ลูกสาว
เช้าวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อนของหลายๆคนบ้านไม้หลังใหญ่ปลูกอยู่บนเนื้อที่เจ็ดไร่เป็นส่วนตัว แบ่งเป็นสัดส่วน มีพื้นที่ปลูกบ้าน หลังบ้านเต็มไปด้วยผลไม้ เกือบแทบทุกชนิด ไม่รวมสวนผักที่เจ้าของบ้านปลูกไว้เต็มแปลงมีผักเกือบทุกอย่าง
พราวรำภาลืมตาตื่น ตกใจกับเสียงเคาะประตูห้องรัวๆหญิงสาวพยายามทบทวนว่าตัวเองนอนอยู่ที่บ้านหรือที่คอนโด แต่เมื่อหายงัวเงียแล้ว รู้ว่าตัวเองนอนอยู่ที่ห้องนอนส่วนตัวที่บ้านต่างจังหวัดก็โล่งใจ เธอเพิ่งเดินทางจากกรุงเทพฯมาถึงบ้านเมื่อคืน พร้อมกับพี่สาว
“รอแป๊ปค่า ตื่นแล้วๆ”หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นรีบไปเปิดประตูห้องนอน
“นี่พราว ทำอะไรอยู่พี่เคาะตั้งนาน”หญิงสาวหน้าตาสวยเฉี่ยว ผมยาวทำสีสวยงาม เบียดตัวเข้ามาในห้อง แล้วรีบหันหลังไปปิดประตูไว้อย่างแน่นหนา เหมือนกลัวว่าใครจะมาเห็นหรือได้ยินสิ่งที่จะพูด พร้อมลากแขนเรียวของเจ้าของห้องให้กลับมานั่งที่เตียง
พราวรัมภาทำหน้าสงสัยและงง ว่าพี่สาวมีเรื่องอะไร ถึงมาปลุกเธอแต่เช้า หากใครที่ไม่รู้จักทั้งคู่ตั้งแต่เด็กๆจะเข้าใจว่าทั้งสองเป็นฝาแฝดกัน แต่หากมองและพิจารณาจริงๆก็จะเห็นถึงความแตกต่าง
“พี่พลอยมีเรื่องอะไร ดูรีบร้อนจังเลย นี่ยังเช้าอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วจะไปไหน อย่าบอกนะว่าจะกลับกรุงเทพฯ เราเพิ่งมาเมื่อคืนนี้เองนะคะ”
“ใช่พี่จะกลับไม่อยากคุยกับแม่แล้ว พูดแต่เรื่องเดิมๆพี่เบื่อแล้ว อีกอย่างพี่มีนัดกับพี่กริช เราจะไปต่างจังหวัดกัน”
“แล้วยังไง จะให้พราวช่วยอะไร”
“ช่วยออกไปส่งพี่หน่อย พ่อกับแม่ออกไปงานแต่งใครไม่รู้ กว่าจะกลับก็คงบ่ายๆพี่ต้องรีบไป จองรถตู้ไว้แล้ว”
“แล้วถ้าพ่อกับแม่กลับมาจะให้พราวบอกท่านว่ายังไง”
“ก็บอกว่าพี่มีธุระด่วนเรื่องงาน ต้องรีบกลับไปทำ”
พราวรำภาหรือ พราว หญิงสาววัยยี่สิบห้าปี เธอเป็นน้องสาวของพลอยไพลินที่อายุห่างกันเพียงสองปี แต่เหมือนเพื่อนกันมากกว่า พี่สาวเธอนิสัยแบบนี้ คิดเร็วทำเร็ว เธอรู้ว่าพี่สาวไม่ได้อยากกลับมาบ้านมากนัก
“แล้วพราวก็ต้องกลับกรุงเทพฯคนเดียวเหรอพี่พลอยนี่จะทิ้งกันเหรอ”
“ก็พี่บอกแล้วว่าไม่ได้อยากมา พราวนั่นแหละตืัอจะมา”
“ก็พราวเห็นว่าเราไม่ได้กลับบ้านมาหลายเดือนนี่นา คิดถึงพ่อกับแม่จะตาย”
“ไม่รู้ล่ะรีบอาบน้ำแล้วไปส่งพี่ขึ้นรถตู้ เร็วๆ”
“พี่พลอยหนีไปก็เท่านั้น ยังไงก็ต้องทำตามที่พ่อกับแม่บอกอยู่ดีสู้พูดความจริงจะดีกว่านะพราวว่า”
“เออน่า...ยังไม่ถึงเวลาหรอกอีกนานให้พี่ได้ทำใจก่อน”
พราวรำภาปวดหัวกับเรื่องของพี่สาว พ่อกับแม่ของเธอมีสัญญาใจกับเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มสาวกัน ต่างสัญญาและสาบานกันว่า หากทั้งสองฝ่ายมีลูกหญิงและชาย คนแรกจะต้องได้แต่งงานกัน เธอกับพี่สาวได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วฟังจนชิน พ่อกับแม่จะพูดทีเล่นทีจริงกับพี่พลอยตลอดเวลา
นั่นทำให้พี่พลอยของเธอต่อต้านมาตลอด แต่เป็นการต่อต้านแบบเงียบๆพี่สาวของเธออายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว มีแฟนและทั้งคู่อยากแต่งงาน พี่กริชแฟนของพี่พลอยเป็นคนดี แต่ถ้าแต่งงานกันก็ต้องขัดใจกับพ่อและแม่แน่ๆ พี่กริชอยากจะเข้ามาหาพ่อกับแม่เรื่องการสู้ขอ แต่พี่สาวของเธอรู้ดีว่า ถึงพี่กริชพาผู้ใหญ่มาสู่ขอ พ่อกับแม่ก็ไม่มีทางยอมแน่นอน ช่างเถอะมันเป็นเรื่องของอนาคต ไม่อยากคิดแต่มันก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
พ่อกับแม่ก็อ้างว่าหวังดีกับลูก เพื่อนพ่อเพื่อนแม่เป็นคนดี แล้วลูกเขาจะดีเหมือนพ่อกับแม่ไหม และเธอก็คิดเอาเองว่า ลูกเพื่อนพ่อไปอยู่ถึงเมืองนอกเมืองนา เขาต้องมีแฟนบ้างแหละ พราวเคยแนะนำพี่พลอยว่า ให้ติดต่อว่าที่เจ้าบ่าวเพื่อพูดคุยกัน ว่าทั้งสองต่างก็ไม่ได้รักกัน และไม่ได้อยากแต่ง แต่พี่พลอยไม่ยอมคุย เธอก็ไม่รู้จะช่วยพี่สาวแก้ปัญหาได้ยังไง สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้เขาตัดสินเอง
“เดินทางปลอดภัยนะคะพี่พลอย เดี๋ยววันอาทิตย์พราวก็กลับแล้ว อย่าลืมกุญแจห้องนะ ตกลงพี่พลอยจะไปไหน”
“ไปแม่กำปองกับพี่กริช”
“ระวังด้วยนะพี่พลอย อย่าโพสโซเชียลเดี๋ยวพ่อกับแม่เห็น”
“เออน่ารู้แล้ว ไปนะ ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ”
พลอยไพลินขึ้นรถตู้สบายใจไปแล้ว พราวรำภาขับรถกลับบ้านอย่างเหงาๆปกติเธอจะไปไหนมาไหนกับพี่สาวตลอดเวลา พลอยไพลินเป็นพี่สาวที่ดีคอยดูแล พี่พลอยเป็นคนห้าวๆกล้าพูดกล้าแสดงออก ผิดกับเธอที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก
พราวรำภาจบปริญญาตรีด้านบริหาร เธอทำงานเป็นฝ่ายบุคลลที่บริษัทฯในกรุงเทพฯ นิสัยเรียบๆเรื่อยๆของเธอทำให้หญิงสาวไม่มีพิษมีภัยกับใคร เช้าไปทำงาน เย็นกลับคอนโด เป็นแบบนี้เรื่อยมา เมื่อสมัยที่พี่สาวกับเธอเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯพ่อกับแม่ซื้อคอนโดไว้ให้ลูกสาวอยู่ด้วยกันสองคน
พลอยไพลินเรียนการโรงแรม ทำงานที่โรงแรมใหญ่โต และที่สำคัญพี่กริช มีหุ้นในโรงแรมใหญ่ฐานะทางบ้านดีมาก
พ่อกับแม่ปลื้มพี่พลอยมาตลอด เพราะเป็นลูกคนแรก ทำงานเงินเดือนสูง เป็นธรรมดาที่พ่อกับแม่มักจะชื่นชมลูกคนแรกเสมอในสังคมชนบท
พ่อกับแม่ไม่ค่อยวุ่นวายกับเธอนัก อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่ค่อยพูดไม่ค่อยอ้อน ผิดกับพี่สาว พราวจึงใช้ชีวิตสบายๆพ่อกับไม่ได้กดดันอะไร สนใจและเอาใจใส่พี่พลอยมากกว่า แต่บางครั้งก็มีน้อยใจบ้าง
“หนูพราวแม่พลอยอยู่ไหนลูก นี่กินข้าวกินปลากันหรือยัง “ เป็นคำแรกที่พ่อกับแม่พูดเมื่อทั้งสองคนกลับถึงบ้าน
“พี่พลอยมีงานด่วนค่ะแม่ รถบริษัทฯมารับไปแล้ว”
“อ้าว นี่ด่วนถึงกับต้องรถมารับเลยเหรอ”
“เห็นพี่พลอยบอกว่าอย่างนั้นค่ะแม่ พราวก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ “
“อะไรเป็นพี่น้องกันยังไง ทำไมไม่ถามกันบ้าง”
พราวรำภารับกระเป๋าถือที่ทำมาจากกระจูดของแม่ แล้วเดินตามพ่อกับแม่เข้าบ้าน เธอรีบไปรินน้ำเย็นมาให้
“นี่เดี๋ยวข้าวเย็นแม่ไม่กินแล้วนะ อยากอาบน้ำนอนเลย อิ่มมาแล้ว”นางพจนีย์ทำเสียงเหนื่อยๆแล้วลุกเดินเข้าห้องไปเลยไม่ได้สนใจอยากที่จะคุยกับลูกสาวคนเล็กต่อ
“แล้วพ่อล่ะคะ กินไหมเดี๋ยวพราวทำกับข้าวเองก็ได้ค่ะทำง่ายๆ”
“ไม่เอาหรอกลูกพ่อก็อิ่มมากเหมือนกัน อยากอาบน้ำนอนมากกว่า ขับรถไกลเหนื่อยเหมือนกัน”นายสมภพลุกขึ้นเดินตามภรรยาเข้าห้องไปพักผ่อน
พราวเริ่มคิดถึงห้องของตัวเองที่คอนโด จริงๆเธอก็ไม่ค่อยคิดอะไรมาก แต่หลังๆพอใกล้ที่เพื่อนแม่จะกลับมาเมืองไทย พ่อกับแม่ก็เอาใจใส่แต่พี่พลอย เธอเลยรู้สึกเหงาๆ
หญิงสาวเข้าครัว หุงข้าว เจียวไข่กินอิ่มแล้วก็ ปิดหน้าต่าง ปิดประตูแล้วเข้าห้องนอน พลอยไพลินส่งรูปที่ไปเที่ยวมาอวด เธอเห็นใจพี่สาวไปเที่ยวกับแฟนคงอยากโพสโซเชียล แต่ทำไม่ได้เพราะพ่อกับแม่ติดโทรศัพท์ทั้งคู่และที่สำคัญเล่นเป็นทุกอย่าง เวลาพี่พลอยโพสโน้นนี่ พ่อกับแม่จะเข้าไปกดถูกใจหรือบางครั้งก็เม้น
เธอเองไม่ค่อยกล้าโพสอะไรนัก ที่สำคัญเธอก็ไม่ติดโซเชียล
เช้าวันอาทิตย์พราวรัมภาเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯคนเดียว เป็นเรื่องปกติเธอชอบ หญิงสาวทยอยขนกระเป๋าและผัก กับข้าวต่างๆที่แม่ทำให้ไปใส่รถ
“นี่เมื่อไหร่จะเปลี่ยนรถสักทีนะพราวลูก รถนี่มันเหมือนรถขนผักยังไงก็ไม่รู้”นางพจนีย์หิ้วถุงผักตามหลังลูกสาวมาไว้ที่รถบ่นเรื่องของลูกสาวคนเล็ก ลูกสาวนางคนนี้เป็นคนนิสัยเงียบๆเรียบร้อยไม่ค่อยยุ่งสุงสิงกับใคร มีความสุขกับการได้อยู่เงียบๆไม่โลดโผน นางกับสามีจึงไม่ค่อยห่วงนัก ไม่เหมือนลูกสาวคนโต
พราวรัมภามีรถกระบะซูซูกิแคร์รี่ขนาดเล็ก เป็นรถคันแรกที่เธอเก็บเงินซื้อเอง เธอชอบรถแบบนี้ตั้งใจไว้ว่าเมื่อเกษียณหรือเบื่องาน เธอจะกลับบ้านมาทำสวนในที่ดินที่พ่อกับแม่แบ่งให้จำนวนสิบไร่ เป็นชีวิตที่ฝันไว้ตลอด
“ก็ลูกชอบแบบนี้ประหยัดด้วย ไม่เป็นไรหรอกแม่แล้วแต่ลูกอย่าไปยุ่งกับเขา”
“มีลูกสองคนนี่ไม่เหมือนกันเล้ย เงินทองไม่มีมาเอาที่แม่ก่อนก็ได้ แบบนี้แม่ว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยเลย เปลี่ยนไหมลูกแม่เปลี่ยนให้”
“ไม่ดีกว่าค่ะแม่ พราวชอบแบบนี้มากกว่า เผื่อพราวเบื่อทำงาน จะได้เอามาใช้ที่สวน”
“อย่าหาเรื่องกลับมาทำสวนนะลูก มันเหนื่อยทำงานอยู่ในห้องแอร์นั่นแหละดีแล้ว”
“เอาล่ะๆเวลาอยู่บ้านก็ไม่ค่อยคุยกัน เวลาลูกจะกลับแล้วจะมาคุยยังไงกันแม่เนี้ย ไปได้แล้วลูกเดินทางปลอดภัยนะ ขับรถระมัดระวัง ถึงแล้วโทรบอกพ่อกับแม่ด้วย”
“ได้ค่ะพราวกลับก่อนนะคะพ่อแม่”หญิงสาวเข้าไปกอดพ่อกับแม่
“ขับรถดีๆล่ะนะลูก เนี้ยก็อีกคนมาก็มากันแป๊ปเดียวแทบจะไม่ได้คุยกันเลย แล้วก็รีบกลับ ทีหลังไม่ต้องมาก็ได้นะคุยกันผ่านโทรศัพท์ก็ได้”นางพจนีย์พูดขึ้นเหมือนจะน้อยใจลูก
“นี่คุณพูดดีๆหน่อย ลูกอุตสาห์มาหาก็พวกเขาทำงาน ไม่ได้อยู่ว่างเหมือนเรานี่”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อ พราวมีงานจริงๆค่ะแม่คราวหน้าจะมาอยู่หลายๆวันนะคะ”
“มาให้แม่กอดหน่อย ขับรถดีๆนะถึงแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะลูก”เหมือนคนเป็นแม่จะรู้สึกตัวรีบโอบกอดลูกสาวคนเล็ก
แค่นั้นพราวรัมภาก็น้ำตาซึมแล้ว เธอเข้าใจว่าพ่อกับแม่รักลูกทั้งสองคน แต่มันจะมีคนหนึ่งที่พ่อกับแม่รักมากซึ่งไม่ใช่เธอ แต่ถึงยังไงท่านก็เป็นผู้มีพระคุณเป็นผู้ให้กำเนิด
“เดี๋ยวพ่อจะเข้าสวนก่อนนะแม่ เที่ยงจะออกมากินข้าว”
“ตามสบายเถอะ นี่แม่ว่าจะออกไปที่ร้านกาแฟสักหน่อยปล่อยให้เด็กๆอยู่กันไม่รู้เป็นยังไงบ้าง”
“งั้นก็เจอกันเย็นเลยล่ะกันนะพ่อ”
สองสามีภรรยาแยกย้ายกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ หลังเกษียณแล้วนายภพก็มุ่งหน้าทำสวนปลูกผักไว้กิน เหลือก็ส่งตลาด
ส่วนนางพจนีย์เกษียณแล้วก็ว่าง นางเปิดร้านกาแฟแก้เหงา เอาไว้เป็นที่นัดพบเพื่อนครูที่เกษียณแล้ว อนาคตอาจจะให้ลูกรับช่วงต่อ แต่ดูแล้วว่าไม่น่าจะมีลูกคนไหนกลับมา
สองสามีภรรยาไม่ใช่คนยากไร้อะไร มีที่ดินในตลาดให้เช่า มีห้องแถวในอำเภอเมืองให้เช่า ที่ดินในตลาด แบ่งเปิดร้านกาแฟแก้เหงา ก็ยังเหลือพื้นที่อีกมาก ปล่อยให้ว่างไว้รอลูกกลับมาอยู่มาพัฒนา แต่อาจจะต้องใช้เวลาเพราะลูกสาวทั้งสองคนไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านเลย