงยหน้าขึ้น
"ฮึก อึ้ก อึ้ก" เสียงสะอื้นของนิรา หล่อนกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น
มันทำให้ตรีประดับหัวเสีย ลุกขึ้นนั่ง เดินเข้าห้องน้ำ และออกมาพร้อมเสื้อคลุมกาย
"ลุกขึ้น! จะไปไหนก็ไป" ส่งเสียงสั่งเด็กสาวที่ยังคงนอนร้องไห้ และหล่อนก็ลุกขึ้นอย่างว่าง่าย แต่ที่ไม่หยุดคือการร้องห่มร้องไห้
ตรีประดับเดินทั่วห้องด้วยความหัวเสีย หยิบเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อนและโยนคืนให้อย่างไร้เยื่อใย นิรารีบคว้ามากอดไว้
"รีบใส่ แล้วก็รีบกลับไป ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ"
"ไม่ค่ะ พี่ใหญ่ขายหนูให้คุณตรีแล้ว" เธออยากปลดหนี้ให้พี่ชาย มันควรเป็นแบบนั้น ก็เป็นคนปฏิเสธใครไม่เป็นอยู่แล้ว เธอยอมได้ แม้ตัวเองจะเดือดร้อนก็ตาม
"ไม่เอา ไม่ชอบบังคับใคร ไม่สนุก" เธอบอกแค่นั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างไม่ใยดี
นิราจึงรีบแต่งตัวและออกจากห้อง เธอพยายามโทรติดต่อพี่ชาย แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่ใช่แค่เขาไม่รับโทรศัพท์ แต่เขาดันปิดเครื่องด้วยซ้ำ
"เล็ก" ชายหนุ่มวัยเดียวกันทักขึ้นจนนิราต้องหันตามเสียง "เล็กจริงๆ ด้วย" เขาพูดต่ออย่างดีใจที่ได้เจอเพื่อน
"ธีเองเหรอ"
"ทำไม เล็กมาอยู่ที่นี่ล่ะ แต่งตัวซะสวยเชียว"
"คือ คือ เล็ก" นิราอ้ำอึ้ง เพราะจะให้พูดทั้งหมดที่เจอมาให้เพื่อนฟังคงไม่ดีแน่
"ไม่เป็นไรไม่ต้องบอกก็ได้ แล้วนี่เล็กจะไปไหน หรือรอใครอยู่"
สิ้นประโยคนั้น จากที่นิราไม่เคยคิดจะขอความช่วยเหลือจากใคร จำต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนชาย
นิราเข้าไปนั่งเคียงข้างเพื่อนชายที่ชื่อธีระในรถ ก็ติดต่อพี่ชายไม่ได้ และการกลับบ้านด้วยรถเมล์ตอนนี้ด้วยเสื้อผ้าแบบนี้คงจะไม่ปลอดภัยและดูจะไม่สะดวก จึงจำต้องขอร้องให้เพื่อนชายช่วยไปส่งถึงที่พัก
เรื่องที่นิราไปกลับชายหนุ่มแปลกหน้า ตรีประดับรับรู้ แม้จะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ก็เพราะที่นี่เป็นโรงแรมของเธอ แล้วทำไมเรื่องแค่นี้เธอจะไม่รู้
"คงไม่ได้บริสุทธิ์ เหมือนคำคุย" ตรีประดับพูดกับตัวเอง เพราะนึกถึงคำพูดของพิธาน เธอเพียงยื่นข้อเสนอ น้องสาวเพื่อแลกกับหนี้ก้อนโต ที่ไม่อาจจะใช้คืนได้ ภายในคืนเดียว ทีแรกเธอคิดไปเองว่าเขาคงจะปฏิเสธ แต่ผิดคาด เขาดูยินดี และเอาแต่โฆษณาเยินยอน้องสาวให้ฟัง จนเธอหลงเชื่อ โดยเฉพาะเรื่องความบริสุทธิ์ มันยิ่งทำให้เธอคาดหวัง แต่เมื่อเห็นว่าหล่อนดันไปกับผู้ชาย ก็เริ่มรู้สึกสะอิดสะเอียน กำมือแน่น เพราะความโกรธ โกรธพิธานที่กล้ามาหลอกเธอ คนอย่างตรีประดับไม่เคยมีใครหลอกได้
ดิโอเชี่ยนวัน
"ถ้าเราได้อยู่แผนกเดียวกันก็คงดีเนอะ" ธีระ กระซิบข้างหูนิรา ก็เพื่อนตัวเล็กกว่า เขาจึงต้องเข้าใกล้และก้มศีรษะบอก แถมยังไม่อาจส่งเสียงดังได้ เพราะตอนนี้เหล่านักศึกษาฝึกงานกำลังยืนรายงานตัวต่อหน้าแผนกบุคคล ที่ดูจะตึงเครียดไปหมด
"ไม่ดีหรอก" นิราตอบกลับเพื่อนไปตามตรง การที่มาฝึกงานที่นี่ สถานที่ที่ใครๆ ต่างแย่งกัน เพราะชื่อเสียง และกว่าจะผ่านการคัดเลือก นั้นแสนจะยากลำบาก เธอจึงอยากเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด แต่หากเธอได้อยู่แผนกเดียวกับธีระ คงไม่ได้งานแน่ เพราะเขามักชอบทำตัวออกนอกลู่นอกทาง เธอยินดีจะทำงานร่วมกับเพื่อนต่างมหาวิทยาลัยมากกว่า และแน่นอนว่าที่นี่เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ นักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัยจึงสนใจจะเป็นหนึ่งในเด็กฝึกงานของดิโอเชี่ยนวัน
ระหว่างนั้นเอง ภายในแผนกบุคคลก็ดูจะตึงเครียด เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุด พนักงานก็ดูจะหัวหมุน ไม่สนใจเหล่าเด็กฝึกงานเกือบยี่สิบชีวิตที่ยืนเรียงรอรับคำสั่ง
"สงสัยวันนี้ท่านประธานจะอารมณ์ไม่ดี สั่งปลดพนักงานออกไปหลายคนแล้ว" พนักงานที่ดูจะอาวุโสสุดพูดกับลูกน้องก่อนจะยกหูโทรศัพท์ภายในพูดสายกับใครบางคน
"เพิ่งเริ่มงานได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง" พนักงานอีกคนพูดออกมาลอยๆ
"เจ็ดคนจ้า ครบแล้ว วันนี้" และอีกคนช่วยเสริมอีก นั่นคือจำนวนพนักงานที่ถูกปลดแบบสายฟ้าแลบในวันนี้ ไม่วายหันมาบอกกับเหล่าเด็กฝึกงานบ้าง "พวกเธอก็ทำตัวดีๆ ล่ะ" เหมือนเป็นคำขู่กรายๆ เหล่านักศึกษาได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในที่นี้ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความกลัว
"อ้าว มาพอดี เด็กๆ เดี๋ยวตามพี่กี้ไปเลยนะ" คนอาวุโสสุดในนั้นบอกออกมา พร้อมทำท่าพยักพเยิดให้กับคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาใหม่ "ฝากด้วยนะกี้" พร้อมฝากฝังงานให้กับสาวสวยสุดเปรี้ยว หล่อนเพียงพยักหน้าตอบรับให้เล็กน้อย และบอกให้เหล่านักศึกษาตามเธอออกจากห้อง
"ข้างนอกน่าจะสบายหูกว่า" เธอหมายถึงหน้าห้อง ตรงทางเดิน หลังจากเดินออกจากแผนกบุคคล เด็กๆ ต่างยิ้มออกมาตามๆ กัน หลังจากหนีจากความวุ่นวาย "พี่ชื่อกี้ จะดูแลน้องๆ แทนพี่คิวนะคะ ช่วงนี้แผนกบุคคลต้องปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่าง พี่เลยต้องรับช่วงแทน" คิว คือหัวหน้าแผนกบุคคล คนที่อาวุโสที่สุด และเป็นคนฝากฝังเหล่าเด็กฝึกงานนับสิบชีวิตให้เธอเป็นผู้ดูแลแทน "ที่นี่ก็จะวุ่นวายแบบนี้แหละ ดังนั้น ถ้าไม่อยากมีปัญหา ก็แค่อย่าทำตัวให้มีปัญหา" คำพูดวกวน ที่เหมือนจะเข้าใจง่าย แต่คนฟังดันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ใครจะสนกันเล่า
กี้ เดินนำเด็กๆ ไปส่งแต่ละแผนก ซึ่งที่นี่ก็มีหลากหลายแผนก เรียกได้ว่า เธอสามารถกระจายเด็กไปทุกๆ แผนก โดยไม่มีใครได้ทำงานด้วยกัน ความปรารถนาที่อยากจะอยู่แผนกเดียวกันกับเพื่อนของธีระดับวูบลง เขาได้ทำงานแผนกจัดซื้อ ซึ่งห่างไกลกับนิราโดยสิ้นเชิง เธอได้ประจำในแผนกคอนเทนต์ แน่นอนว่าการส่งเด็กฝึกงานไปในแผนกต่างๆ ส่วนหนึ่ง ต้องดูจากความสามารถที่มี และความต้องการของเหล่าพนักงานในแผนก
"เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ถ้าพวกคุณทำไม่ได้คงต้องเปลี่ยนยกทีม" เสียงตรีประดับดังชัดและเด็ดขาดเสมอในที่ประชุม เธอมีความสามารถอย่างหนึ่งคือการสร้างความเชื่อมั่นและการโน้มน้าวจิตใจคนด้วยคำพูด ซึ่งมันเป็นประโยชน์ทุกครั้งที่เธอเอื้อนเอ่ย เพราะใครๆ ต่างคล้อยตามได้ง่าย
"ขอโอกาสให้พวกเราอีกครั้งครับ ผมจะรีบแก้ไขตามที่ท่านประธานแนะนำ" หนึ่งในคณะทำงานที่ถูกตำหนิรีบบอก
"ได้! ฉันให้โอกาสพวกคุณแค่สามวัน" แม้จะเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น แต่เขาก็ไม่อาจคัดค้านได้ เพราะคำสั่งของท่านประธานถือว่าเป็นคำขาด
"ครับ" ได้แต่ก้มตาก้มตารับกรรม ทางเลือกของเขามีไม่มาก อย่างน้อยสามวันหลังจากนี้ก็ช่วยยืดเวลาในการเตรียมตัวเก็บข้าวของและหางานใหม่ให้เขาได้อีก เป็นแบบนี้เสมอ จนทุกคนในที่ประชุมรู้ดี มันคือสัญญาณการไล่พนักงานออก และการเตรียมหาทีมงานใหม่กรายๆ ดังนั้นวันนี้ แผนกบุคคลจึงยุ่งเป็นพิเศษ ก็รอบนี้ตรีประดับเล่นสั่งปลดคณะบริหารระดับสูง แทนพนักงานธรรมดา
ตรีประดับเดินออกจากห้องประชุมอย่างไม่ร่ำลา ก็ไม่รู้จะเสียเวลานั่งอยู่ทำไม ในเมื่อได้พูดความต้องการของตัวเองออกไปหมดแล้ว เวลาทุกวินาทีของเธอมีค่าเสมอ
เธอหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์สำหรับผู้บริหาร แต่ส่ายตาคมๆ ของตรีประดับก็ดันหรี่ลงด้วยความไม่ชอบใจ ท่าทางแบบนี้คนสนิทอย่างเลขาชาญชัยรู้ดี และเดินตามไม่ห่าง เพราะตรีประดับเปลี่ยนเส้นทาง เดินตรงมายังพนักงานต้อนรับสองคนที่ยืนพูดคุยกันอยู่ ทั้งคู่รู้สึกถึงการมา ได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้า เผชิญหน้ากับท่านประธานโดยตรง ตัวสั่นเทิ้ม พวกเธอเพิ่งรับรู้ข่าวการปลดทีมบริหารมาแบบหมาดๆ ทางกรุ๊ปไลน์ลับของเหล่าพนักงาน
"บุษบา เงยหน้าสิ" น้ำเสียงกดต่ำ ยิ่งทำให้คนฟังทั้งคู่กลัว แต่เจ้าตัวก็ต้องเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้านาย ตามคำสั่ง
"เข็มกลัดไปไหน! "
"คือ ดิฉัน ลืมไว้ที่บ้านค่ะ" ตอบตามตรงด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว
"อยากโดนไล่ออกไปนั่งมองเข็มกลัดอยู่บ้านมั้ยล่ะ"
เพียงได้ยินคำว่าไล่ออกเท่านั้นแหละ สาวสวยชื่อบุษบาก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้นพร้อมพ่นคำขอร้องออกมา "ไม่ค่ะ ดิฉันไม่อยากโดนไล่ออก ท่านประธานอย่าไล่ดิฉันออกเลยนะคะ"
"ครบเจ็ดคนแล้วครับท่านประธาน" เสียงเลขาชาญชัยที่ตามติดเธอตลอดราวกับเป็นเงาตามตัวช่วยเตือนสติ นั่นทำให้พนักงานสาวโล่งอก คลายกังวล นั่นเพราะวันนี้เธอรอดพ้นการถูกไล่ออกแบบหวุดหวิด
"โชคดีไป" ตรีประดับยืดตัวตรง และบอกออกมาอย่างเสียดาย และหันหลังให้ ก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าวก็หันไปหาสองสาวใหม่อีกรอบ
"หรือจะเพิ่มเป็นแปดคนดี" ตรีประดับไม่ชอบเลย ที่หล่อนยังคงยิ้มได้กับความผิดพลาดของตัวเอง
"ไม่นะคะ ดิฉันสำนึกผิดจริงๆ และจะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก จะหักเงินเดือนฉันก็ได้ แต่อย่าไล่ดิฉันออกเลยค่ะ"
เลขาชาญชัยได้แต่ส่ายหัวกับนิสัยของตรีประดับ หลายครั้งที่เขามักจะคอยห้ามปรามและให้สติหล่อน แต่มักไม่ค่อยได้ผลเสียเท่าไหร่ อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเสมอ และหล่อนก็มักจะมีเหตุผลที่สอดคล้องกับอารมณ์ของตัวเอง เรียกได้ว่าตรีประดับไม่เคยผิด
"แค่นี้เหรอ" ตรีประดับถามย้ำ เธอชอบให้ผู้คนมีปฏิกิริยาตอบโต้ เจ็ดคนวันนี้ที่เธอไล่ออก ไม่มีใครขอร้องและต่อรอง ต่างจากพนักงานคนนี้
"ดิฉันยอมทำทุกอย่างค่ะ จะทำงานถวายชีวิต ไม่คิดลาออก"
"ดี ทำอย่างที่พูดให้ได้ก็แล้วกัน" บอกแค่นั้นก่อนจะหันกลับ และคราวนี้ตรีประดับคงไม่ย้อนกลับมาอีก เพราะหล่อนขึ้นลิฟต์ไปแล้ว
บุษบาและเพื่อนจึงหายใจหายคออย่างโล่งอกแบบจริงๆ จังๆ ใครจะคิดว่าพนักงานต้อนรับดีเด่นอย่างบุษบาเกือบจะถูกไล่ออก ตำแหน่งขวัญใจแขกผู้มาพักไม่ได้การันตีหน้าที่การงานเลยสักนิด ซึ่งมันก็ทำให้เธอหลงระเริงไปกับสิ่งที่ได้มา จนลืมระเบียบวินัย และตรีประดับคงลืมเธอด้วย เมื่อหลายปีก่อนเธอเคยเป็นคนโปรดของท่านประธาน แต่พอหล่อนมีสาวคนใหม่ ก็ถูกเขี่ยจนตกกระป๋อง ไม่เหลียวแล ไม่แม้แต่จะทักทายด้วยซ้ำ
และเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ เป็นความลับมาตลอด เพราะมันคือข้อตกลงตั้งแต่แรก