ณ โรงพยาบาลมิราเคิลกรุงเทพ-ตรัง
หน้าห้องฉุกเฉินพจน์นั่งหน้าเครียดอยู่ด้านหน้า สายตาเขามองไปยังประตูห้องฉุกเฉินที่เปิดปิดตลอดเวลา แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเดินมาบอกเรื่องอาการของสายหยุดสักคน ซึ่งเขาก็คอยถามเจ้าหน้าที่ที่เดินออกมาทุกครั้ง คำตอบที่ได้รับคือรอ เป็นการรอที่เขาทรมานใจมาก
“พ่อจ๋า แม่เป็นไงบ้าง แล้วทำไมแม่ถึงฆ่าตัวตาย” คนเป็นรีบถามบิดา
“แม่ล้างท้องอยู่” พจน์ตอบเสียงเศร้า “ที่แม่ฆ่าตัวตายเพราะเครียด เถ้าแก่สันต์โทรมาหาพ่อว่า เขาได้ตกลงกับแก่ว่า ถ้าแกหาเงินค่าดอกเบี้ยมาให้ได้ก็จะให้ผ่อนผันหนี้สิบล้าน แต่ถ้าหากไม่ได้แล้วแกไม่ยอมทำตามข้อตกลง เถ้าแก่สันต์ก็จะยึดที่ดินทั้งหมด พอแม่แกรู้ว่าต้องหาเงินหกแสนให้ได้ภายในวันมะรืนซึ่งเชื่อว่าหาไม่ได้ แม่แกเลยทำใจไม่ได้ที่ต้องเสียที่ดินทั้งหมดไป แม่แกเลยฆ่าตัวตายไง”
กัญญาภรณ์หนักใจมากขึ้นไปอีก เหมือนกับทุกคนกำลังบีบเธอให้ยอมทำตามเงื่อนไขของเถ้าแกสันต์ ตอนแรกเธอคิดว่าการเจรจาคงออกมาในทางที่ดีและเป็นทางที่มีความเป็นไปได้ แต่เปล่าเลย เงินหกแสนไม่ใช่น้อยๆ หาให้ทันภายในสองวันโดยไม่มีทรัพย์สินไปค้ำประกัน มันเป็นเรื่องยากมาก
“เรื่องทั้งหมดพ่อผิดเอง พ่อคนเดียว คนที่สมควรตายน่าจะเป็นพ่อมากกว่า”
“พ่ออย่าคิดแบบนี้นะ อย่าคิดฆ่าตัวตายเหมือนแม่ เพราะการตายมันไม่ได้ช่วยให้หนี้ลดลง” คนเป็นลูกเตือนบิดา“ถึงพ่อตาย หนี้ก็ยังอยู่ สุดท้ายหนูก็ต้องใช้หนี้ให้พ่ออยู่ดี”
“พ่อเองก็ยอมรับไม่ได้นะที่ต้องเสียที่ดินไป ที่ดินทำมาหากินทั้งนั้น อีกอย่างเป็นมรดกตกทอดด้วย พ่อเลวเอง คิดอะไรสั้นๆ คิดทำอย่างนั้น คิดอยากรวยแต่ผลที่ออกมาคือความฉิบหาย พ่อละอายใจมากๆ พ่อไม่อยากอยู่บนโลกนี้” พจน์น้ำตาไหล ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา และนี่เป็นครั้งแรกที่กัญญา-ภรณ์เห็นบิดาร้องไห้ ถ้าไม่สุดจริงๆ พจน์คงไม่หลั่งน้ำตา “พ่อรู้ว่าเงินหกแสนเอ็งคงหาไม่ได้ แล้วพ่อก็ไม่อยากให้แกหาด้วย มันจะเป็นหนี้ซ้ำซ้อน พ่อก็ไม่อยากบังคับหรือบีบให้เอ็งไปเป็นเมียนายหัวสิงห์ด้วย พ่อคิดว่าปล่อยให้เถ้าแก่ยึดที่ดินเราไปเถอะ พรุ่งนี้พ่อจะไปหาบ้านเช่าในเมือง หาล่วงหน้าไว้ก่อน เวลาย้ายออกจะได้ไม่ฉุกละหุก”
พจน์พูดอย่างคนปลงได้ ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา
“แต่ห่วงเรื่องที่ดินของสายใจน่ะสิ ใจไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย ช่วยพ่อด้วยซ้ำไป แต่ต้องมาหมดตัวเพราะพ่อ พ่อเลวเหลือเกิน” พจน์ทำเสียงเศร้า หน้าตาหม่นหมอง
กัญญาภรณ์มองหน้าบิดานิ่ง เธอกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เงินหกแสนเธอไม่อาจหาทันได้ในเวลาสองวัน ถึงให้เวลาเป็นเดือนก็ยังยาก แต่จะปล่อยให้ที่ดินทำมาหากินและเป็นที่อยู่อาศัยถูกยึดไป จิตใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คงรู้สึกราวกับว่าจมอยู่กับความเจ็บปวด ไร้ที่ทำกิน ต้องระเห็จจากบ้านที่อยู่มานานหลายสิบปีไปอยู่บ้านเช่าหรือห้องเช่าแทน อีกทั้งสายใจก็พลอยถูกผลกระทบนี้ไปด้วย ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง
หากที่ดินถูกยึด แล้ววันหนึ่งวันใดบิดามารดาเกินคิดมาก จิตตกขึ้นมา แล้วคิดฆ่าตัวตายอีก แล้วช่วยเหลือไว้ไม่ทัน ความเศร้าก็ต้องเกิดขึ้นกับครอบตัวตน เป็นเรื่องที่กัญญาภรณ์ยอมรับไม่ได้ แต่ครั้นจะให้เธอไปเป็นเมียผู้ชายที่ไม่รู้จักทั้งหน้าตาและนิสัยใจคอ อีกทั้งยังไม่มีความสัมพันธ์ทางความรู้สึกต่อกัน ก็เป็นเรื่องที่เธอยอมรับไม่ได้เช่นกัน
เฮ้อ...คิดหนักเลยทีนี้
“คุณลุงคะ คุณป้าอาการดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังมีอาการเครียดอยู่ คุณหมอกลัวว่าคุณป้าจะคิดสั้นอีก ก็เลยให้อยู่ดูอาการที่สักสองสามวันนะคะ” พยาบาลเดินมาบอกพจน์
“ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล” พจน์ใจชื้นขึ้นมาเมื่อรู้ว่า ภรรยาปลอดภัย
“ลุงพจน์ทำไมพาป้าหยุดมารีกษาที่นี่ล่ะ ที่นี่โรงบาลเอกชนนะลุง ค่ารักษาแพงหูฉีก แล้วนี่ต้องนอนที่นี่อีก คงหลายหมื่นอยู่นะ” ชุติมาพูดขึ้น ความที่ตกใจเมื่อรู้ข่าว กัญญาภรณ์ลืมเรื่องนี้เสียสนิท
“ก็คนมันตกใจนี่หว่า ใครจะคิดอะไรทัน ตอนนั้นสายหยุดน้ำลายฟูมปาก ชักดิ้นชักงอ คิดอย่างเดียวคือพาเมียไปส่งถึงมือหมอ อีกอย่างโรงบาลนี้ก็ใกล้สุดด้วย” พจน์ตอบ สีหน้าหนักใจขึ้นมาทันใด “ตอนนั้นลืมคิดเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ตอนนี้คิดแล้ว”
“ไหนๆ ก็มารักษาที่แล้ว เรื่องค่าใช้จ่ายค่อยว่ากัน ขอให้แม่ปลอดภัยก็พอ พ่ออยู่ที่นี่แหละ หนูจะไปคุยเรื่องห้องพักเอง”
“เออๆ” พจน์รับคำกลับไปนั่งตามเดิม กัญญาภรณ์เดินไปจัดการเรื่องห้อง ซึ่งห้องพักก็มีแต่ห้องพิเศษที่ว่าง ก็เลยต้องจำยอมพักทั้งที่รู้ว่า ราคาห้องพักแพงหลายพันต่อคืน
ณ ห้องพักฟื้น
สายหยุดมองหน้าบุตรสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียง ก่อนมองหน้าสามีที่นั่งอยู่อีกข้าง ขณะมองน้ำตาก็ไหลพราก สะอื้นไห้ออกมา
“ฮือ...ฮือ...ทำไมแกไม่ปล่อยให้ฉันตาย ฉันไม่อยากอยู่แล้ว ฉันละอายใจต่อพ่อกับแม่ ที่ทำให้ที่ดินใจถูกยึดไม่มีที่ทำกิน ฉันละอายใจเหลือเกิน ไม่น่าเลย ไม่น่าเอาที่ดินใจมายุ่งเลย...ฉันอยากตาย...ฮือ”
สายหยุดร้องไห้ยกใหญ่ รำพึงรำพันโทษตัวเองไม่หยุดกัญญาภรณ์มองมารดาแล้วคิดหนัก
“ไม่ใช่ความผิดเอ็งหรอก ความผิดฉันเอง ฉันคนเดียว ฉันนี่แหละสมควรตาย” พจน์โทษตัวเอง“สมควรตายมากที่สุด”
“ฉันต่างหาก ถ้าฉันห้ามพี่ตั้งแต่แรกเรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ ที่ดินเราก็ไม่ต้องถูกยึด ไม่เป็นหนี้เถ้าแก่เป็นสิบล้าน คิดแล้วฉันก็ไม่อยากอยู่ ฉันอยากตาย อยากตาย...ฮือ” สายหยุดยังคงปล่อยโฮต่อไป
“เอ็งอยากทำแบบนี้อีกนะ ถ้าคนที่ควรตายคือฉัน ฉันคนเดียว”
“ไม่มีใครตาย แล้วไม่มีที่ดินใครถูกยึดทั้งนั้นแหละ”
กัญญาภรณ์พูดขึ้น
“เอ็งพูดอย่างนี้หมายความว่าไง” คนถามคือพจน์
“หนูจะทำตามข้อตกลงขอเถ้าแก่สันต์”
กัญญาภรณ์ตัดสินใจในที่สุด เธอปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้และทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่ได้อีก สายหยุดฆ่าตัวตายแล้วครั้งหนึ่ง มีสิทธิ์จะทำซ้ำเพราะหากที่ดินถูกยึดไปนั่นหมายถึงตราบาปในใจที่ไม่มีวันถูกลบ มารดาอาจเศร้าใจหนัก ทำใจไม่ได้การฆ่าตัวตายครั้งที่สองเกิดขึ้นแน่นอน แล้วดูท่าทางพจน์ก็อยากตายอีกคน เธอคงนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ อีกทั้งรู้ดีว่า ไม่มีทางหาเงินหกแสนบาทได้ในระยะเวลาสองวัน กัญญาภรณ์ไม่มีทางเลือก
“เอ็งว่าอะไรนะ เอ็งยอมจริงๆ แน่นะ” สายหยุดดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ถามลูกสาวคนโต
“หนูไม่อยากให้มีใครฆ่าตัวตายอีก หนูไม่อยากเห็นพ่อกับแม่ทุกข์ใจเรื่องที่ดิน ที่ทำมาหากินตั้งแต่รุ่นทวด หนูไม่ต้องการให้พ่อกับแม่เป็นคนไร้บ้าน ทั้งที่หนูช่วยได้ ถึงแม้ว่าการช่วยของหนูมันหมายถึงความทุกข์ทนกล้ำกลืนก็ตาม” ได้ยินประโยคนี้แล้ว พจน์กับสายหยุดไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ แล้วไม่รู้ว่าเรื่องที่ตนกำลังทำอยู่ถูกหรือผิด ที่ดินไม่ถูกยึด ทั้งสองยังคงมีที่อยู่ที่ทำกิน แต่ก็ต้องดูความเสียใจของกัญญาภรณ์ที่รู้สึกว่า ตนเองกำลังตกนรกทั้งเป็น “พ่อไปบอกเถ้าแก่สันต์ได้เลยว่า หนูยอมเป็นเมียนายหัวสิงห์ แล้วพ่อกับแม่ต้องทำตามเงื่อนไขของหนูด้วย”
กัญญาภรณ์รีบเช็ดน้ำตาที่กำลังไหล สายหยุดเห็นน้ำตาลูกสาวแล้วใจไม่ดี
“แล้วเงื่อนไขของเอ็งคืออะไร” พจน์ถาม
“ได้โฉนดคืนมาเมื่อไหร่ พ่อต้องเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อหนูทั้งหมด พ่อจะได้เอาไปจำนองใครอีกไม่ได้” คนพูดกำลังตัดไฟแต่ต้นล้ม
“ได้สิ” พจน์ตอบ
“ถ้าพ่อตกลงตามนี้ หนูก็ตกลงไปเป็นเมียนายหัวสิงห์”
“ตกลงจ้า ตามนี้เลยลูก” พจน์รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“คืนนี้พ่ออยู่เฝ้าแม่ใช่ไหม หนูจะได้กลับไปเอาเสื้อผ้ามาให้พ่อเปลี่ยน”
“ใช่ พ่ออยู่เฝ้าเอง”
“งั้นหนูกับยูกลับก่อนนะ แล้วจะเอาเสื้อผ้ากับของกินมาให้พ่อ”
คนเป็นพ่อพยักหน้ารับรู้ มองลูกสาวกับหลานสาวออกจากห้องพักฟื้น เพื่อความแน่ใจพจน์ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องดูว่า ทั้งสองเดินห่างห้องไปถึงลิฟต์ เขาจึงได้เดินกลับเข้ามาในห้อง
“ตกลงว่าที่เราทำมันดีหรือไม่ดีเนี่ย ฉันรู้สึกผิดยังไม่รู้ ยิ่งตอนแพรร้องไห้ ฉันยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น” สายหยุดพูดกับสามี
“ดีสิมันต้องดี เถ้าแก่สันต์เป็นคนดี นายหัวสิงห์ถึงจะโหดเถื่อนแต่ก็เป็นคนดี เราแค่หาคู่ชีวิตให้ลูก ถ้าไม่หาให้ชาตินี้จะมีผัวไหม ทั้งห้าวทั้งห่ามอย่างนั้น” พจน์คิดว่าดี
“แน่ใจนะว่าดี” ทว่าสายหยุดกลับไม่มั่นใจ “นิสัยนายหัวสิงห์กับแพรคล้ายๆ กันนะพี่ ไม่ตีกันตายก่อนมีลูกเหรอ”
“เออลืมคิด” พจน์เริ่มกังวล “แต่คงไม่เป็นไรหรอก โบราณว่าไว้ว่า ยิ่งตีกันลูกยิ่งดก อีกอย่างนะนายหัวสิงห์คงไม่กล้าทำร้ายผู้หญิงหรอก”
พจน์คิดในทางที่ดี
“ฉันไม่กลัวนายหัวสิงห์ทำร้ายแพรหรอก กลัวลูกของเรามากกว่า พี่ก็รู้ว่ามันไม่กลัวใคร”
“คราวนี้มันก็ต้องกลัวต้องเกรงบ้างแหละ ลูกชายเจ้าของหนี้นะ ไปร้ายมากๆ เขายึดที่ดินจะทำไง” พจน์คิดในแง่ดีอีกแล้ว “เอาน่า คอยดูๆ กันไปก็แล้วกัน”
“พี่โทรไปบอกเถ้าแก่ด้วยก็แล้วกัน เถ้าแก่จะได้สบายใจ” สายหยุดบอก ก่อนเอนตัวลงนอน “อ้อ...แล้วบอกเถ้าแก่ด้วยว่า พรุ่งนี้ฉันขอออกจากโรงบาลเลยนะ ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว”
“เออๆ แล้วจะบอกให้” อันที่จริงแล้ว สายหยุดไม่ได้ฆ่าตัวตายจริงๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นแผนการของพจน์กับสายหยุดที่ร่วมมือกับเถ้าแก่สันต์ ทันทีที่กัญญาภรณ์กับชุติมาออกจากบ้านเจ้าหนี้ เถ้าแก่สันต์รีบโทรมาบอกพจน์กับการเจรจาทั้งหมด หลังตัดสายทิ้งพจน์กับสายหยุดรีบมาโรงพยาบาทแห่งนี้เพื่อทำตามแผน
แผนที่ว่านี้คือ ให้สายหยุดทำทีเป็นฆ่าตัวตายเพราะรับไม่ได้เรื่องที่ดินที่กำลังถูกยึด จากนั้นก็พามาโรงพยาบาลเพื่อล้างท้องและนอนพักรักษาตัวเรียกความสงสารและเห็นใจจากกัญญาภรณ์ ส่วนเหตุผลที่เลือกมาโรงพยาบาลเอกชนค่าใช้จ่ายสูงเป็นเพราะ เถ้าแก่สันต์ผู้กว้างขวางมีหุ้นส่วนในสถานพยาบาลแห่งนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดฉากทั้งหมดให้ดูสมจริง ซึ่งแผนก็เป็นไปได้สวย ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผู้ร่วมแผนการต้องการ