"ผมไม่ใช่เพื่อนเล่น"
"ค่ะ รู้ค่ะ ขออภัยค่ะ แต่อย่าทำอย่างที่พูดเลยนะคะ รับรองค่ะฉันสัญญาจะไม่บอกกับใครเด็ดขาดว่าคุณเป็นเกย์" พูดไปพานจะร้องไห้ไปแต่คนตรงหน้ายังคงมีสีหน้าไม่พอใจดั้งเดิม
ฉันพูดอะไรผิดอีกเนี่ย
ตอนนี้ฉันทำสีหน้าไม่ถูกเลย ระหว่างยิ้มให้เขากับร้องไห้ให้เขา ไม่รู้ว่าทำแบบไหนจะพอใจเขาที่สุด แต่การที่เขากอดอกนั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไรต่อ หรือยกหูโทรไปสั่งการเลขาให้บริษัทไล่ฉันออก หรือแม้แต่ยกหูโทรแจ้งความตำรวจ นั่นก็แปลว่าบางทีเขาอาจจะไม่ถือสาเอาความแล้วก็ได้
อันนี้ฉันสรุปเอง คิดเองนะ (-.-!)
"เออ เมื่อกี้คุณแพทริคให้ฉันกลับเลยใช่ไหมคะ งั้นฉันกลับเลยก็ได้ค่ะ ตะ แต่ ไม่ซื้อโครงการกับดิฉันก็ไม่เป็นไรนะคะ แค่เปิดดูเอกสารที่ฉันเตรียมมาเสนอสักนิดก็ยังดี แหะ แหะ" เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่ก็ดันอยากขายของ ก็นะ อาชีพเซลล์มันอยู่ในสายเลือด ทำไงได้
"..."
เงียบ เหมือนคนที่สื่อสารทางเดียวอีกแล้ว
มีเพียงเสียงถอนหายใจตอบกลับเหมือนรำคาญ
โอเคค่า งั้นก็ตามนั่นแหละ
กลับก็กลับ
…
ติ้ด…
จังหวะที่ฉันลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับลาแล้วเดินออกไป อยู่ ๆ เลขาหน้าห้องก็อินเตอร์โฟนเข้ามา แล้วเขาก็ดันกดรับสายในตอนที่ฉันหันหลังลุกเดินไปจากเก้าอี้ได้สองสามก้าวก่อนจะถึงประตูห้องที่อยู่ข้างหน้าอีกไม่กี่สิบก้าว
"มีอะไร"
"ท่านประธานคะ คือคุณแม่ท่านมาขอเข้าพบค่ะ แต่ดิฉันบอกไปแล้วนะคะว่าท่านมีแขกอยู่"
ฉันชะงัก หันกลับไปมองเขาเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเงยหน้ามองฉันพอดี ไม่ได้ตั้งใจฟังเด้อ แค่หูมันได้ยินไปเอง
"แหะ แหะ แม่คุณอยู่ข้างนอกเอาไงดีคะ" ฉันยิ้มแหยให้เขา เพราะไม่รู้จะเอายังไงต่อ แต่ถ้าเดินออกไปตอนนี้ ต้องจ๊ะกับแม่เขาที่รออยู่หน้าห้องแหง ๆ
"..."
เขาไม่ตอบ แต่ยกมือขึ้นมานวดขมับแทน
แล้วจะให้ฉันตรัสรู้ไหมว่าควรจะเอายังไงต่อ ในเมื่อเขาไม่ตอบ งั้นนาทีนี้ก็คงบอกได้คำเดียวว่าช่างแม่ง ถ้าออกไปแล้วเจอหน้าคุณแม่เขาแล้วให้ทำไง เจอก็ต้องเจอ ถ้าถามอะไรมาก็แค่ตอบตามความจริง เป็นยังไงก็คงต้องเป็นยังงั้น ส่วนไอ้เรื่องถ่ายรูปกับฉันแล้วอวดอ้างเป็นแฟนนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของฉัน เป็นปัญหาของเขา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย เรียนผูกก็เรียนแก้เองก็แล้วกัน
"งั้น ถ้าไม่มีอะไร ฉันกลับเลยดีกว่าเนอะ สะ สวัสดีอีกครั้งค่ะ" ฉันสบตาเขาที่ยังคงนั่งนิ่ง ก่อนยักไหล่ให้แบบว่า ไอ ด้อน แคร์ แล้วเดินตรงไปที่ประตู
ถามแล้วนะให้ทำไง งั้นถ้าฉันจะออกไปเจอคุณแม่เขาก็ว่าไม่ได้เด้อ!
…
"เดี๋ยว!"
มือฉันที่จับที่เปิดประตูคาเอาไว้ชะงัก
อยู่ ๆ ริมฝีปากของฉันก็ยกยิ้มขึ้นมาเองที่มุมปาก แต่ไม่ได้หันไปให้เขาเห็นรอยยิ้มร้ายของฉันหรอกนะ
"ค่ะ มีอะไรหรือคะ"
ฉันหันกลับมาทำหน้าพร้อมกับตีหน้านิ่ง มองเขาที่ลุกขึ้นมาเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้ แต่หัวใจกลับเต้นแรงมาก เห็นเขาตอนกลางวันแบบใกล้ชิดเต็มตาทั้งเต็มความสูงแบบนี้ นอกจากหล่อแล้วหุ่นยังดีเอามาก ๆ
ในที่สุดปลายเท้าของเขาเข้ามาอยู่ใกล้ฉันในระยะกระชั้นชิด ห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร
"แม่ผมอยู่ข้างนอก"
"ใช่ค่ะ แม่คุณอยู่ข้างนอก แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันไม่ใช่เหรอคะ" ถามกลับตาใสเหมือนไม่เข้าใจความหมายที่เขากำลังสื่อ พูดง่าย ๆ ว่าเข้าใจแหละแต่แค่แกล้งไม่เข้าใจ
"ทำไมจะไม่เกี่ยว เมื่อคืนผมเพิ่งส่งรูปให้คุณแม่ดูว่าคุณเป็นแฟนผม และถ้าคุณออกไปตอนนี้ คุณแม่ผมต้องจำคุณได้แน่"
ทีงี้พูดประโยคยาว ๆ ได้เก่งขึ้นมาเลยเชียว
แต่…
"จำได้แล้วไงคะ ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ อีกอย่างถ้าคุณแม่คุณจะจำฉันจากรูปถ่ายได้ ฉันก็จะบอกความจริงท่านเอง ว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน และเมื่อคืนเราสองคนแค่...จัดฉาก"
ประโยคหลังเน้นย้ำนิด ๆ เหมือนจงใจยั่วหน่อย ๆ
"แต่ผมไม่ต้องการให้คุณแม่รู้ว่าผมโกหกท่าน"
สีหน้าเขาดูซีเรียสมาก แต่ฉันนี่แอบขำอยู่ในใจรอไปแล้ว
ก่อนหน้านี้อะใช่…ที่ว่าเขาน่าจะถือไพ่เหนือกว่าฉัน แต่ตอนนี้เหมือนว่าสถานการณ์จะพลิก ดูท่าว่าเขาจะแคร์คุณแม่ของเขาเอามาก ๆ
"แล้วยังไงคะ อ่อหรือหมายความว่า คุณตั้งใจจะให้ฉันแสดงว่าเป็นแฟนคุณต่อ ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย นะเหรอคะ" เอียงคอถามหน้าซื่อ ได้ทีจ้องตากลับตาใส จนนัยน์ตาคมของเขาเป็นฝ่ายเบือนหลบไปเอง
"อืม..ประมาณนั้น” เขาดูพูดเสียงเบาขึ้นมาเชียว ไม่เห็นดุเหมือนตอนขู่ฉันเมื่อกี้เลย
"อ่อ งั้นแสดงว่าคุณกลัวคุณแม่คุณจะเสียใจเรื่องที่คุณเป็นเกย์นะเหรอคะ อุ้ย!"
ฉันทำตาโตรีบยกมือปิดปาก
"โอะ! ลืมไปเลย คุณไม่ชอบที่ฉันบอกว่าคุณเป็นเกย์นี่นา ตายแล้ว...ฉันลืมตัว คุณอย่าแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทกับฉันเลยนะคะ ตาย ๆ ขอโทษนะคะที่หลุดปากออกมา งั้นไม่เอาดีกว่าค่ะ ฉันว่าฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ ไม่อยากมีปัญหากับคุณ เดี๋ยวถ้าเกิดคุณโทรไปบอกที่บริษัทว่าฉันเสียมารยาทกับคุณขึ้นมาแล้วให้บริษัทไล่ฉันออกละแย่เลย”
คำพูดที่เขาขู่ฉันก่อนหน้า ถูกยกมาใช้เป็นข้ออ้างคืนกลับ จนคนตัวโตหันมาจ้องตาฉันเขม็ง แต่มะลิคนนี้สู้กลับไง ริมฝีปากระบายยิ้มอ่อนพลางพูดต่อ
“คือ ฉันแค่ยังไม่อยากตกงานตอนอายุเท่านี้นะคะ เอาเป็นว่าขอไม่ยุ่งเรื่องของคุณดีกว่า ขอตัวกลับก่อนเลยนะคะ"
ฉันรีบหันขวับกลับไปจับลูกบิดประตู เพื่อวัดดูว่าสถานการณ์ของตัวเองจะเป็นต่อไหม และถ้าใช่เขาต้องเป็นฝ่ายง้อฉันกลับ !
1
2
3
หมับ!
นั่นไง คำนวณเวลาเป๊ะ! มือหนาของเขาเข้าคว้ามือฉันที่จับที่เปิดประตูไว้ปั๊บ ก่อนจะดึงมือฉันเข้าหาตัวจนหันไปประจันหน้ากับเขาแบบจะจะ
“อุ้ย…” ฉันแสร้งตกใจเล็กน้อย แต่จริง ๆ ก็ตกใจนั่นแหละ เพราะมือเขานิ่มมาก แล้วตัวก็หอมมาก ใดๆ คือเบ้าหน้าของเขาช่างหล่อได้บ้าบอมาก กะไม่เหลือความหล่อให้คนอื่นใช้เลยหรือไง
"ผมจะไม่ทำอย่างนั้น" แถมน้ำเสียงก็ดูอ่อนลงมาเชียว
"ไม่ทำอย่างนั้น หมายถึงอย่างไหนคะ?"
"ก็จะไม่แจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท จะไม่โทรไปที่บริษัทคุณหรืออะไรทั้งนั้น"
"โห คุณใจดีม้าก มาก งั้นถ้าต่อไปนี้ฉันจะเรียกคุณว่าคุณเกย์ ก็ไม่เป็นไรด้วยเหรอคะ"
แหะ แหะ ได้คืบจะเอาศอก อารมณ์แค่นึกอยากยั่วประสาทเขาต่อแต่ไม่ได้คิดจะพูดจริงหรอก แค่แอบแค้นไม่หายกับคำขู่ของเขาก่อนหน้า
"ผมจะไม่ทำ แต่คุณต้องช่วยแสดงเป็นแฟนกับผมก่อน อย่างน้อยก็ต่อหน้าคุณแม่ของผมที่กำลังจะเข้ามา"
หึ หึ หึ ในที่สุด ราชสีห์ก็เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากหนูตัวน้อยผู้น่ารักอย่างฉัน
"เรื่องใหญ่อยู่นะคะ"
"อืมใช่...สำหรับผมมันเป็นเรื่องใหญ่"
"เหมือนกันเลยค่ะ การที่ฉันมาเสนอโครงการห้องชุดในคอนโดให้คุณก็เรื่องใหญ่ แต่คุณสิยังไม่อ่านเอกสารโครงการที่ฉันมาเสนอแถมยังไล่ฉันกลับอีก ฉันละสงสารตัวเองจริง ๆ ถ้ากลับบริษัทโดยที่เสนอโครงการไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง" ตีหน้าเศร้าอีกหนึ่งกรุป พลางใช้ดวงตากลมคู่ใสจ้องคนตรงหน้าด้วยแววตาแป๋วแหวว
เขามองสบตาฉัน ก่อนถอนหายใจออกมาเหมือนยอมแพ้
"โอเค งั้นผมซื้อห้องชุดโครงการคุณนั่นเอง งั้นมานี่" พูดจบก็ลากมือฉันที่เขาจับเอาไว้ก่อนหน้านี้ไปที่โต๊ะ แล้วดันร่างของฉันให้นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเดิม ส่วนตัวเองก็อ้อมกลับไปที่เก้าอี้ผู้บริหารฝั่งตรงกันข้ามแล้วนั่งลง มือหนาคว้าเอกสารเสนอโครงการที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเปิดออก
"เซ็นตรงนี้ใช่ไหม" เขาจิ้มปากกาเซ็นไปตรงช่องเซ็นสัญญาซื้อขาย
"ใช่ค่ะ" ^ ^ ฉันยื่นมือไปจิ้มให้เขาดูตรงชื่อผู้ลงนาม
เสี้ยววินาทีต่อมา ลายเซ็นประธานบริษัทก็จรดชื่อแพทริค ลงนามตรงช่องว่าง เป็นอันเรียบร้อย
เขาปิดเอกสารสัญญาโครงการ แล้วส่งกลับให้ฉัน
"น่ารักจัง ขอบคุณนะคะ"
เนี่ยน้าเป็นคนรวยมันดีแบบนี้นี่เอง คิดจะซื้ออะไรก็ซื้อ ขนาดไม่คิดจะซื้อก็ยังซื้อ
เงินเหลือว่างั้น
"พีท"
“คะ?"
"ต่อหน้าคุณแม่ผม ให้เรียกผมว่าพีท"
"ได้เลยค่ะ ให้เรียกที่รักเลยยังได้"