หลังจากเข้ามาในร้านบิงซูเรียบร้อย หอมรักรีบบอกให้ลุงเมฆนั่งอยู่ข้างซ้าย มามี้นั่งอยู่ข้างขวา ส่วนตัวเองจะนั่งตรงกลางเอง พี่พนักงานยิ้มด้วยความเอ็นดูให้กับความช่างจัดแจงของลูกค้าตัวน้อย ก่อนจะยื่นเมนูให้เลือก
เด็กฉลาดพลิกดูทีละหน้า กวาดตามองรูปทีละรูปด้วยความตั้งใจสุดชีวิต เห็นรูปไหนก็อยากกินไปหมด ลิ้นเล็กถึงได้แลบออกมาเลียริมฝีปาก เด็กน้อยพลิกไปพลิกมา สุดท้ายก็เจอบิงซูที่อยากกิน
“น้องหอมชอบอันนี้ค่า อร่อยมากๆ น้องหอมชอบ”
รูปตรงหน้าทำให้หอมรักตาโต รีบจิ้มให้ลุงเมฆดู เด็กน้อยเคยมากินกับมารดาและคุณหมอมาวิน จำได้ว่าบิงซูถ้วยนี้อร่อยมาก วันนี้เลยอยากกินอีกครั้ง
“มามี้ว่าเราสั่งอันอื่นดีกว่าไหม ถ้วยนี้ใหญ่ไป หนูกินเยอะไม่ได้ค่ะ จะปวดท้องเอา”
“น้องหอมลืมค่ามามี้”
“ทำไมถึงปวดท้องล่ะคุณ ลูกป่วยเป็นอะไร”
“เด็กกับของเย็นๆ กินเยอะจะไม่สบายแค่นั้นแหละ”
“ช่ายยย พ่อวินบอกว่าต้องกินพอดี อืม เอาอันไหนดีน่า”
“เอาอันเมื่อกี้ก็ได้เดี๋ยวพ่อเมฆ เอ๊ย ลุงเมฆช่วยหนูกินเอง กินกันสามคนไง น้องหอมไม่ต้องกินเยอะ”
เขาหลุดแทนตัวเองว่าพ่ออย่างที่ใจในส่วนลึกต้องการ ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องของอดีตภรรยา ไม่เรียกวันนี้วันหน้าก็ต้องเรียกอยู่ดีแต่ก็เอาเถอะปล่อยไปก่อน
“เอาค่า มามี้ขาเอาได้ไหมคะ น้องหอมอยากกิน”
“ก็ได้ค่ะ สั่งถ้วยนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ”
“ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะคุณลูกค้า”
“ขอบคุณค่าคุณพี่คนสวย”
“ปากหวานจังเลย รอสักครู่นะคะ”
“ค่าน้องหอมรอได้ บิงซู บิงซู บิงซูอร่อยๆ”
เด็กได้กินของชอบโยกหัวแล้วฮัมเพลงอย่างมีความสุข พร้อมด้วยแกว่งขาไปมาบ่งบอกว่าเจ้าตัวอารมณ์ดีขนาดไหน สีหน้ากับแววตาของหอมรักทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหลุดยิ้ม
ปลายเมฆไม่รอช้า รีบเอาโทรศัพท์ออกมาจากนั้นก็กดบันทึกความน่ารักของเด็กตาแป๋วไม่ยอมหยุด ไม่ว่ายัยหนูจะทำอะไรเขาก็บันทึกไว้หมด ระฆังแก้วไม่ได้ห้ามเพราะคิดว่าไม่ได้เสียหายอะไร
เมื่อพนักงานจดออร์เดอร์เสร็จก็รีบกลับไปส่งให้ที่เคาน์เตอร์ครัว เธอหันไปเห็นว่ามีลูกค้าเดินเข้ามาในร้านจึงออกไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม แต่ลูกค้าสาวบอกว่ามีโต๊ะแล้วจากนั้นก็กวาดตามองไปทั่วร้านก่อนจะหยุดลง
ภาพของทั้งสามคนที่กำลังพูดคุยด้วยรอยยิ้มอิ่มสุขทำให้ผู้มาใหม่อยากจะกรี๊ดออกมาให้ดังลั่นร้าน แต่ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะคนอย่างเอวารินทร์ต้องรักษาภาพลักษณ์ความเป็นผู้ดีเอาไว้ทุกกระเบียดนิ้ว
ในขณะที่ขาเรียวทั้งสองข้างกำลังก้าวไปข้างหน้า กลับต้องหยุดเดินกะทันหัน เมื่อเธอได้เห็นใบหน้าของเด็กหญิงที่ถักเปียอย่างน่ารักเต็มสองตา
ทำไมลูกสาวของระฆังแก้วถึงมีใบหน้าเหมือนปลายเมฆอย่างนี้ แล้วใครจะเชื่อว่าหล่อนมีชู้ ใครจะเชื่อว่าเด็กคือลูกชู้
เอวารินทร์บอกตัวเองให้ใจเย็นๆ เธอควรเข้าไปแสดงตัวก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน ใบหน้าสวยเฉี่ยวเชิดขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหาคนทั้งสองด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจแบบปลอมๆ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาไหว้คนที่แก่กว่าอย่างมีมารยาท
“สวัสดีค่ะพี่เมฆ สวัสดีค่ะ...พี่แก้ว”
“สวัสดีครับ น้องเอวามาได้ยังไง มาทำธุระเหรอ”
“ใช่ค่ะ พอดีเอวาเดินผ่านแล้วหันมาเห็นพี่เมฆก็เลยเข้ามาทัก ไม่นึกว่าจะอยู่กับพี่แก้วด้วย”
“ไม่ได้เจอตั้งนานเลยนะคะ คุณน้องเอวาคน...สวย”
อันที่จริงระฆังแก้วจะพูดคำว่าคนตอแหล แต่ยั้งและเปลี่ยนคำได้ทันเพราะไม่อยากให้ลูกสาวได้ยินคำพูดไม่ดี
สายตาของเธอที่มองใบหน้าเอวารินทร์บ่งบอกถึงความเกลียดชัง ในอดีตเธอไม่น่าเอ็นดูนังงูพิษตาใสคนนี้เลย หักหลังกันได้อย่างเลือดเย็น ตอนนี้เธอรู้ซึ้งถึงประโยคที่ว่า “เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด” ก็เพราะเจอมากับตัวเองตอนนั้น
“ค่ะ แล้วเด็กคนนี้คือ” คนหน้าซื่อใจคดแสร้งยิ้มหวานทำเป็นไม่สนใจสายตาของระฆังแก้ว จากนั้นก็หันไปสนใจหอมรักแทน
เด็กน้อยเหมือนจะรับรู้ได้ถึงรังสีความเป็นคนไม่ดีของคนตรงหน้า ถึงได้กอดแขนลุงเมฆไม่ยอมปล่อย แต่ยังจับจ้องใบหน้าของเอวารินทร์ไม่วางตา
“ลูกสาวของฉันเองค่ะ”
“สวัสดีค่ะสาวน้อย ดวงตาเหมือนแม่มาก”
“น้องเอวาพูดถูก น้องหอมตาเหมือนแม่ แต่หน้าเหมือนพ่อ”
“พี่เมฆมั่นใจเหรอคะว่าเด็ก...” / “พี่มั่นใจ อย่าพูดคำนั้น”
ปลายเมฆไม่อยากให้หอมรักได้ยินคำว่าลูกชู้จึงเอ่ยขัดเอวารินทร์ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
หญิงสาวจึงยกมือขึ้นมาจับแขนของชายหนุ่มหมายจะขอโทษแต่หอมรักกลับปัดมือคู่สวยทิ้งด้วยความไม่ชอบใจ
“ไม่จับลุงเมฆของน้องหอม”
“น้องหอมลูก ไม่เอาค่ะไม่น่ารัก”
“อย่าดุลูกสิคุณ น้องหอมไม่ได้ตั้งใจ”
“ลุงเมฆขา”
“ครับ”
“ไม่ให้คุณป้าจับ”
ฮะ...ปะป้า!!! คนถูกเรียกว่าป้าหน้าตึงขึ้นมาทันควันแต่มือยังไม่ยอมคลายออก
ปลายเมฆเห็นหอมรักเบะปากเหมือนจะร้องไห้จึงรีบปัดมือของเอวารินทร์ออกอย่างไม่ไยดี หาได้สนใจสีหน้าของหญิงสาวที่กำลังตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้าทำอย่างนี้กับตนเอง
ระฆังแก้วเห็นแบบนั้นก็อดยิ้มเย้ยหยันไม่ได้จริงๆ ดูสีหน้าของเอวารินทร์ตอนนี้สิ เธอเห็นแล้วสะใจเหลือเกิน โถยัยคุณหนูชอบตีสองหน้าดีนักเป็นไงล่ะไปต่อไม่ถูกเลย สม!
“ไม่จับแล้วค่ะ น้องหอมไม่ต้องร้องนะคะ ลุงเมฆจะไม่ให้ใครจับเด็ดขาด”
“ค่า น้องหอมจับได้ มามี้จับได้ คุณป้าจับไม่ได้ สัญญา”
“สัญญาครับ ต่อไปลุงเมฆจะไม่ยอมให้ใครจับนอกจากน้องหอมแล้วก็มามี้”
“คุณหนูเอวาจะอยู่กินบิงซูกับพวกเราก่อนไหมคะ”
“ไม่แบ่งค่า น้องหอมไม่แบ่งคุณป้า”
เด็กหญิงหอมรักเอามือขึ้นมากอดอก ก่อนจะขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งจ้องมองคนที่ตัวเองเรียกว่าป้าด้วยความไม่พอใจ ปากเล็กยื่นออกมาเล็กน้อยบ่งบอกถึงอารมณ์
“ขอโทษด้วยนะน้องเอวา พี่ไม่อยากขัดใจน้องหอม”
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีเอวามีธุระต่อเหมือนกัน ขอตัวก่อนนะคะพี่เมฆ ไว้เจอกันที่งานเลี้ยง”
เอวารินทร์กำมือที่วางไว้บนตักแน่นหลังจากสบตาเด็กหญิงหอมรักที่มองมาด้วยสายตาไม่ปลื้ม ไหนยังจะมารดาของเด็กน้อยที่เอาแต่นั่งยิ้มมุมปากคล้ายเยาะเย้ย
“ครับ แต่พี่อาจจะไม่ได้ไป”
งานเลี้ยงที่เขาต้องไปคืองานวันเกิดของเอวารินทร์ซึ่งจะจัดในช่วงปลายสัปดาห์
ปลายเมฆมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ไปแน่นอน เพราะสองแม่ลูกจะไปเที่ยวทะเลช่วงนั้นพอดี
เขาแอบถามหอมรักแล้ว ไม่คิดเหมือนกันว่าเด็กน้อยจะจำแม่น แถมยังบอกได้ว่าตัวเองจะไปเที่ยววันไหน
“ทำไมคะพี่เมฆมีธุระอื่นเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ คุณปลายเมฆมีธุระกับเราสองแม่ลูก ใช่ไหมคะคุณ”
“ครับ พี่ไม่สะดวกไป แต่จะส่งของขวัญไปแทน”
“แต่มันคือวันเกิดของเอวานะคะ พี่เมฆจะไม่ไปจริงเหรอคะ”
“ไม่ไปค่า ลุงเมฆจะไปกับน้องหอม”
“พี่เมฆคะ”
“คุณเมฆคะ”
“ครับ พี่ไม่ไป”
เอวารินทร์เก็บความไม่พอใจเอาไว้ภายใต้สีหน้าน่าสงสาร ก่อนจะบอกปลายเมฆว่าไม่เป็นไร เธอเข้าใจเขา เอาที่เขาสะดวกได้เลยเธอไม่มีปัญหา หากแต่หลังจากหันหลังแววตาที่เคยหม่นเศร้ากลับแปรเปลี่ยนในทันที ราวกับไม่ใช่คุณหนูคนดีคนเดิม
อดีตเธอเกลียดระฆังแก้วคนเดียว แต่ตอนนี้เธอเกลียดยัยเด็กปากร้ายที่เรียกตนเองว่าป้าด้วย
เอวารินทร์เดินออกจากร้านไม่นานก็รีบต่อสายหามารดาของปลายเมฆทันที จากนั้นก็รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมกับบีบน้ำตาเรียกร้องคะแนนสงสาร
ครู่เดียวโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็สั่นดังครืด เมื่อเห็นว่ามารดาโทรมาเขาจึงกดรับ คุยไม่กี่ประโยคก็วางสายไป
ระฆังแก้วได้ยินบทสนทนาทุกประโยคก็แอบขำในใจ ถึงแม้เวลาจะเปลี่ยนไปแต่นิสัยคนไม่เคยเปลี่ยน โดยเฉพาะกับอดีตแม่ผัวตัวร้าย ในอดีตผกากรองชอบบงการชีวิตลูกชายอย่างไร ปัจจุบันก็คงไม่ต่างกัน มีแม่แบบนี้สู้ไม่ต้องมีซะยังจะดีกว่า ชีวิตเหมือนติดอยู่ในคุกในตะราง
“ทำไมคะโดนคุณแม่ของคุณสั่งให้ทำอะไรอีก”
“เย็นนี้ให้กลับไปกินข้าวด้วย แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว”
“พัฒนาขึ้นเยอะเลย กล้าปฏิเสธแม่ด้วย นับถือค่ะ”
“ทำไงได้ แก่ขึ้นแล้วนี่ ต้องรู้ความต้องการของตัวเอง”
“ขอให้เป็นแบบนี้ไปตลอด อย่าเป็นเหมือนในอดีตอีกก็พอ”
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพร เย็นนี้ลุงเมฆจะไปกินข้าวที่บ้านน้องหอมได้ไหมคะ”
“ได้ค่า น้องหอมตกลง”
“ไม่ถามมามี้เลยนะคะน้องหอม”
“มามี้ใจดี มามี้ตกลง น้องหอมรู้ค่า”
“แล้วน้องหอมจะทำอะไรให้ลุงเมฆกินเอ่ย”
“อะไรดีน้า ขอคิดก่อน ติ๊กต็อกๆ”
“ขออร่อยๆ ได้ไหมครับ น้องหอมจะให้ลุงเมฆกินอะไรน้า”
“รู้แล้วค่า น้องหอมจะให้ลุงเมฆกิน…”
“กินอะไรครับ ลุงเมฆกินได้หมดเลย”
“ไข่ดาวกับแม็กกี้ อร่อยเหาะเลยค่า”
เด็กน้อยยกนิ้วโป้งขึ้นมาประกอบคำว่าอร่อย ก่อนจะขอให้มารดาช่วยเปิดรูปข้าวไข่ดาว ที่เคยถ่ายเอาไว้ให้ลุงเมฆดูด้วยความภาคภูมิใจ ตอนนั้นตัวเองช่วยเป็นลูกมือทำอาหารกินกันสามคน
รูปภาพในโทรศัพท์ทำให้ปลายเมฆมีสีหน้าสลดลง อยู่ๆ ก็รู้สึกอิจฉาคุณหมอมาวินขึ้นมา อันที่จริงแล้วคนที่ควรอยู่ในรูปต้องเป็นเขาไม่ใช่ผู้ชายคนนี้
แม้ว่าจะยังหาทางพิสูจน์ความจริงไม่ได้ว่าหอมรักเป็นลูกของใคร แต่เขาเชื่อไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ เด็กแก้มป่องตาโตที่กำลังมีความสุขกับการกินบิงซูอยู่ตอนนี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของตน
น้องหอมรักต้องเป็นลูกของพ่อเมฆแน่นอน หน้าตาเหมือนกันขนาดนี้จะเป็นลูกของคนอื่นได้อย่างไร เหลือแค่หาหลักฐานมายืนยันความจริงเท่านั้น
“ลุงเมฆขา กินบิงซู ลุงเมฆ”
“...”
“ลุงเมฆขา”
“คุณปลายเมฆ”
“ครับ มีอะไรคุณ”
“คิดอะไรอยู่ น้องหอมเรียกคุณไม่ได้ยินเหรอ”
“เปล่าๆ ไม่ได้คิดอะไร น้องหอมเรียกลุงทำไมครับ”
“ป้อนค่า น้องหอมอยากให้ลุงเมฆป้อน”
“อ้อนเก่งจังเลย สมกับเป็นลูกสาวของพ่อเมฆ”
“ใครบอกลูกคุณ อย่ามโน”
“ดีเอ็นเอบนหน้าลูกบอกผม”