EP.9 SLAVE TO LOVE ♥
ตอน ใช้ความสวย
- เซลีนคุยโทรศัพท์กับแม่ -
(แม่รู้มาว่า...ตอนนี้ลูกชายของคุณคิมหันต์ก็พักอยู่ที่คิงส์ตันเขาใหญ่ด้วยเหมือนกัน...)
(ไม่รู้ว่าลูกได้เจอกับเขาแล้วหรือยัง?) แม่ของเธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังกว่าปกติ
“…” เซลีนนิ่งไปสักพักใหญ่ ๆ เมื่อเผลอไปนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่แม่ของเธอพูดถึง นั่นก็คือ GM ที่เธอเพิ่งจะเจอไปเมื่อสักครู่นี่เอง
(ว่าไง...ได้เจอหรือยัง?) สโรชินีเอ่ยถามย้ำขึ้นอีกครั้ง
“เจอแล้วค่ะ” เธอตอบไปเสียงเรียบอย่างไม่ทันได้คิดอะไร
(งั้นก็ดีเลย เพราะเรื่องที่แม่อยากให้เซลช่วยก็คือ...)
(ลูกต้องทำยังไงก็ได้ ให้คุณคลินต์นั่นอยู่ต่อที่เขาใหญ่ให้ได้สักเดือนสองเดือนหรือนานกว่านั้น) สโรชินีเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีเลศนัยบางอย่าง จนลูกสาวได้ฟังก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแม่ของเธอกำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่
“ทำไมหนูต้องช่วยแม่ทำแบบนั้นด้วยล่ะ?” เซลีนถามโต้กลับไปทันที
(ลูกไม่ต้องรู้หรอกเซล...แค่ทำตามที่แม่บอกก็พอ!) เธอพยายามคิดหาหนทางเพื่อที่จะทำอะไรสักอย่าง แต่เธอก็ไม่ยอมบอกแผนการทั้งหมดกับลูกสาวเหมือนเช่นเคย ๆ แม่เธอแทบไม่เคยบอกในสิ่งที่เธอคิดจะทำเลยสักครั้งเดียวจริง ๆ
“แต่สิ่งที่แม่พูดมามันไม่ง่ายเลยนะ ถ้าหนูไปป่วนโรงแรมที่นี่ มีหวังหนูก็ไม่ผ่านฝึกงานพอดีสิ” เธอเถียงและยืนกรานกลับไปอย่างเสียงแข็งว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือ หรือร่วมมือกับแม่ของเธอแน่
(เซลีน! เรื่องฝึกงานมันจะสำคัญกว่าเรื่องของแม่ได้ยังไง)
(นี่แม่กำลังทำเพื่อเราสองคนอยู่นะ) ผู้เป็นแม่ขึ้นเสียงดังลั่นและตอกย้ำอีกครั้งอย่างเริ่มจะไม่พอใจ
“แม่คะ อย่าโลภหรือคิดจะทำอะไรไม่ดีเลยนะ” เซลีนตัดสินใจเตือนแม่เธอไปตามตรง เพราะไม่อยากให้ชีวิตการแต่งงานของแม่มันพังเหมือนครั้งที่ผ่าน ๆ มาอีก และเท่าที่สัมผัสได้ คุณลุงคิมหันต์ท่านก็เป็นคนที่ดีคนหนึ่งเลยจริง ๆ
(หยุดไร้สาระน่าเซลีน แม่ไม่ได้ทำชั่วทำเลวอะไรนี่นา ทำไมลูกพูดจากับแม่ตัวเองแบบนี้น่ะ!) สโรชินีแผดเสียงผ่านโทรศัพท์กลับมาดังลั่น
(เอาเป็นว่า แม่แค่ไม่ต้องการให้ลูกติดของคุณคิมหันต์กลับมากรุงเทพฯ ตอนนี้ เพราะฉะนั้นเซลต้องช่วยแม่!) เธอขึ้นเสียงดังอีกครั้งอย่างกดดันและขู่บังคับเหมือนที่ผ่าน ๆ มา
(ลูกเองก็ไม่ใช่คนโง่นะ...หัดใช้ความสวยของลูกให้เป็นประโยชน์เหมือนกับแม่บ้างสิ) สโรชินีพูดกับลูกสาวด้วยความมั่นอกมั่นใจแบบเต็มร้อย
เพราะว่าเมื่อ 20 ปีก่อนสโรชินีคือนางงามที่ได้มงกุฎระดับประเทศมาแล้ว ซึ่งไม่แปลกที่เธอจะมั่นใจในความสวยของตัวเองมากจนถึงวันนี้
“ความสวยมันไม่คงอยู่ตลอดไปนะคะแม่” เซลีนส่ายหน้ากับสิ่งที่แม่ของเธอพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจ เพราะเธอไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยด้วยซ้ำไป
(ก็เพราะว่ามันไม่คงอยู่ตลอดไปน่ะสิ...เราถึงต้องรีบใช้ให้มันเป็นประโยชน์) เธอตอบสวนกลับมาอย่างเลือดเย็น
(แม่หวังว่าลูกจะทำตามที่แม่ขอร้องให้ช่วยนะ!) แม่จอมบงการไม่ลืมที่จะกดดันลูกสาวของเธอทิ้งท้ายเอาไว้อีกครั้ง และอีกครั้ง
ซึ่งในจังหวะที่เธอกำลังพูดคุยกับแม่ด้วยท่าทีเคร่งเครียดอยู่นั้น มันก็เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่ลิฟต์เปิดออกมาพอดี ซึ่งภายในลิฟต์ตัวนั้นเองก็มีเจ้าสาวของงานแต่ง และสาวสวยอีกท่านกำลังยืนคุยกันอยู่พอดี เซลีนจึงพยายามก้มหน้าลงและเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างเงียบ ๆ มือของเธอยังคงกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น เหมือนแม่เธอตั้งใจโทรมาเพื่อเพิ่มความเครียดให้กับเธอจริง ๆ
“แม่คะ หนูคิดว่าหนูคงทำไม่ได้แน่ ๆ” เซลีนตอบไปทันทีด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง และในขณะที่เธอกำลังจะกดตัดสายไปเพราะไม่อยากคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว
(ถ้าเซลอยากเห็นแม่มีความสุขจริง ๆ เซลก็ต้องช่วยแม่...เพราะสุดท้ายแล้วแม่ก็ทำเพื่อเราสองคนแม่ลูก) สโรชินีตวาดลั่นโทรศัพท์อีกครั้ง เธอรู้สึกโมโหอย่างมากที่ลูกสาวไม่ยอมทำตามที่เธอต้องการ
“แค่นี้ก่อนนะคะ แม่ หนูต้องไปช่วยงานของโรงแรมแล้ว” เธอทำได้แค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่โทรศัพท์ไปดัง ๆ พร้อมกับกดตัดสายไปทันทีหลังจากที่ลิฟต์ค่อย ๆ เคลื่อนที่ลงไปชั้นล่าง
เซลีนยืนก้มหน้านิ่ง ๆ และพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ของเธอให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง
เจ้าสาวและเพื่อนของเจ้าสาวยืนอยู่ด้านหลังของเธอ ทั้งคู่ยังคงคุยกันแบบเบา ๆ และหลังจากที่ลิฟต์เลื่อนลงมาจนถึงชั้นล่างสุด นั่นก็คือชั้นที่จัดงานแต่งแบบกลางที่โล่งกว้างใหญ่ บรรยากาศเย็น ๆ ท่ามกลางกลิ่นอายของธรรมชาติของโรงแรมหรูใจกลางหุบเขา
เมื่อประตูลิฟต์หรูค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ เซลีนก็รีบฝืนยิ้มออกมาก่อนจะรีบก้าวออกจากลิฟต์ไปก่อน เพื่อกดเปิดให้กับเธอทั้งสอง และผายมือเชิญแขกคนสำคัญของงานอย่างเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวสองคนได้เดินออกจากลิฟต์
“ถึงแล้วค่ะ” ใบหน้าสวยยิ้มออกมาและบริการทั้งสองคนอย่างเต็มที่
“เอ่อ...ขอบคุณนะคะ” เจ้าสาวคนสวยเอ่ยขอบคุณเธออย่างเสียงหวาน
“ด้วยความยินดีค่ะ” เธอก้มหัวอีกครั้ง เพราะในตอนนี้เธออยู่ในฐานะของพนักงาน จึงต้องดูแลและให้บริการด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอตามตำราที่ร่ำเรียนมา เพราะสำหรับคนที่เรียนด้านการโรงแรม แน่นอนว่าสิ่งแรกที่พึงมีคือ service mind เซลีนไม่ลืมที่จะช่วยก้มดึงชายกระโปรงเจ้าสาวให้เธออย่างมีน้ำใจ
ทั้งสองคนก็ยังคงยืนมองหน้าเซลีนอย่างไม่มีทีท่าจะเดินไปไหน
“เซลีน~” สาวสวยอีกคนที่ยืนข้าง ๆ กับเจ้าสาวเอ่ยเรียกชื่อของเธออย่างเบา ๆ
“คุณลูกค้ามีอะไรให้ดิฉันช่วยรึเปล่าคะ?” พนักงานฝึกหัดรีบเอ่ยถามไปทันที
“อ๋อไม่จ้ะ แค่แปลกใจว่าพนักงานโรงแรมของที่นี่ สวยอย่างกับดาราเลยนะเนี่ย” เธอเอ่ยตอบเซลีนพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยท่าทีจริงใจ
“เอ่อ...ขอบคุณนะคะ” เธอยกมือไหว้ตอบไปอย่างเขิน ๆ ที่ถูกชมต่อหน้าต่อตาแบบนี้
“ถ้าเบื่องานโรงแรมเมื่อไรเนี่ย...ติดต่อหาพี่ได้เลยนะ” เธอรีบยื่นนามบัตรส่วนตัวส่งให้กับเซลีนทันที
คุณไอรีน ประธานบริษัท - เซลีนก้มหน้าอ่านนามบัตรของเธอยังไม่ทันจะจบดี
“พี่ชื่อไอรีน เป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าน่ะ”
“หุ่นแบบน้องเหมาะมากที่จะมาเป็นนางแบบให้แบรนด์เสื้อผ้าของพี่” เธอพูดแทรกขึ้นทันทีอย่างยิ้มแย้มและมองเซลีนอย่างชื่นชมด้วยความจริงใจ
“ไอรีน...และนี่ก็น้ำขิง” เธอรีบแนะนำตัวเองและเจ้าสาวที่ยืนข้าง ๆ อย่างเป็นกันเองสุด ๆ ทั้งสองคนยิ้มให้เธออย่างเป็นกันเองสุด ๆ
“ขอบคุณนะคะ คุณไอรีนและคุณน้ำขิง” เซลีนพยักหน้ารับไปเพราะแค่เห็นชื่อบริษัทคนตรงหน้า เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นแบรนด์เสื้อผ้าดังในฝรั่งเศส ตามจริงแล้วเซลีนเองเธอก็ทำงานในแวดวงเดินแบบในประเทศไทยอยู่แล้ว เดิมทีเธอเป็นเด็กในสังกัดของ LK modelling สังกัดโมเดลลิ่งชื่อดังของเมืองไทย แต่ก็เพิ่งจะหมดสัญญากับทางต้นสังกัดไปเมื่อต้นปีนี่เอง และที่เซลีนไม่ได้ต่อสัญญากับโมเดลลิ่งชื่อดังนั้น ก็เพราะช่วงหลังมานี้เธอค่อนข้างจะเรียนหนักมาก ๆ เนื่องจากใกล้จะจบปี 4 แล้ว
เธอจึงขอพักงานเดินแบบไปก่อน และหันมาตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบ แต่ลึก ๆ แล้วอาชีพนางแบบก็ถือเป็นงานเสริมที่เธอสนุกและชอบเอามาก ๆ ไม่แพ้กัน
“จริง ๆ แล้วหนูก็เป็นนางแบบมือสมัครเล่นอยู่เหมือนกันค่ะ...แต่ตอนนี้ยังฝึกงานการโรงแรม ก็เลยไม่มีโอกาสได้ไปแคสต์งานเลย” เธอเอ่ยตอบไปตามตรงอย่างรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย เพราะเธอรู้จักแบรนด์เสื้อผ้าของไอรีนดี และแบรนด์นี้กำลังเป็นแบรนด์ที่ตีตลาดทางโซนยุโรปอยู่ด้วย
“ไว้มีโอกาสเมื่อไร ขออนุญาตติดต่อคุณไอรีนกลับไปนะคะ” เซลีนก้มหัวให้ทั้งสองคนอีกครั้ง เพราะพวกเธอน่าจะเป็นรุ่นพี่เธออยู่สองสามปีได้เลย
“อ๋อ เพราะฝึกงานนี่เอง” ไอรีนพยักหน้ารับอย่างยิ้ม ๆ
“ยังไงก็ติดต่อพี่มาได้ตลอดเลยนะ” สาวสวยไฮโซพูดขึ้นทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในงานพร้อมกับเจ้าสาวคนสวยทันที เพราะเหมือนว่าจะใกล้เวลางานตอนกลางคืนเข้ามาทุก ๆ ทีแล้ว
....
.........
“นี่หานางแบบกันง่าย ๆ แบบนี้เหรอเลย” เจ้าสาวเอ่ยแซว ๆ เพื่อนสนิทของเธอหลังจากที่ทั้งสองคนหันหน้าตรงเข้าไปในงาน
“สวยขนาดนี้ พวกแมวมองปล่อยผ่านมาได้ไงกันนะ” ไอรีนยังคงชมรูปร่างของเซลีนอย่างตรงไปตรงมา
สองสาวยังคงพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ จนเสียงของพวกเธอค่อย ๆ หายไปในที่สุด เซลีนเก็บนามบัตรของไอรีนใส่กระเป๋าเสื้อของเธอไว้อย่างดี
การที่คนอื่นจะชมเรื่องรูปร่างของเธอมันก็ไม่แปลกเลย เพราะกว่าที่เธอจะมีรูปร่างที่ดีแบบนี้ เซลีนต้องออกกำลังกายอย่างหนักและควบคุมอาหารอยู่เป็นประจำ เรียกว่าเธออดอาหารจนแทบจะจดจำรสชาติของความอร่อยต่าง ๆ ไม่ได้แล้ว...
“เฮ้อ~...” เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แต่ในจังหวะที่กำลังจะเดินเข้าไปในงานก็ได้เจอกับหญิงสาวที่วิ่งชนเธอเมื่อสักครู่ กำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายตัวสูง ๆ อีกคนหนึ่งพอดี
“หยุดดื่มได้แล้วโซล” ชายตัวสูง ๆ พูดกับคนตรงหน้าของเขาด้วยเสียงเรียบ ๆ
“พี่เฟรนด์สนใจด้วยเหรอ?” หญิงสาวตอบไปอย่างไม่มองหน้าเขาแม้แต่นิด
เซลีนจึงรีบก้มหน้าก้มตาเดินเข้างานไปทันที เพราะกลัวว่าพวกเขาจะคิดว่าเธอมายืนแอบฟังพวกเขาสองคนคุยกัน ซึ่งในจังหวะที่เธอเดินผ่านทั้งคู่ก็เหลือบมองเล็กน้อย และก็เอาแต่เงียบกันไปทั้งคู่