EP.8 SLAVE TO LOVE ♥
ตอน แรกพบสบตา
“เออ ๆ” คนตัวสูงที่ยืนถัดจากเขากำลังจะวิ่งตามเธอไป แต่ถูกท่อนแขนแกร่งของใครอีกคนยื่นมาขวางเอาไว้แทน
“ปล่อยมันไปก่อนดีกว่า...กูว่ามันคงอยากอยู่คนเดียวอะ” ผู้ชายอีกคนที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวพูดขึ้นนิ่ง ๆ ขณะที่มองหญิงสาวที่วิ่งออกไปด้วยแววตาราบเรียบ
ถาดที่ถือมาคว่ำตกแตกไม่เหลือแม้แต่แก้วเดียวและโชคดีที่แก้วไม่บาดมือหรือร่างกายของเซลีนที่เป็นคนถือมาเสิร์ฟ แต่การล้มแบบไม่ได้ตั้งตัว ก็ทำเอาเธอเปียกและเลอะไปทั้งตัวจนไม่น่าจะสามารถเดินเสิร์ฟต่อได้อีก
หนุ่มสูทสีน้ำเงินที่ยังคงโอบเธอเอาไว้ในท่าเดิม พร้อมกับลูบไล้ที่ต้นแขนเล็กของเธอเบา ๆ ผิวขาวเนียนนุ่มของคนในอ้อมแขนทำให้เขาบีบขยำไปเรื่อย ๆ อย่างลืมตัว
เซลีนเองเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะบอกกับคนตัวสูงยังไง และไม่กล้าจะพูดแทรกขึ้นมาในสถานการณ์ที่ค่อนข้างตึงเครียดแบบนี้ด้วยเช่นกัน จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน...
ใบหน้าสวยค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ เพื่อแอบมองคนที่เข้ามาช่วยเธอ
คนตัวสูงที่เข้ามาช่วยเธอเอาไว้มีเรียวปากบางเป็นกระจับสีชมพูระเรื่อ ใบหน้าขาวเนียน จมูกโด่งเป็นคมสัน เส้นผมสีน้ำตาลเข้ม และแววตาสีน้ำเงินเข้มสนิทที่ดูทรงพลัง...แต่ในขณะที่เธอกำลังมองหน้าของคนตัวสูงอย่างไม่ทันได้ระวังนั้น จู่ ๆ เขาก็ก้มหน้าลงมาสบสายตากับเธอในจังหวะเดียวกัน
...ทำให้ทั้งสองคนเผลอสบตากันอยู่แบบนั้นราวกับต้องมนต์สะกดบางอย่าง
“...” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองเข้ามาในแววตาหวาน ๆ ของหญิงสาวที่ยืนอยู่ในระดับแผ่นอกของเขา
“ไอ้คลินต์ นี่มึงจะปล่อยตัวน้องเขาได้รึยัง? ” เพื่อนที่มาด้วยเอ่ยขึ้นเสียงดังเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยืนจ้องตากันอยู่นาน
ฟุ่บ... เขาค่อย ๆ คลายอ้อมแขนออกอย่างช้า ๆ
“เดี๋ยวกูกลับไปต้อนรับแขกคนอื่น ๆ ก่อนแล้วกันนะ” เจ้าบ่าวเดินหันหลังกลับไปด้วยท่าทียุ่ง ๆ เพราะวันนี้คืองานสำคัญของเขา
“พี่เฟรนด์มาพอดีเลย...เดี๋ยวกูเดินไปบอกเรื่องโซลเมทก่อนแล้วกัน” คนที่ชื่อไทม์เอ่ยขึ้นเมื่อเขาเห็นชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในงาน เขาก็รีบวิ่งตรงไปทางผู้ชายคนนั้นทันที
“ค็อกเทลหกเลอะเทอะไปหมดเลย” เขาพูดขึ้นพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อสูทของตัวเองมาช่วยซับ ๆ คราบค็อกเทลบนเสื้อผ้าของสาวเสิร์ฟตรงหน้าให้ด้วยตัวเอง
สายตาเจ้าเล่ห์ค่อย ๆ ก้มมองชุดที่เปียก ๆ ของคนตรงหน้าที่ทำให้เห็นสัดส่วนของเธอและเนินอกที่เปียก ๆ เล็กน้อยและพอจะเห็นร่อง ๆ อกอวบอิ่มอย่างชัดเจนจากมุมของคนที่ตัวสูงกว่า
“เอ่อ...ฉันทำเองดีกว่าค่ะ” เธอรีบจับมือของเขาเอาไว้ก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะแตะลงที่หน้าอกของเธอเพียงแค่อีกไม่กี่คืบเท่านั้น
“หึ~” คนตรงหน้ายิ้ม ๆ และดึงมือของเขาคืนไปทันที และวางผ้าเช็ดหน้าใส่มือให้เธอแทน
“ฉันว่าเธอรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดดีกว่านะ...จะได้รีบกลับมาทำงานต่อ” คนตัวสูงก้มหน้าลงไปออกคำสั่งกับเธออย่างใกล้ ๆ
“...” เซลีนพยักหน้าอย่างไม่เอ่ยตอบอะไรไป เธอพยายามแสร้งหันไปมองทางอื่นแทน เพราะคิดว่าแขกตรงหน้าดูมีท่าทีแปลก ๆ จัง จนกระทั่ง...
“อยากจะ...ไปอาบน้ำห้อง...ฉะ (ฉัน)” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็มีเสียงของใครอีกคนพูดแทรกขึ้นมาพอดิบพอดี
“GM ครับ ๆ ผมต้องขอโทษแทนน้องฝึกงานด้วยนะครับ” จู่ ๆ พี่เมเนเจอร์อ้วน ๆ ก็วิ่งหน้าตั้งตรงเข้ามาที่ทั้งสองคนทันที
“ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ...น้องเค้าเพิ่งหัดเสิร์ฟวันแรก” เขาก้มหัวคำนับชายตรงหน้าเธออยู่สามสี่ครั้งได้
“ขออภัยในความผิดพลาดด้วยจริง ๆ นะครับ GM” เมเนเจอร์หน้าซีด และไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเขาเลยสักนิด เอาแต่พูดขอโทษ ๆ อยู่แบบนั้นโดยที่ไม่ถามไถ่อะไรเลยสักคำ
(GM) เซลีนเอ่ยขึ้นเบา ๆ อย่างไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากของเธอแม้แต่นิด
“เป็น...เด็กฝึกงานงั้นเหรอ?” เขาก้มลองมองป้ายชื่อและตำแหน่งบนอกซ้ายของเธอ
ก่อนที่แววตาสีน้ำเงินเข้มจะค่อย ๆ เลื่อนจากป้ายชื่อขึ้นมาจ้องใบหน้าของเธออยู่พักใหญ่ ริมฝีปากเรียวบางของเขาค่อย ๆ ยกมุมเหยียดยิ้มเล็กน้อย
“แต่พี่หัวหน้าคะ จริง ๆ แล้วมีแขกคนหนึ่งวิ่งมาชนหนูต่างหากนะคะ” เซลีนเอ่ยอธิบาย แต่เมเนเจอร์ก็รีบขยิบตาใส่เธอทันที
“เซลีน...รีบเก็บเศษแก้วก่อนเถอะ” เมเนเจอร์ออกคำสั่งกับเซลีนด้วยน้ำเสียงอ่อน ๆ เขาไม่ได้ดุอะไรเธอ
และที่เขารีบวิ่งมาก็เพื่อช่วยและปกป้องเด็กฝึกงานคนใหม่ในแผนกของตัวเองนี่แหละ
“อ๋อ...ได้ค่ะ ๆ” เธอรีบก้มลงจะเก็บเศษแก้วตรงหน้า แต่ว่า...
“จริง ๆ พนักงานเราไม่ได้ผิดหรอก ฉันเห็นกับตาเลยว่ามีแขกในงานวิ่งมาชนคนของเราจริง ๆ” คลินต์พูดกับเมเนเจอร์อย่างมีเหตุมีผลด้วยน้ำเสียงสุขุมนุ่มลึก ไม่ได้ด่าทอใด ๆ
“ไม่ต้องไปโทษพนักงานของเราหรอก” คลินต์ตอบเมเนเจอร์แผนก F&B ไปมาดนิ่ง ๆ
แต่สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ...
ฟุ่บ! คลินต์ค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่งเสมอกับเซลีนที่กำลังก้มเก็บเศษแก้วอยู่กับพื้น
“เอ่อ...จะ...จี...เอ็ม” เมเนเจอร์เลิ่กลั่ก ๆ อย่างไปไม่ถูกเลย
“ฉันช่วยเธอเก็บเศษแก้วเอง...” เขาพูดขึ้นก่อนจะช่วยเธอเก็บเศษแก้วแตกอย่างจริงจัง รวมไปถึงคว้าเอาถาดเสิร์ฟอาหารมาถือเอาไว้แทนเพื่อวางเศษแก้วเหล็ก ๆ ใหญ่ ๆ ลงบนนั้นเพื่อง่ายต่อการนำไปเททิ้ง
“ระวังมือหน่อยสิ” คลินต์ดึงเศษแก้วแตกปลายแหลม ๆ จากมือของเซลีนอย่างระวัง ๆ เพราะกลัวว่ามันจะบาดมือของเธอเข้า เนื่องจากเจ้าตัวดูเก็บด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ซึ่งมันดูน่าขันจริง ๆ สำหรับเขา
“เอ่อ...ผมช่วยดีกว่าครับนาย” เมเนเจอร์เองก็รีบนั่งลงช่วยเก็บด้วยอีกแรง ซึ่งแน่นอนว่า พนักงานสามสี่คนที่เดินผ่านรีบวิ่งกรูกันเข้ามาเก็บเศษแก้วและกวาดไปทิ้งอย่างรีบเร่ง
“รีบไปอาบน้ำนะ จะได้กลับมาทำงานต่อ” คลินต์ส่งถาดแก้วแตกคืนให้เธอ ก่อนจะลุกเดินกลับไปที่โต๊ะ ซึ่งมีเพื่อน ๆ ของเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“เธอห้อยพระอะไรมากันอะ เซลีน” เมเนเจอร์หันมาถามเธอด้วยท่าทีโล่งใจแบบสุด ๆ ที่ GM จอมโหดไม่ได้ ด่าระเบิดในคืนนี้
“งั้นเซลขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” เธอยิ้มแห้ง ๆ กับสภาพเปียกปอนของตัวเอง ซึ่งเมเนเจอร์ก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจและปล่อยให้เธอรีบกลับไปทำธุระส่วนตัวทันที
- 30 นาทีผ่านไป -
“><” จู่ ๆ เซลีนก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเธอเผลอคิดถึงแต่แววตาสีน้ำเงินเข้ม เส้นผมสีน้ำตาลละเอียด ปลายจมูกโด่งเป็นสันเขื่อน เรียวปากบางเป็นกระจับ กลิ่นบุหรี่ขม ๆ ที่ผสมน้ำหอมที่ไม่แน่ใจว่าเป็น Dior Sauvage หรือ Bleu de กันแน่
หลังจากที่เธอกลับไปอาบน้ำ เธอก็ต้องมารับชุดใหม่จากแผนกซักรีดอีกครั้ง แต่เนื่องจากลิฟต์พนักงานปิดให้บริการชั่วคราว จึงทำให้เซลีนต้องมาใช้ลิฟต์รวมกับแขกที่เข้าพักอย่างเลี่ยงไม่ได้
และในขณะที่เธอกำลังยืนรอลิฟต์อยู่นั้น...จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อก็สั่น ๆ ขึ้นไม่ยอมหยุด
(ครืดดด ครืดด ครืดดด~)
- แม่ –
(เซลีนพูดโทรศัพท์กับแม่)
“ฮัลโหลค่ะแม่” เซลีนกดรับสายโทรศัพท์ทันทีอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก
(ถึงโรงแรมแล้วใช่ไหมลูก?) ปลายสายเอ่ยถามขึ้นทันที
“ค่ะ...หนูกำลังเริ่มงานอยู่พอดีเลย” เซลีนตอบไปตามจริง
(งานอะไร...แล้วสรุปได้ฝึกตำแหน่งอะไร?) โรสถามลูกสาวของเธออย่างละเอียดยิบ
“หนูต้องฝึกงานทุกแผนกค่ะแม่...ก็ฝึกไปตามแบบแผนที่ทางโรงแรมจัดเตรียมเอาไว้ให้”
(แล้วลูกไม่บอกเหรอว่า...ลูกเป็นลูกสาวของภรรยาคนใหม่ท่านประธานคิมหันต์น่ะ) คุณแม่ยังสาวเอ่ยต่ออย่างไม่พอใจ และเธอก็กังวลใจกลัวว่าจะมีคนมาใช้งานลูกสาวของเธอจนเหนื่อยมากเกินไป
“ถ้าแม่จะพูดเรื่องนี้ หนูวางก่อนนะคะ...” เซลีนตอบปลายสายไปก่อนจะเตรียมวางสายไปในทันที
(เดี๋ยวก่อน! แม่มีเรื่องอยากให้ลูกช่วยหน่อยนะ) คุณแม่ยังสาวพูดขึ้นมาแบบตรง ๆ เมื่อเธอรู้ว่าลูกสาวกำลังยุ่ง เธอจึงไม่เสียเวลาอ้อมค้อมใด ๆ อีก
“ช่วย...แม่จะให้หนูช่วยเรื่องอะไรคะ?” เซลีนถามกลับไปทันทีอย่างข้องใจ