Chapter 9
“ท้องก็เลี้ยงลูกสิคุณ ฉันไม่คิดจะฆ่าลูกหรือไปเอาเด็กออกหรอกนะ”
“เลี้ยงลูกคนเดียวไม่กลัวลำบากเหรอ”
“กลัวทำไมกับความลำบาก เมื่อก่อนพ่อแม่ตายฉันยังเลี้ยงน้องมาคนเดียวเลย ถามว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อยนะ แต่ชีวิตมีรสชาติดี ฉันต้องคำนวณทุกวันว่าจะอยู่ยังไงให้รอด และต้องทำยังไงให้น้องเรียนจนจบ แต่ฉันโชคดีที่น้องชายฉันเป็นคนดี”
“คนอะไรไม่กลัวความลำบาก”
“แล้วคุณกลัวความลำบากหรือไง” เธอยกสะโพกให้เขาถอดอาภรณ์ท่อนล่างออกไป
“ไม่นะ ฉันชอบทำงาน ชอบอะไรลุย ๆ”
“ก็นั่นแหละ เกิดเป็นคนจะกลัวทำไมกับความลำบาก คุณว่าจริงไหมล่ะ” ประโยคคำตอบของเธอทำให้เขารู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาค้นหามานาน เธอเปิดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมา ที่สำคัญก็คือไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเอง ต้องการอะไรก็แสดงออกมาอย่างนั้น คิดอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ เป็นคนตรงไปตรงมากับความรู้สึก และตรงไปตรงมากับคู่สนทนา เป็นตัวของตัวเองและที่สำคัญเป็นผู้หญิงที่สู้ชีวิตสุดๆ
เขาชอบที่เธอไม่ได้อยากได้เงินของคนอื่น แต่อยากสร้างเงินของตัวเอง อยู่กันมาหลายวัน เขาไม่เห็นว่าเธอจะอยากได้อะไรจากเขาเลย ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงขอโน่นขอนี่ แม้กระทั่งค่าเลี้ยงดูวาทิต แต่เธอไม่เคยทำ เธอทำอะไรก็จะตั้งใจ ไม่ว่าจะเลี้ยงหลานของเขา หรือทำอาหารอร่อย ๆ กินเองในบางครั้ง เมื่อเธอพอจะมีเวลาจากการเลี้ยงวาทิต และเขาก็ยังได้มีโอกาสชิมอาหารฝีมือของเธออีกด้วย
“แต่เวลานี้ฉันต้องการเธอที่สุด” เขากดจุมพิตริมฝีปากหวานฉ่ำของเธอก่อนที่บทรักร้อนแรงจะเกิดขึ้นจากความยินยอมพร้อมใจของคนทั้งคู่
เวคินสังเกตว่ากำไลข้อเท้าของหลานชายหายไป ทำให้เขาต้องเอ่ยทักขึ้น
“กำไลข้อเท้าของวาทิตหายไปไหน เธอถอดเก็บไว้เหรอ”
“ฉันไม่ได้ถอดนะ แล้วก็ไม่เห็นหลายวันแล้วด้วย”
“หายอย่างนั้นเหรอ” นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาตั้งใจซื้อให้หลานชาย ดังนั้นหากมันหายไปเขาจึงสังเกตเห็น
“ถ้าหายก็ต้องมีคนขโมย คุณว่าไหมล่ะคะ” เธอมองหน้าเขา เวคินเรียกทุกคนมารวมตัวกันในทันที
“กำไลข้อเท้าของวาทิตหายไป จะต้องมีคนขโมยไปแน่”
“หาทั่วแล้วเหรอคะ” ล้อมเดือนแกล้งเอ่ยถาม รอมาตั้งหลายวันเพิ่งรู้ว่ากำไลข้อเท้าหายไป ถ้ามีคนโจรกรรมเครื่องเพชรคงเพิ่งรู้สินะ เหอะ!
เธอรออย่างใจจดใจจ่อเพื่อที่จะได้ใส่ความมณีเมขลา ในเวลานี้ก็ให้กริชค่อย ๆ เข้าหามณีเมขลา กลายเป็นคนสวนที่มณีเมขลาพูดคุยด้วยมากขึ้น เพราะกริชช่วยจัดการกับงูที่กำลังจะฉกมณีเมขลาตอนที่อีกฝ่ายกำลังอุ้มวาทิตเดินออกไปเที่ยวชมสวนดอกไม้หลังบ้าน
งูนั้นก็แผนการของเธอเอง เอาไปปล่อยเอาไว้ แล้วให้กริชไปเป็นพระเอกขี่ม้าขาว
“ใช่ ใครขโมยก็รับสารภาพมาซะดี ๆ” เวคินพูดขึ้น ซึ่งล้อมเดือนก็ได้แต่ขำในใจ พูดแบบนี้ใครจะยอมรับ
“ถ้าไม่รับสารภาพดี ๆ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” น้ำเสียงดุดันที่ตามมาทำให้ล้อมเดือนต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอ เขารู้ดีว่าเวคินโหดเพียงใด
แต่ถึงจะโหดมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เห็นจะโหดกับมณีเมขลาเลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่เวคินให้คนไปจับตัวอีกฝ่ายมา และน้องชายของอีกฝ่ายก็ทำให้น้องสาวตัวเองท้อง และพากันหนีไป
มาตรฐานความโหดของเวคินเป็นศูนย์เมื่ออยู่กับมณีเมขลา ทั้ง ๆ ที่เขาควรจัดการเจ้าหล่อนให้สาสม เพื่อระบายความโกรธไม่ใช่เหรอ
“คนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือคนที่อยู่กับคุณวาทิตทุกวันค่ะ” ล้อมเดือนพูดขึ้น จะต้องไปตรวจสอบรื้อค้นอะไรใครกัน ก็ตรวจค้นข้าวของมณีเมขลานั่นแหละ จะได้จบ ๆ เรื่องกันสักที คราวนี้เธอก็แค่รอชมภาพการถูกทารุณมัน ๆ จากเวคินที่ปฏิบัติต่อมณีเมขลาก็เท่านั้น
“เธอคิดว่าฉันเป็นคนขโมยกำไลข้อเท้าของวาทิตไปอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ ก็เธออยู่กับคุณวาทิตตลอดเวลา คนอื่นเขาไม่ได้อยู่ด้วยตลอดเวลาเหมือนเธอ”
“แต่ก็มีบางครั้งที่มีคนอื่นมาช่วยดู ฉันไม่ได้อยู่ตลอดเวลา” มณีเมขลาพูดเสียงเรียบ ๆ ไม่ได้ตื่นเต้นตกใจกลัวอะไรเมื่อโดนคาดคั้น
“แต่เธอก็อยู่กับคุณวาทิตมากกว่าใคร”
“มากกว่า แต่ก็มีคนอื่น จะหาว่าฉันขโมยได้ยังไงกัน”
“ฉันยังไม่ได้พูดว่าเธอขโมย ร้อนตัวนี่นา” ล้อมเดือนเหยียดปาก
“ไม่ได้ร้อนตัว แต่ทุกคนก็เข้าออกห้องนี้ ดังนั้นก็ต้องค้นข้าวของของทุกคน รวมถึงเธอด้วย” มณีเมขลาเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันกัน เธอรู้ว่าใครเกลียด ใครรัก ใครจริงใจ ใครไม่จริงใจ เธอระวังตัวเองเสมอ ไม่ปล่อยให้คนไม่ดีเข้ามาทำร้ายได้ง่ายๆ แน่
“ฉันไม่ได้เอาไปแน่นอน อยากค้นก็ค้นเลย” ล้อมเดือนท้าทาย
“งั้นค้นห้องเธอก่อนเลย”
“ทำไมต้องค้นห้องฉันก่อน เธอเลี้ยงคุณวาทิตมากที่สุด คนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือเธอ ต้องค้นห้องเธอนั่นแหละ”
“คุณเวย์ขา คนห้องล้อมเดือนก่อนได้ไหมคะ แล้วก็ห้องคนใช้ทุกคน ห้องเมขลาค้นเป็นห้องสุดท้ายนะคะ” เธอใส่จริตออดอ้อนเวคิน ทำเอาให้เขากะพริบตาปริบๆ เพราะไม่เคยได้ยินเสียงคะขาจากเธอเลยสักครั้ง ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา
“ไม่ได้ค่ะคุณเวย์ นังนี่อาจจะเอาของที่ขโมยย้ายไปซ่อนที่อื่นก็ได้”
“เอาแบบนี้สิ ก็เรียกทุกคนมารวมตัวกัน ในระหว่างรื้อค้นข้าวของ ถ้าใครหายไปก็แสดงว่าคนนั้นน่าสงสัย ให้บอดี้การ์ดหรือลูกน้องของคุณเวย์มาเฝ้าเอาไว้ก็ได้ แบบนี้ดีไหมล่ะ”
“เอางั้นก็ได้ ค้นห้องเธอก่อนเลยล้อมเดือน เธอเป็นหัวหน้าแม่บ้าน” คำประกาศศิตของเวคินไม่มีใครกล้าขัด ที่สำคัญก็คือล้อมเดือนคิดว่าเธอไม่มีของที่หาแน่นอน เธอจึงไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่สิ่งที่ทำให้ล้อมเดือนขัดใจก็คือ น่าจะค้นห้องของมณีเมขลาเป็นคนแรก จะได้จบๆ กันไป เธอก็จะได้กำจัดอีกฝ่ายออกไปเสียที
เมื่อค้นหากำไลข้อเท้าของวาทิตแล้วพบว่าซุกซ่อนเอาไว้ในห้องของล้อมเดือน ก็ทำให้เวคินโกรธมาก
“คุณเวย์คะ ไม่ใช่นะคะ เดือนไม่ได้ขโมย” เธอรีบไปกอดแข้งกอดขาของเวคินในทันที
“ไม่ได้ขโมยแล้วมันมาอยู่ในห้องของเธอได้ยังไง” เวคินเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ก็เพราะนัง นังมณีเมขลาใส่ร้ายเดือน มันใส่ร้ายเดือน”
“เกี่ยวอะไรกับมณีเมขลา”
“ก็มันไม่ชอบเดือน มันเลยเอาสร้อยข้อเท้าของคุณวาทิตมาซ่อนไว้ในห้องเดือน”
“เมื่อกี้เธอบอกว่าฉันขโมยกำไลข้อเท้าของวาทิตไป ตอนนี้บอกว่าฉันเอามาซ่อนไว้ในห้องเธอ สรุปว่าเธอจะเอายังไงกันแน่”
“เป็นไปไม่ได้ สร้อยข้อเท้าจะมาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง ฉันไม่ได้ขโมยนะ”
“คุณเวย์คะ ให้ตำรวจมาลากคอไปเค้นความจริงจะดีกว่าค่ะ ปากแข็งไม่ยอมรับผิดแบบนี้ต้องจัดการค่ะ” มณีเมขลาหันไปคุยกับเวคิน
“ชาติโทร. เรียกตำรวจเดี๋ยวนี้” เวคินหันไปสั่งคนสนิทของเขา
“คุณเวย์ อย่านะคะ เดือนไม่ได้ขโมย”
“ไม่ได้ขโมยแล้วจะไปอยู่ในห้องของเธอได้ยังไงกัน” มณีเมขลาถามย้ำ
“แกไงใส่ร้ายฉัน”
“ฉันจะไปทำแบบนั้นทำไม”
“แกอิจฉาฉันไง” ล้อมเดือนกระชากเสียง