นักศึกษาฝึกงาน

3461 คำ
"เล็ก! ถ่ายเอกสารให้พี่หน่อย" "ค่ะ" "เล็ก เอาเอกสารไปส่งแผนกบัญชีที" "ค่ะ" "เล็ก เดี๋ยวลงไปรับอาหารข้างล่างให้พี่ที" "ค่ะ" "แสกน เข้าเครื่องสองนะ เสร็จแล้วถ่ายเอกสารเพิ่มอีกสี่ชุด" "ค่ะ" ตลอดเวลาที่ฝึกงานจนเกือบเดือน นิรา ได้ทำเพียงไม่กี่อย่าง ซึ่งมันไม่ได้ช่วยเรื่องพัฒนาความสามารถทางด้านใดเลย แถมที่เรียนมาก็ไม่ได้ใช้ แต่เธอจะทำอะไรได้มากเล่า นอกจากทำตามคำสั่งของทุกคนในแผนก เพราะหากกล้ามีปากมีเสียง คงไม่คุ้ม คำว่าอย่าทำตัวมีปัญหา ดังก้องในหัวตลอด และคิดในแง่ดีว่าอย่างน้อยการฝึกงานที่นี่ก็ทำให้เธออดทนเก่งขึ้น "เล็ก! พี่บอกว่าแสกนเข้าเครื่องสอง ถ่ายเอกสารสี่ชุด ไม่ใช่แสกนเข้าเครื่องสี่ ถ่ายเอกสารสองชุด" "ขอโทษค่ะ เดี๋ยวเล็กทำให้ใหม่" "ไม่ต้องแล้ว พี่ทำเองหมดแล้ว ไปกินข้าวไป" หล่อนดูหัวเสียกับการทำงานผิดพลาดครั้งนี้ของนิรา ซึ่งเด็กสาวก็ทำได้เพียงขอโทษและก้มหน้ายอมรับความผิด และทำตามคำสั่ง นั่นคือเดินออกจากห้องทำงาน "โคตรโง่เลย เหมือนคนไม่มีสมอง" ฟรังบ่นออกมา "เห้ย แรงไปป่าว แค่เด็กฝึกงาน อย่าไปเอาไรมากเลย" ปิงเตือนสติเพื่อน "พอเห็นว่าเป็นผู้หญิงก็เข้าข้างเชียวนะ" แต่ดูเหมือนหล่อนจะไม่สนใจกับคำเตือน "แต่ที่แกพูดก็แรงไปเว่ย" "ก็ฉันไม่ได้อยากได้เด็กฝึกงานตั้งแต่แรก แผนกบุคคลแม่งกวนตีน ไม่รู้จะส่งมาทำไม ภาระชัดๆ " "อันนี้ฉันเห็นด้วย" พิ้งกี้ เพื่อนร่วมงานอีกคนที่นั่งฟังอยู่บอกออกมา "ใช่มั้ยๆ งานเราเราแม่งโคตรเยอะ แล้วก็โคตรเร่งยังส่งมาเป็นตัวถ่วงอีก" "ใจกว้างหน่อยดิเว้ย อย่างน้อยน้องเค้าก็มีประโยชน์นะ" "ก็ทำได้แค่ซื้อกาแฟล่ะวะ ใครจะกล้าให้ทำงานสำคัญๆ " "แต่มันเป็นนโยบายบริษัท" "อยากให้ท่านประธานมาเจออย่างเราบ้างจริงๆ คิดเก่ง แต่เอาเข้าจริง เด็กพวกนี้ไม่มีประโยชน์เลย" "ก็คอนเทนต์เด็กฝึกงานของโรงแรมเราหลายล้านวิวไง เพราะงั้นเด็กฝึกงานจึงเพียบ" "จนต้องยัดมาแผนกเรา" นิรา เดินถอยห่างจากประตูอย่างใจลอย เธอลืมกระเป๋าสตางค์จึงเดินกลับมาที่แผนกอีกครั้ง และได้ยินทุกคำพูดของเหล่าพนักงานที่เป็นคนสอนงานให้เธอ ยอมรับเลยว่า หลังจากที่เห็นคลิปวิดีโอโปรโมตโรงแรม ทำให้เธออยากมาฝึกงานที่นี่ แถมท้ายวิดีโอยังเคลมว่ายินดีรับเด็กฝึกงาน คอนเทนต์และการนำเสนอทำให้นิรารู้สึกชื่นชม อยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลงาน เธอจึงเลือกโรงแรมดิโอเชี่ยนวัน และเจาะจงแผนกคอนเทนต์ แต่เมื่อได้ยินทุกประโยคจากคนที่รู้สึกชื่นชม มันทำให้กำลังใจถดถอย แล้วเวลาที่เหลืออีกหลายเดือนเธอจะทำงานอย่างมีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อเธอกลายเป็นตัวถ่วงสำหรับทุกคน หลังจากมื้ออาหารกลางวันกับเพื่อนๆ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำงาน แผนกใครแผนกมัน แต่นิรากลับเดินเลี่ยงไปทางสวนหลังโรงแรมแทน "น้องหมา" เธอส่งเสียงเรียกสุนัขตัวสีขาวตัวใหญ่ที่แอบมานอนอยู่ในบริเวณโรงแรม มันไม่ลังเลที่จะเดินมาหา นิราจึงยื่นมือไปลูบหัวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะวางลูกชิ้นให้ มองดูมันกินอย่างเอร็ดอร่อย "ถ้าฝึกงานจบแล้ว จะพาไปอยู่ด้วยนะ" ให้คำมั่นกับสุนัข ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "ถ้าพวกพี่เค้าไม่ต้องการเรา แล้วเราต้องทำตัวยังไงล่ะ" ได้แต่ระบายกับสุนัขที่เอาแต่กินโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง "แต่หาที่ฝึกงานใหม่ตอนนี้ คงไม่ทันแล้ว" หมดหนทาง และต้องไปต่อ สรุปกับตัวเอง "ตายแล้ว! " ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เลยเวลาพักทานข้าวมาเกือบครึ่งชั่วโมง ผุดลุกขึ้นและรีบวิ่งเข้ามาในโรงแรม ยืนรอลิฟท์อยู่พักใหญ่ ก็ไม่มีท่าว่ามันจะลงมาถึงชั้นล่างง่ายๆ คำนวนจากจำนวนตัวเลข ได้แต่ยืนกระวนกระวายและ 'ติ้ง' เสียงลิฟท์ดัง นิรารีบหันตามเสียงทันที เห็นชายสูงอายุเดินออกมาจากลิฟท์ตัวนั้น แม้จะจำได้ดีกับคำสั่งของพี่เลี้ยง ว่าห้ามใช้ลิฟท์ตัวนั้นเด็ดขาด เพราะเป็นของผู้บริหาร แต่ใครจะสนกันเล่า เธอคงไม่ซวยถึงขนาดขึ้นไปเจอผู้เหล่าผู้บริหาร หรือท่านประธาน คนที่ใครๆ ต่างพูดถึงความโหดร้ายของหล่อน ก็ไหนๆ เธอก็เป็นเจ้าแห่งโชคดี ได้ทียึดคำพูดพี่ชายมาอวดตัวเสียหน่อย คงไม่โชคร้ายดันไปเจอเหล่าบริหารหรอกนะ ก่อนที่ลิฟต์จะปิด นิราได้ทีแทรกตัวเข้าไป "หอมจัง" เอ่ยออกมา พร้อมสูดดมกลิ่นหอมๆ ของลิฟท์ตัวนี้ มันต่างจากลิฟท์ที่เธอใช้ทุกวันจนอดชื่นชมไม่ได้ แถมยังรู้สึกคุ้นกับกลิ่นนี้ และเพราะเป็นลิฟท์ของผู้บริหาร มันจึงหยุดในชั้นที่ไม่คุ้นเคย เธอไม่สามารถเจาะจงชั้นลงระหว่างทางได้ ราวกับเซ็ตไว้ว่าจะต้องมาที่ชั้นนี้ 'ติ้ง' เด็กสาวก้าวออกจากประตูลิฟท์ช้าๆ เริ่มสำรวจมองโดยรอบ ชั้นนี้ดูเงียบสงบ และตกแต่งอย่างหรูหรา มองเห็นตัวเลข 43 แน่นอนว่ามันคือชั้นของเหล่าบริหาร แต่นิราประจำอยู่ชั้น 40 ดังนั้น เธอจึงต้องหันกลับไปใช้บริการลิฟต์ตัวนี้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายเลย เพราะไม่ว่าจะพยายามมองหาปุ่มกด หรือลองแม้กระทั่งทาบนิ้วลงไปที่ช่องแสกน มันก็ไม่เปิด แถมยังมีสัญญาณสีฟ้าขึ้น เพื่อเตือนให้ลองวางนิ้วใหม่อีกครั้งหรือต้องใช้คีย์การ์ดเท่านั้น ซึ่งที่เมื่อครู่เธอเข้ามาได้ก็เพราะความไวของตัวเอง ลิฟต์ยังไม่ทันปิด นิราก็กระโดดเข้ามาด้านในเสียก่อน ดังนั้น อีกทางที่เธอต้องเลือกคือ บันได "นั่นใครน่ะ" เสียงหนึ่งดังขึ้น เด็กสาวต้องรีบหันตามทันที หล่อนคือ พี่กี้ คนที่พาเหล่าเด็กฝึกงานไปฝากในแต่ละแผนก "เล็กเหรอ ขึ้นมาได้ไง" เจ้าของเสียงจ้ำอ้าวมาทางเธอ "คือหนู.." "ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว รีบลงไปเร็ว อีกไม่กี่นาทีท่านประธานก็จะกลับมาแล้ว" เพราะเธอไม่เคยคำนวนเวลาพลาด แถมจำนวนเลขหน้าลิฟท์ยังบอกอีกด้วยว่าผู้โดยสารใกล้มาถึงแล้ว เริ่มชี้โบ้ชี้เบ้ให้นิราเดินไปทางบันไดหนีไฟ "หลังประตูนั่น" แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว 'ติ้ง' แต่ไม่ทันที่จะได้ห้ามปรามหรือพูดคุยจนได้ความ ประตูลิฟท์ก็ถูกเปิดออก "คุณตรี! " เด็กสาวร้องทักทันทีที่เจอหน้าตรีประดับ นั่นทำให้กี้ เลขาสาวหน้าห้องท่านประธานอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน ก็เพราะไม่เคยมีใครในโรงแรมเรียกเจ้านายตัวเองอย่างสนิทสนมแบบนี้ และดูเหมือนตรีประดับก็กำลังตกใจที่ได้เห็นนิรา 'ประตูกำลังปิด' เพราะตรีประดับเอาแต่ยืนนิ่ง แต่พอได้ยินเสียงสัญญาณ เธอจึงหลุดอาการลนลานออกมา คว้ากดปุ่มเปิดย้ำหลายที ก่อนจะรีบเดินออกมา "พี่ชายส่งเธอมาปลดหนี้อีกแล้วหรอ" และนี่เป็นคำทักทายแรกที่ตรีประดับเลือกพูดกับนิราหลังจากก้าวออกจากลิฟท์ เด็กสาวนิ่งเงียบไม่ตอบ หลังจากคืนนั้นที่พี่ชายพยายามยัดเยียดตัวเธอให้กับคนตรงหน้าเพื่อปลดหนี้ เด็กสาวก็เอาแต่คิดถึงใบหน้าของตรีประดับอย่างไม่เข้าใจตัวเอง และยังไม่เลิกต่อว่าหล่อนเรื่องความใจร้าย ต่างจากตรีประดับที่ไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย เพียงแต่เจ็บใจ ที่ถูกพิธานหลอก และเชิดเงินไปแบบที่ติดต่อไม่ได้ "นี่เป็นนักศึกษาฝึกงานค่ะ พอดีน้องขึ้นมาส่งเอกสาร กำลังจะกลับพอดี" กี้ได้แต่แก้ตัวแทน อย่างน้อยการโกหกว่าเด็กสาวมาส่งงาน ก็น่าจะทำให้ตรีประดับไม่เกรี้ยวกราด มันดีกว่าบอกไปตรงๆ ว่าเด็กฝึกงานแอบมาใช้ลิฟต์ของผู้บริหาร "แผนกไหนล่ะ" "คะ? " กี้ แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ก็เพราะท่านประธานไม่เคยสนใจใคร แต่หากถามแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ มันเป็นแบบนี้ประจำ การที่หล่อนสนใจใครเป็นพิเศษ ไม่ถูกไล่ออก ก็โดนพักงาน แต่กลับเด็กฝึกงานที่สร้างปัญหา ทำให้กี้นึกห่วงแผนกที่นิราทำงานอยู่ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณการตักเตือน แผนกคอนเทนต์ไม่อาจดูแลเด็กในปกครองได้ แถมปล่อยให้มาเดินเพ่นพ่านถึงชั้นบริหาร เธอเริ่มคิดไปต่างๆ นาๆ ราวกับพวกจิตตก การทำงานใกล้ชิดตรีประดับ ทำให้เธอต้องคิดซับซ้อนหลายขั้น หลายตอน จนหัวสมองแทบจะระเบิด "ไม่เป็นไร ไม่ได้อยากรู้" พูดปิดความสงสัยแค่นั้นก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานของตัวเองโดยไม่หันกลับมามอง ราวกับไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น สองสาวที่ยืนอยู่ทอดสายตามองตามอย่างหวาดระแวง "วันหลังอย่ามาเดินเพ่นพ่านชั้นนี้อีกนะ ไม่งั้นจะซวยกันหมด" กี้พ่นคำบ่นออกมาอย่างเหลืออดขณะเดินมาส่งนิราบริเวณบันไดหนีไฟ ทางเดียวที่เธอจะส่งเด็กฝึกงานให้กลับไปทำงานได้แบบที่ไม่ทับเส้นทางเหล่าบริหาร "คุณตรีดุมากเลยเหรอคะ" ถามออกมาอย่างอยากรู้ "หยุด! หยุดเลย ห้ามเรียกแบบนั้นอีก ต่อไปนี้ เล็กต้องเรียกเธอว่าท่านประธานเท่านั้น เข้าใจมั้ย" "คุณตรีคือท่านประธานเหรอคะ" ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เธอได้ยินเรื่องท่านประธานจอมโหด ฉายาที่เหล่าพนักงานในแผนกนินทาหล่อนไม่เว้นแต่ละวัน แต่ไม่เคยเจอแบบตัวเป็นๆ และโลกก็กลมเกินไป ที่คนคนนั้นคือตรีประดับ ก็เพราะการพบเจอแบบบังเอิญครั้งนี้ ทำให้นึกถึงเรื่องราวครั้งก่อน "ไปอยู่ไหนมาเนี่ยเด็กคนนี้" กี้ได้แต่บ่น ใครกันที่จะไม่รู้จักใบหน้าสวยๆ ของท่านประธาน หน้าฟร้อนท์ต้อนรับลูกค้าโรงแรมดิโอเชี่ยนวัน "เกือบไปแล้ว คิดว่าพี่บุษจะไม่รอด" นภากระซิบกระซาบข้างหูบุษบา  "อย่าเพิ่งพูดเรื่องส่วนตัว" ตอบกลับเสียงเบาหวิวราวกับกลัวว่าใครจะผ่านมาได้ยิน แม้จะยังไม่มีลูกค้าก็ตาม บุษบามักเป็นแบบนี้เสมอ เธอจริงจังกับเรื่องงานตรงหน้า ไม่วอกแวกเหมือนใครๆ และแบบนี้จึงทำให้เธอได้รับรางวัลพนักงานดีเด่นหลายปีซ้อน เรื่องที่เธอถูกท่านประธานเข้ามาตักเตือน เป็นที่พูดถึงกันอย่างไม่หยุดปาก เพราะหล่อนถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับแผนกต้อนรับ แต่ความดีและความเก่งก็ไม่ได้ช่วยให้เธอหลุดรอดสายตาท่านประธานไปได้ บุษบาไม่ได้รู้สึกโกรธและเสียหน้าเลยสักนิดที่ถูกตรีประดับต่อว่าเรื่องความสะเพร่าของตนเองจนเกือบจะถูกไล่ออก แต่การที่ตรีประดับแสดงท่าทีเย็นชากับเธอต่างหาก เมื่อแปดปีที่แล้ว เธอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตรีประดับแบบลับๆ แต่มันก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เธอมีความสุขได้ไม่นาน ก็ถูกหล่อนทิ้งแบบไม่ใยดี และเพราะเอาแต่คิดถึงคำพูดหวานๆ ของหล่อน มันจึงทำให้บุษบาตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อให้ได้อยู่ในสายตาท่านประธานอีกครั้ง เพราะเธอไม่เคยลืมสายตาและรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้ เธอเคยเป็นคนโปรด "อุ้ย.. อย่าค่ะ ท่านประธาน" เสียงบุษบาเอ่ยห้ามเบาหวิว เพราะถูกตรีประดับจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว จากทางด้านหลัง "บอกกี่ครั้งแล้วคะ ว่าให้เรียกพี่ตรี" กระซิบบอกข้างหู ก่อนจะกดจูบด้วยความคิดถึง ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำห้ามปรามของคนในอ้อมกอด "ดิฉันกลัวจะมีใครได้ยิน" บอกตามตรง ก็ตอนนี้ยังอยู่ในเวลางาน แม้จะภายในห้องส่วนตัวลับตาผู้คนก็ตาม "ใกล้เลิกงานแล้วนี่คะ" เสียงหวานๆ ของตรีประดับทำให้บุษบาอ่อนระทวย แต่นั่นไม่เท่ามือของคนด้านหลังที่กำลังลูบคลำของสงวนใต้กระโปรง  "งั้นดิฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้มั้ยคะ" พยายามต่อรอง ตั้งแต่ได้เป็นคนรักของตรีประดับแบบลับๆ เธอก็ได้เลื่อนขั้น และอภิสิทธิ์มากมาย รวมถึงห้องส่วนตัวนี้ด้วย  "พี่รอไม่ไหวแล้วค่ะ" บอกตามตรง แถมยังช่วยดึงเสื้อยูนิฟอร์พนักงานต้อนรับออกอย่างเบามือ มันง่ายดายเพราะตรีประดับแค่รับช่วงต่อจากบุษบา หล่อนกำลังจะปลดเปลื้องชุดทำงานเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวท นั่นมันหมายถึงหมดเวลางาน และตรีประดับก็รู้เวลาดี บุษบาหันกลับมาเผชิญหน้าตรีประดับ แผ่นหลังชิดติดล็อกเกอร์ ลมหายใจเธอเริ่มขาดห้วง ใบหน้าเหยเก พยายามไม่ส่งเสียง เพราะนิ้วเรียวยาวกำลังโลดแล่นอยู่ในกายเธอ "เรียกชื่อพี่สิคะ" กระซิบบอกก่อนจะขบเม้มติ่งหูสาวสวยตรงหน้า คำพูดของตรีประดับนั้นเหมือนมีเวทมนต์ ไม่ว่าหล่อนจะพูดหรือสั่งอะไร บุษบาก็ยอมทุกอย่าง "พะ พี่ตรี อะอื้อ" พนักงานสาวสวยถูกปิดปากด้วยรสจูบของตรีประดับ ก็บุษบาทำให้เธอพอใจ มีหรือคนอย่างตรีประดับจะอดใจไหว  จากวันนั้นจนวันนี้ บุษบาไม่เคยลืมความสัมพันธ์นั้น โหยหาและอยากจะกลับไปเป็นผู้หญิงของตรีประดับอยู่ทุกเมื่อ แต่เธอจะทำอะไรได้เล่า ในเมื่อหล่อนดันไม่ใยดีเธอเลยสักนิด แถมอย่างจะเขี่ยเธอทิ้งอยู่ตลอดเวลา นิราลงบันไดหนีไฟจากชั้นของผู้บริหาร สี่สิบสามมาถึงสี่สิบ เธอก็รีบตรงไปยังแผนกคอนเทนต์ เพราะเกรงจะถูกดุ มันเลยเวลาพักมาเกือบชั่วโมง นิราเปิดประตูเข้ามาในแผนกอย่างเบามือ "แอ๊ะ! ไปไหนมา" เสียงปิง ชายหนุ่มหนึ่งเดียวในแผนกทักขึ้นจนนิราสะดุ้ง "คือ เล็ก ขอโทษค่ะ เล็ก เล็ก.." เพราะกลัวจะถูกตำหนิจึงพูดไม่ออก และถึงแม้จะพูดความจริง ยังไงไเธอก็มีความผิด "ไม่เป็นไร พี่ไม่บอกสองสาวนั่นหรอก" เขาบอกด้วยความใจดี จึงทำให้นิรายิ้มออกมาพลางลอบมองไปที่โต๊ะทำงานของพี่เลี้ยงในการฝึกงานสองสาว "พี่เค้าไม่อยู่ โดดงานไปซื้อของเซลล์ เราก็อย่าไปบอกใครล่ะ" เพราะสังเกตอาการเด็กฝึกงานได้ จึงช่วยบอกให้กระจ่าง  "ค่ะ เล็กจะไม่บอกใคร" พร้อมยืดอกอย่างโล่งใจ "เล็กเข้ามาหาพี่ตรงนี้หน่อยสิ พี่จะให้ดูอะไร" เมื่อเห็นว่านิราเดินมาใกล้เขาจึงลุกออกจากเก้าอี้ "นั่งตรงนี้นะ" และสละที่นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เธอนั่ง แม้จะงงๆ แต่ก็นั่งลงตามที่บอก และหันไปหาเขา "ให้เล็กทำอะไรเหรอคะ"  "เปิดไฟล์ชื่อคอนเทนต์ใหม่สิ" เขากอดอกบอก เด็กสาวจึงทำตามอย่างว่าง่าย ซึ่งเมื่อเปิดขึ้นมา นิราก็ยิ้มไม่หุบ แถมดวงตาเป็นประกาย เพราะเธอได้เห็นคลิปวิดีโอ โฆษณาโรงแรมที่เพิ่งจะทำเสร็จหมาดๆ และยิ้มตาหยีเพราะช่วงท้ายคลิปได้เห็นว่ามีตรีประดับอยู่ในวิดีโอนี้ด้วย หล่อนช่างขึ้นกล้องแต่ก็รู้สึกขัดใจนิดหน่อย "ชอบมั้ย" เขาถามเมื่อคลิปจบ และไม่ต้องบอกก็รู้คำตอบ นิราพยักหน้าหงึกหงัก "ชอบมากค่ะ"  "พี่เห็นในซีวีของเล็ก บอกว่าเคยมีช่องในยูทูป พี่เลยแอบไปดูผลงาน พี่ชอบนะ ไอเดียเราดีเลย"  "ขอบคุณค่ะ จริงๆ อันนั้น เป็นงานที่ต้องส่งอาจารย์น่ะค่ะ แล้วก็ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวหรอกค่ะที่ทำ มีเพื่อนที่มหาลัยอีกหลายคนที่ช่วยกันคิด" เธอไม่อยากเอาความดีเข้าตัวคนเดียว และไม่ได้เก่งขนาดที่เขาชม "เหอะน่า ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก" เขาตัดบท "เล็กว่า คลิปนี้ควรแก้อะไร" และเห็นว่านิราดูลังเล "ไม่ต้องกลัวพี่จะว่าหรอก บอกตรงๆ ในฐานะคนดู เพราะพี่รู้สึกว่ามันยังขาดอะไรสักอย่าง แต่คิดไม่ออก" "เล็กคิดว่า รวมๆ ก็ดีค่ะ แต่ช่วงท้าย ถ้าท่านประธานดูเป็นธรรมชาติกว่านี้สักหน่อย คงจะดูรีแลกซ์กว่านี้" เพราะเห็นใบหน้าปิงที่ดูคิดตามตลอดจึงช่วยบอก "หน้าท่านปนะธานดูเครียดเกินไปน่ะค่ะ" "ใช่มั้ย! พี่ก็คิดแบบนั้นแหละ ใช่เลย" โพล่งออกมาจนเด็กสาวสะดุ้ง ปิงรีบคว้าแทปเล็ตตัวเองมาขีดเขียนเพื่อจดบันทึกในทันที ก่อนจะหันมาหานิรา "ขอบใจเล็กมากนะ" นิราได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ และกลับไปนั่งประจำโต๊ะตัวเอง เพราะหลังจากถ่ายทอดความคิดตัวเองออกไปแล้ว ปิงก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจดงาน เดี๋ยวเติมเดี๋ยวแก้ ไม่พูดไม่จา จนฟรังและพิ้งกี้กลับเข้ามาพร้อมถุงชอปปิ้ง จากที่ฟังทั้งสองคุยกัน คือโปรเจ็คโฆษณาตัวใหม่เพิ่งเสร็จ พวกเธอทั้งคู่จึงได้พัก หลังจากที่งานวุ่นวายที่อกหลับอดนอนมาเกือบอาทิตย์ แผนกนี้จะต่างกับหลายๆ แผนก คือไม่ต้องเข้างานตามเวลาเหมือนแผนกอื่น ง่ายๆ คือไม่ได้เข้มงวด แต่แค่ต้องได้งานตามเวลา แต่เมื่อทั้งสามได้พูดคุยกัน ฟรังและพิ้งกี้ ก็ได้แต่กุมขมับ "ฉันว่าดีแล้ว แกจะแก้ทำไม" ฟรังออกตัวแรง "ใช่ เราเหนื่อยเป็นอาทิตย์ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว" พิ้งกี้เสริม" "พวกแกลองดูสิ" ปิงพูดพร้อมหันหน้าจอให้เพื่อนดู ช่วงที่มีตรีประดับ "ท่านประธานคิ้วขมวดแบบนั้น แล้วมันจะสมบูรณ์แบบได้ไง" เขายืนยัน สองสาวมองหน้ากัน แม้จะสองเสียง แต่สิ่งที่ปิงพูดนั้นจริง "แล้วจะทำไง กว่าจะได้ช็อตนี้ถ่ายเกือบทั้งวัน ถ้าขอถ่ายแก้มีหวังเราโดนเด้งแน่" ฟรังช่วยบอก "ปล่อยไปเหอะ"  "พวกแกทำใจได้เหรอ" ปิงย้ำถาม "ยังไงลองคุยกับพี่กี้ก่อนแล้วกัน" เขารู้นิสัยเพื่อนดี แม้ต่างคนอินดี้และปากเสียง แต่เมื่อพอเจอจุดบกพร่องของงาน ทั้งสามไม่เคยปล่อยผ่าน มันจึงทำให้ทีมคอนเทนต์อยู่ทำงานแบบอยู่ทนจนถึงทุกวันนี้ ตรีประดับนั่งอ่านแฟ้มประวัตินักศึกษาฝึกงานในปีนี้ "นิรางั้นเหรอ" แน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจจะรู้เรื่องราวของนักศึกษาฝึกงานทุกคน ตรีประดับสนใจแค่ประวัติของนิราเพียงคนเดียว และเมื่ออ่านจนละเอียดก็ปิดมันลง "คงคิดมาแล้วล่ะสิ" เธอเพียงเปรยออกมา พร้อมยิ้มมุมปาก เอนหลังพิงพนัก ตรีประดับกำลังคิดเองเออเอง การเห็นนิราที่นี่วันนี้คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เด็กนั่นคงอยากมาเสนอตัวให้เธออีก เรื่องความหลงตัวเองและคิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางนี่ก็ด้วย ตรีประดับไม่เคยรู้ตัวเอง และไม่มีใครกล้าเตือน "ต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ" เสียงเลขาชาญชัยที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเรียกสติตรีประดับให้ออกจากห้วงความคิด "พรุ่งนี้ ช่วยเรียกทุกคนมาที่นี่ทีค่ะ"  "ครับ" รับคำสั่งก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ แม้จะไม่เข้าใจในควาทต้องการของเจ้านายก็ตาม ได้แต่พยายามคิดว่าสิ่งที่ตรีประดับทำ คงต้องสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อโรงแรม หรือไม่ มันก็มาจากอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของหล่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่ การลงทุนมีความเสี่ยง แต่เธอดันทิ้งเงินหนึ่งล้านและอีกหลายบาทไปในคืนนั้น โดยที่ไม่ได้อะไรกลับคืนมา แต่ต่อจากนี้ เธอจะเอาคืนคนที่มันกล้ามาเอาเปรียบเธอ พิธานคงวางแผนมาดีแล้ว โดยการเอาน้องสาวมาหลอกล่อ ให้เธอตกหลุมพลาง รวมถึงการเจอหล่อนที่นี่ก็ด้วย เอาเป็นว่าเธอจะเอาคืน 'อยากเรียนรู้ และหาประสบการณ์' ประโยคหนึ่งในจดหมายแนะนำตัวของนิรา  "เธอจะได้ นิรา" 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม