Mind Games - Intro
เสียงดนตรีของงานแต่งงานดังคลอเคล้าไปด้วยบรรยากาศแสนหวาน ภาพเจ้าสาวแสนสวยไม่ได้ต่างอะไรกับเจ้าหญิงในนิยาย ยืมยิ้มเคียงข้างกับเจ้าบ่าวสุดหล่ออย่างมีความสุข และนั่นคือความฝันของผู้หญิงทั้งโลกรวมถึงฉันที่ฝันอยากจะได้มีโอกาส สวมชุดเจ้าสาวสีขาวกระโปรงยาวพลิ้วท่ามกลางช่อดอกไม้โปรยปราย ควงแขนกับคนรัก...
แต่….ทว่ากับชีวิตจริงไม่อิงนิยาย ความฝันมันก็เป็นแค่ความฝันเท่านั้นแหละ เมื่อตอนนี้ฉันได้แต่ยืนมองภาพเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ว่า...
“พวกแก....ฉันอยากแต่งงานบ้างว่ะ”
ฉันพูดกับยัยสาลี่และกอหญ้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ทว่าดวงตายังคงจับจ้องอยู่กับภาพบ่าวสาวตรงหน้า เคยคิดว่าสักวันตัวเองก็คงจะได้อยู่ในชุดแต่งงานแบบนั้นบ้างเหมือนกัน แต่สวรรค์ยังไม่ประทานสามีให้สักที
“เฮ้อ...นั่นสิ ในที่สุดยัยโนรินก็ได้แต่งงานอย่างที่นางหวังไว้”
“แล้วพวกเราละ”
พวกเราสามสาวมองหน้ากันไปมา ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน ถามว่ายินดีไหมที่เพื่อนสาวจะได้แต่งงาน มันก็นะยินดีแบบว่าโคตรยินดี แต่อีกใจก็แบบเมื่อไหร่จะถึงคิวทองอย่างพวกเราสามคนวะ จำได้ว่าสมัยก่อนทั้งฉัน ยัยสาลี่ ยัยกอหญ้ารวมถึงฉันมะลิ ไม่สิ นั่นคือชื่อตอนอยู่ต่างจังหวัด พอเข้ากรุงเทพโปรดเรียกฉันว่าแมรี่ พวกเราเคยขึ้นชื่อว่าเป็นสาวฮอตของมหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคเหนือ เพื่อนร่วมรุ่นต่างก็คิดว่าพวกเราสามคนนี่ละจะแต่งงานก่อนใคร ๆ ทว่าตอนนี้กลับได้แต่ยืนมองเพื่อนรักโนริน แต่งงานกับไอดินลูกชายประธานบริษัทที่นางทำงานอยู่ ด้วยแววตาละห้อย...
เฮ้อ....
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเมื่อสาวฮอตทั้งสามแห่งคณะบริหาร กลับมีทีท่าว่าจะขึ้นคานกันยกแก๊ง
'ฉันบ่ย้อม' ในใจอะคิดแบบนั้น แต่ไม่กล้าส่งเสียงออกมาเพราะต้องคีพลุค
แต่...เอาวะ ยังไงงานนี้ฉันต้องหาสามีให้ได้ มือเรียวยกกำปั้นขึ้นมาด้วยท่าทางหมายมั่น อย่างน้อยงานนี้ควรต้องได้เพื่อนเจ้าบ่าวสักคนไปครอง พอคิดแบบนั้นปุ๊บ สายตากวาดหาเป้าหมายที่ว่านับสิบปั๊บ ทว่าไอ้ที่หน้าตาเกือบผ่านไทป์ที่อยากได้ก็ดันมีเมียมาคุมกำเนิดอยู่ข้าง ๆ ส่วนไอ้ที่ดูเหมือนจะว่างอยู่หน้าตาก็ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่อยากได้ซะอีก
โว้ยยย...อยากมีผัว
...
จนกระทั่งพวกเราได้ยินเสียงพิธีกรบนเวทีประกาศ จึงหลุดโฟกัสจากการมองหนุ่มแล้วหันไปสนใจรับช่อดอกไม้แทน
“เอ้า...ได้เวลารับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวแล้วค่า ขอเชิญเพื่อนเจ้าสาวมารอรับได้เลยค่า”
สิ้นเสียงประกาศของพิธีกร มุมปากก็ยกยิ้มออกมา มือเรียวถกกระโปรงชุดราตรียกขึ้นในสภาพพร้อมรบ เพราะยังไงฉันก็ไม่ยอมเป็นคนสุดท้ายในแก๊งที่ได้แต่งงานแน่
“แก วันนี้พวกเราต้องได้ช่อดอกไม้นั่น” ยัยกอหญ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
“ใช่ พวกเราสามคน ต้องได้มันสักคนละวะ”
งานนี้ฆ่าได้หยามไม่ได้ ยัยกอหญ้านางตัวสูงกว่าฉัน ดังนั้นฉันเลยต้องอาศัยความสูงแค่ 165 เซนติเมตร แทรกไปอยู่ด้านหน้าแล้วย่อตัวเตรียมกระโดดให้ได้สูงที่สุด
พอสิ้นเสียงพิธีกรประกาศให้เตรียมพร้อม พวกเราทั้งสามคนก็มุ่งมั่นกับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวกันสุดฤทธิ์
เอ้า...
หนึ่ง...
สอง...
ซั่มมมมมมม...
ฟิ้วววววววววววว...
เหมือนเสียงลมหวืดผ่านข้ามหัวฉันจนผมปลิวสยาย แล้วดังฟุบไปหยุดอยู่ที่ด้านหลัง ช่อดอกไม้แสนสวยที่ฉันต้องการตกไปอยู่ในมือของ "มะขวิด" คนที่พวกเราคิดว่านางควรจะได้แต่งงานคนสุดท้าย แต่วันนี้ช่อดอกไม้กลับอยู่ที่มือเธอ ฉันอ้าปากค้างมองดอกไม้มือมะขวิดด้วยความเสียดาย ก่อนจะเซอร์ไพรส์รอบสองแบบไม่ให้หัวใจได้พัก เพราะอยู่ ๆ แฟนมะขวิดก็เดินเข้ามาหา
มะขวิดยิ้มแฉ่งเขินตัวบิด อีกมือนางขยับแว่นด้วยความเขินยิ้มให้กับคนรัก เห็นนางผมสั้นเสมอหูชอบแต่งตัวป้า ๆ แบบนี้แต่ความจริงนางเป็นถึงแม่เลี้ยงสวนลำไยที่รวยมาก แต่ก็นะ...ขนาดมะขวิดคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าทั้งเปิ่นทั้งเชยที่สุดในห้องยังมีว่าที่สามีในอนาคต
แล้วเราสามคนละ....
พวกเราสามคนมองหน้ากันไปมาด้วยความเสียดาย โดยเฉพาะยัยสาลี่ที่ชอบบังคับให้ฉันเรียกชื่อใหม่ของนางว่าเชอร์รี่บ่นออกมา
“เสียดายอ่า ฉันก็อยากมีผัว” นางทำท่าฟึดฟัดเล็กน้อยพอเป็นพิธี มองหน้าฉันกับกอหญ้าที่ทำสีหน้าเซ็งจัดไม่แพ้กัน
ทว่าในความเซ็งที่ว่า ยังมีเรื่องให้เซ็งได้มากกว่า เพราะอยู่ ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนจากด้านหลังของเราสามคนเอ่ยขึ้น
“ตายแล๊ววว...นั่นสามสาวสุดฮอตมาแย่งช่อดอกไม้ อย่าบอกนะว่าพวกเธอสามคนยังไม่มีแฟนเลยต้องมาแย่งช่อดอกไม้งานแต่งกับคนอื่นด้วย ว้าย ฮ่า ๆ ๆ พวกหล่อนมีเจ้าบ่าวกันหรือยัง ว่าแต่จะแต่งงานกับใครละจ้ะ”
เสียงยั่วประสาทแสบแก้วหูเอ่ยขึ้น เล่นเอาความเซ็งที่ไม่ได้รับช่อดอกไม้เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นลมร้อนพัดเข้าออกหูจนควันแทบจะขึ้น ฉันหันขวับมองตามเจ้าของเสียง ก่อนจะจำได้ทันทีว่าเสียงที่ระคายหูเมื่อกี้คือกลุ่มของยัยส้มโอ พวกนางเคยเป็นอริเก่าของพวกเรามาก่อน
ที่ว่าอริเก่าก็ไม่ใช่อะไรเพราะหนุ่ม ๆ ที่นางหมายปอง มาจีบกลุ่มฉันหมด ก็นะ...คนมันฮอตให้ทำไง
“นี่!! ถึงฉันยังไม่มีผัว แต่ก็มีผู้ชายเจ้ามาจีบเรื่อย ๆ นะจ๊ะ” ไม่ทันที่ฉันจะอ้าปากโต้ตอบกลับ ยัยสาลี่ก็เท้าสะเอวพูดตอบโต้พวกนั้นกลับตามแบบฉบับนิสัยที่ไม่เคยยอมแพ้ใคร
“ออเหรอ แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานสินะ”
ยัง ยังไม่หยุด ยัยส้มโอยังไม่หยุดค่อนแคะ และคำพูดนางกำลังทำให้ฉันของขึ้น
"งั้นพนันกันไหมล่ะ"
"พนัน?" ยัยส้มโอกอดอกมองพวกเราสามคนแบบเชิ่ด ๆ
“ใช่ พนันกัน เพราะอีกสามเดือนพวกเราสามคนจะแต่งงาน" ฉันยกยิ้มที่มุมปาก สายตาจ้องหน้าส้มโอไม่ยอมแพ้เอาสิ คนอย่างมะลิเชิ่ดมาเชิ่ดกลับไม่โกงเหมือนกันค่ะ
"อีกสามเดือนพวกหล่อนเตรียมเงินมาใส่งานแต่งงานพวกฉันคนใดคนหนึ่งได้เลย” ฉันพูดต่อก่อนจะยักคิ้วยั่วให้หนึ่งที
“ดีไม่ดี พวกหล่อนอาจจะได้ใส่ซองทีเดียวสามคน! แต่เอ๊ะ เท่าไรดี แมรี่ ซอนย่า เท่าไรดี ระบุมาเลย” เชอร์รี่ย้ำต่อความมั่นอีกหนึ่งกรุป
“กลิ่นเงินมันหอมหวาน อืม...เท่าไหร่ดีน้า งั้น....เอิ่ม พวกเธอเตรียมเงินมาใส่ซองพวกเราคนละแสน กล้าจ่ายปะละ” ฉันกอดอกมองส้มโอแอนด์เดอะแก๊งของนางตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เงียบแบบนี้…? แสดงว่าไม่กล้า?”
“ได้! ฉันตกลง รับคำท้าจากพวกเธอ แต่...ภายในเวลาสามเดือนเท่านั้นนะ” ส้มโอเบะปากเหมือนจะไม่เชื่อว่าพวกเราจะหาสามีในระยะกระชั้นชิดแบบนั้นได้ อย่าว่าแต่พวกนางไม่เชื่อเลยพวกเราเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าจะสามารถหาได้ไวขนาดนั้นได้
แต่แล้วไงคนอย่างมะลิเสียหน้าไม่ได้ รวมทั้งเงินแสนก็จะไม่ยอมให้กระเด็นออกจากกระเป๋าด้วยเหมือนกัน!
“โอ๊ะ สบายมากจ้ะ”
ใบหน้าหวานของฉันเชิดขึ้นอย่างหมายมั่น!
ยังไงก็ตามฉันจะหาสามีให้ได้ในสามเดือน!