พราวรัมภาออกเดินทางจากบ้านสวนไม่เท่าไหร่ ประมาณห้าสิบกิโลเมตร ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ ไม่ปลอดภัยสำหรับรถเล็กแบบของเธอ พราวเลือกที่จะแวะที่ปั้มน้ำมัน เพื่อคลุมผ้าใบกันฝนท้ายกระบะ เรียบร้อยแล้วฝนก็ยังไม่หยุดตกหญิงสาววิ่งเข้าไปที่ร้านกาแฟดังที่อยู่ภายในปั้ม เห็นทีว่าเธอคงต้องติดอยู่ที่ปั้มนี้นานซะแล้ว เสียงโทรศัพท์เตือนระหว่างที่นั่งรอกาแฟ
“คะพี่พลอย มีอะไรหรือเปล่า พราวยังไม่ถึงกรุงเทพฯเลยค่ะ ติดฝน”
“พราว พี่อยากให้พราวมาเที่ยว มาไหม มันสวยมากโรแมนติกสุดๆพี่อยากให้พราวมาเดี๋ยวพี่ออกค่าตั๋วให้”
“พี่พลอย ถ้าแบบนั้นพราวต้องลางานเพิ่มนะคะ”
“ลาที่ไหนอย่ามาพูดโกหก เราก็รู้กันอยู่ว่ามีวันหยุดอีกสองวัน มาเถอะถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่บอกพี่ด้วย พี่จองตั๋วเครื่องบินให้แล้วพรุ่งนี้เช้าขึ้นที่สุวรรณภูมิ แค่นี้นะ เดี๋ยวรายละเอียดพี่ส่งให้คืนนี้ ไม่ต้องคิดมาก”
“พี่พลอย อะไรของเขาเนี้ย”พราวรัมภามิอาจปฏิเสธพี่สาวได้ เพราะหลังจากวางสาย พลอยไพลินก็ส่งสลิปการโอนเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้เธอ "ไหนบอกว่าจะส่งให้คืนนี้" แสดงว่าพี่สาวเธอซื้อตั๋วแล้วถึงโทรบอกเธอทีหลัง ก็คงอยากจะให้เธอไปมากนั่นแหละ
พอดีกับที่พนักงานร้านกาแฟเรียกเมื่อถึงคิวของเธอแล้ว พราวรัมภารับกาแฟจ่ายเงินเดินกลับมาที่เดิม คิดว่าคงต้องนั่งต่อ เพราะข้างนอกฝนยังไม่หยุดตก หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆร้านกาแฟ คนเยอะแยะเพราะมาหลบฝน ไม่ค่อยพอใจนักกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ผู้ชายตัวสูงผิวสีแทนหุ่นเหมือนนักกีฬานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวที่เธอนั่ง และที่สำคัญกระเป๋าของเธอก็วางอยู่ตรงนั้นด้วย ถุงขนมนั่นอีก
“คุณคะขอโทษนะคะ ตรงนี้ที่นั่งของฉัน”
“อะไรบอกว่าเป็นที่นั่งของคุณ นี่ร้านกาแฟนะครับ”เสียงดังแม้พูดปกติออกแนวกวนๆถามกลับมา
“รู้ค่ะว่าที่นี่เป็นร้านกาแฟ คุณไม่เห็นเหรอคะว่ามีกระเป๋าวางอยู่” พราวรัมภาเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“ก็คุณนั่งมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ แบ่งให้คนอื่นนั่งบ้าง”
พราวรัมภาหยิบกระเป๋าและถุงขนมของตัวเองออกมาจากโต๊ะ คิดในใจอยากนั่งก็นั่งไปเถอะ ดีที่เธอจอดรถไว้หน้าร้านกาแฟพอดี ฝนเริ่มซาแล้ว หญิงสาวตัดสินใจออกเดินทางต่อ ถ้าเธอหันกลับมามองข้างหลังสักนิด จะเห็นว่าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หุ่นเหมือนนักกีฬาหน้าตาไทยแท้ผิวเข้ม มองตามหลังเธอจนกระทั่งขึ้นรถและขับออกไปจากปั้มน้ำมัน ท่ามกลางฝนที่เริ่มตกลงมาอย่างหนักอีกครั้ง
พราวรัมภานึกโมโหผู้ชายในร้านกาแฟ เธอเป็นคนนิ่งๆไม่อยากมีเรื่องกับใคร และเขาเป็นผู้ชายด้วย คนในร้านกาแฟก็เยอะ ก็จริงอย่างที่เขาว่าเธอนั่งนานแล้ว ก็แบ่งคนอื่นนั่งบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก ร้านกาแฟก็ไม่ใช่ของเธอ จริงอย่างที่เขาว่า คิดได้แบบนี้ก็ทำให้เธอสบายใจ แต่แค่ติดใจกับท่าทางและคำพูดที่กวนของผู้ชายคนนั้นมากกว่า
พราวรัมภาค่อยๆขับรถของตัวเองเรียกว่าต้อง ต้องขับอย่างระมัดระวังอย่างมาก เพราะรถกะบะของเธอไม่เหมาะที่จะเดินทางไกล เบาะคนขับก็ปรับไม่ได้ เกียร์ก็ยังเป็นเกียร์ธรรมดา กระจกข้างยังต้องใช้มือปรับ สรุปว่ารถของเธอเหมาะที่จะวิ่งใกล้ๆ คนส่วนให้ใช้ทำเป็นรถกาแฟ รถส่งของ แต่เพราะความชอบของเธออะไรก็ดี เพราะซื้อมาแล้วนี่
“เฮ้ย.....”พราวรัมภาค่อยๆแตะเบรก เธอตกใจรถสิบแปดล้อที่วิ่งมาข้างๆวิ่งเร็วตกหลุมในช่วงที่มีน้ำขัง ทำให้น้ำกระเด็นมาใส่ด้านข้างรถของเธอและเป็นฝั่งคนขับ ทำให้รถของเธอไถลไปอยู่ข้างถนน ดีที่เธอค่อยๆแตะเบรก ไม่งั้นรถของเธอกต้องลอยแน่ เพราะส่วนกะบะเบามาก ใจสั่นยังไม่หาย ต้องตกใจซ้ำสองรถของพราวเลื่อนไปต่อด้านหน้าด้วยแรกกระแทกจากด้านหลัง
พราวพยายามตั้งสติสำรวจตัวเอง แรงกระแทกมาจากด้านหลังเธอหันไปมองผ่านกระจกหลัง ต้องยกมือปิดปาก เพราะความตกใจ ด้านหลังรถของเธอ เห็นแค่ส่วนหัวของรถที่ทิ่มเข้ามาชนท้ายกระบะรถของเธอก็รู้ว่าเป็นรถราคาแพงมาก ตกใจซ้ำอีก เมื่อข้างกระจกฝั่งคนขับมีคนมาเคาะกระจกแรง แถมกระชากประตูให้เธอเปิด
“นี่เธอขับรถแบบไหนกัน เบรกกะทันหันได้ยังไง ไม่มองหรือไงว่ามีรถตามหลังมา”
พราวรัมภาพยายามตั้งสติ เพ่งมองคนที่พยายามเคาะและดึงประตูของรถของเธอให้เปิด ตาเธอไม่ฝาดหรอก อีตาคนที่เธอเจอเขาที่ร้านกาแฟเมื่อสักครู่ คิดดูเอาเถอะขนาดเธอนั่งอยู่ในรถ ฝนก็ตกแรงขนาดนี้เสียงของเขาดังขนาดไหน เธอได้ยินชัดเจน
“พอแล้วคุณไม่ต้องเคาะแล้ว”พราวเปิดประตูและตะโกนออกไปเสียงดัง
“นี่เธอเองเหรอ ขับรถยังไงเบรกกะทันหัน เห็นไหมว่ารถฉันพังหมดแล้วเนี้ย”ไม่ใช่เสียงดังอย่างเดียวท่าทางเขาน่ากลัวมาก ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำซ้ำลงมาอีกครั้ง
“นี่เธอจะเอายังไง เขาตะโกนท่านกลางสายฝน เมื่อเห็นว่าพราวรัมภาเดินวนไปรอบๆรถตัวเองด้วยท่าทางที่นิ่งมาก
“แล้วแต่คุณเลยค่ะ จะเอายังไงก็เอา”พราวตะโกนกลับไป เธอกลับไปที่รถเปิดประตูขึ้นไปนั่งที่คนขับ แป๊ปเดียวประตูฝั่งข้างคนขับก็ถูกผู้ชายคนนั้นกระชากเปิดออก แต่เมื่อเขาเห็นว่าข้าวของต่างๆวางกองเต็มไปหมดก็กระแทกประตูปิดเหมือนเดิม กลับไปเดินวนไปวนมาดูรถของตัวเอง
พราวนั่งนิ่งมองผ่านกระจกหลังรถไปที่ชายคนนั้นเขาเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ หญิงสาวถอนหายใจเขาคงโทรหาประกัน ดูแล้วรถเธอไม่ได้เสียหายอะไรกระบะฉีกนิดหน่อย เอาจริงๆรถรุ่นนี้แข็งดี แต่ของอีกฝ่ายแน่ล่ะเพราะรถเขาราคาแพง เท่าที่เห็นสีถลอกอย่างอื่นเธอไม่เห็นว่าจะมีร่องรอยอะไรเลย แต่เจ้าของรถโมโหมาก
ใจยังไม่หายเต้นดี ก็ต้องตกใจอีกรอบ ประตูฝั่งคนขับถูกเคาะอย่างแรงอีกครั้ง ดีที่เธอล็อค เขาโวยวายฟังไม่ออกหรอกว่าพูดอะไร ขยันพูดซะจริงทั้งที่รู้ว่าฝนตก จนเธอต้องปลดล็อคประตูออก แค่นั้นแหละแขนของเธอก็ถูกเขากระชากลากออกจากรถ
“อะไรของคุณเนี้ย บอกดีๆก็ได้ฉันก็ไม่ได้หนีไปไหนสักหน่อย ฉันเจ็บนะใจเย็นๆหน่อยได้ไหม”ผู้ชายตัวใหญ่ผลักเธอให้เข้ามานั่งในรถของเขาฝั่งด้านข้างคนขับ ปิดประตูกระแทกเสียงดัง ส่วนตัวเขาเข้ามานั่งฝั่งคนขับ ทั้งสองตัวเปียกโชก
“นี่รถผมเสียหายนะ จะให้ใจเย็นได้ยังไง รถผมแพงนะไม่เหมือนรถคุณนี่”
“ใจเย็นๆค่ะตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้ ถ้าฉันผิดฉันยอมรับผิดทุกอย่าง ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเสียหายเป็นเงินมากขนาดไหน แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งมาเถียงกันเลยค่ะ คุณเรียกประกันเถอะ หรือจะเอายังไงก็เอา มัวแต่มาเถียงกันมันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”พราวรัมภาใช้แขนเสื้อยีนต์ของเธอเช็ดหน้าและลูบๆไปที่ผมเปียกไปหมดทั้งตัว
“ฉันขอใช้ทิชชู่คุณได้ไหมคะ”ถามเขาไปอย่างนั้นแหละรู้หรอกว่าเขาไม่อยากให้เธอยุ่งกับของในรถของเขา ไม่ทันขาดคำกล่องทิชชู่ก็ถูกโยนมาที่ตักของเธอ พราวถอนหายใจกับกิริยาของชายเจ้าของรถ เขากับเธอน่าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน เพิ่งมีเรื่องกันที่ร้านกาแฟมาหยกๆต้องมาเจอกันอีกแรงกว่าแย่งที่กันในร้านกาแฟซะอีก
“เอายังไงคะ นี่คุณจะรอจนกว่าฝนหยุดหรือยังไงถึงจะตามประกัน ฉันเริ่มหนาวแล้วนะคะ จะได้แยกย้ายกัน”
เงียบไม่มีสัญญาณตอบรับ พราวใช้ทิชชูเช็ดตามเบาะรถของเราที่เปียก รวมถึงเช็ดตามหน้าตามลำคอตามแขนของตัวเอง
“เงียบๆไปเลย ผมต้องใช้ความคิด”
“ก็คุณคิดนานเกิน เนี้ยเบอร์ประกันก็มีก็โทรซิคะ เราจะได้ตกลงกัน”
“บอกให้เงียบไง”
“นี่คุณ จะคิดอะไรนานนัก ถ้าคุณไม่โทรฉันไม่รอแล้วนะ ขืนอยู่แบบนี้เป็นปอดบวมป่วยแน่ๆ”พราวมองหากระดาษและปากกาในรถของชายหนุ่ม แล้วเขียนชื่อและเบอร์โทรวางไว้ให้เขา เปิดประตูรถลงไปที่รถของตัวเองอย่างรวดเร็ว สตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากที่ตรงนั้นทันที โดยที่คนบนรถไม่ทันได้ตั้งตัว
“นั่งไปเถอะอยู่ในรถนั่นแหละตัดสินใจยากนัก”
พราวรัมภาขับรถถึงคอนโดอย่างปลอดภัย เกือบสี่โมงเย็น สรุปว่าเกือบทั้งวันเธอเจอเรื่องราวที่เรียกว่าทำให้ปวดหัวหนักมาก สำรวจรถของตัวเองแล้วไม่มีอะไรเสียหาย ท้ายกระบะบุบนิดหน่อย ช่างมันเถอะเดี๋ยวค่อยเอาไปซ่อม
พราวรีบเข้าห้องพัก เพิ่งสังเกตว่าตัวเองมีแผลที่หน้าผากแตกนิดหน่อย เธอรีบอาบน้ำสระผม รู้สึกเจ็บที่หน้าผากทำแผลเองง่ายใช้พลาสเตอร์ปิด อุ่นกับข้าวที่แม่เตรียมมาให้กิน เตรียมกระเป๋า พรุ่งนี้เช้าเธอต้องทางไปหาพี่สาว ไม่ลืมที่จะชาร์ตโทรศัทพ์และเปิดเครื่องไว้ เผื่อผู้ชายคนนั้นโทรมา เธอรอฟังข่าวว่าเขาจะเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่ หรือเขาจะเคลมประกัน น่าจะอย่างแรกมากกว่า หน้าตาและท่าทางของเขาดูหน้าเลือดจริงๆท่าทางที่เอาแต่ใจไม่ยอมใครของเขาทำให้เธอไม่อยากมีเรื่องกับเขา
สามทุ่มป่านนี้เขาคงจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รอดูว่าเขาจะเอายังไงต่อไป ไม่มีสายเข้าพราวเตรียมตัวเข้านอนและเธอก็หลับยาวจนเช้า ตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกของตัวเอง
“พราวตื่นหรือยัง เตรียมกระเป๋าหรือยัง”พลอยถามเร็วตามนิสัยที่เป็นคนเร็วคล่องแคล่ว เธอมองว่าน้องสาวเป็นคนช้าและไม่ค่อยทันคน นี่เป็นสาเหตุที่ไม่กล้าปล่อยน้องให้อยู่คอนโดคนเดียว ถ้าเป็นไปได้ พลอยมักพกน้องไปไหนมาไหนด้วยเสมอ
“กำลังจะออกไปที่สนามบินค่ะพลอย ไม่ต้องห่วงนะคะ”
“แล้วนั่นเป็นอะไรที่หน้าผาก ทำไมปิดพลาสเตอร์”
“เรื่องยาวค่ะพี่พลอย เดี๋ยวถึงแล้วพราวเล่าให้ฟัง”
“ไม่เอาเล่าตอนนี้เลยเรียกแท็กซี่ไม่ใช่เหรอ”
“เมื่อวาน เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะฝนตกถูกรถชนท้าย”
“แล้วไงต่อเล่าเร็ว”
“พราวไม่ได้อยู่ค่ะเพราะฝนตกแรงมาก เขียนเบอร์โทรให้เขา ให้เรียกประกันก็ไม่เรียก ไม่ทำอะไรสักอย่างพราวเลยกลับมาคอนโดก่อนค่ะ นี่เขายังไม่โทรมาเลย”
“ช่างเขา ถ้าเขานึกได้เขาคงติดต่อกลับมา”
หลังจากนั้นเธอก็ชวนน้องสาวคุยตลอดทางกระทั่งพราวถึงสนามบิน
วันนี้พราวเลือกใส่ชุดเดรสผ้าฝ้ายแขนสั้นคอวียาวถึงตาตุ่ม สะพายเป้แบบทางเหนือ ผ้าพันคอผ้าฝ้ายเผื่อบนเครื่องอากาศเย็น กระเป๋าเดินทางใบย่อมอีกหนึ่งใบ อีกสามสิบนาทีจะได้เวลาเดินทาง พราวเลือกที่จะหาข้าวกินเธอยังไม่ได้กินข้าวเช้า
เป็นเรื่องปกติเมื่อเวลาที่เธอเดินทางไปไหนมาไหน มักมีคนจ้องมอง หญิงสาวยอมรับว่าตัวเองไม่ได้ขี้เหร่ ความที่สูงถึงร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตร เรียกว่าเป็นคนหุ่นดีเลยทีเดียว อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก ผมยาวกลางหลัง ตาโตคิ้วเข้มธรรมชาติ จมูกโด่งธรรมชาติ ฟันเรียงสวย เสียอย่างเดียวหน้าไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ และไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้าง เพราะเธอรู้ว่าเมื่อเธอกวาดสายตามองรอบข้าง จะต้องเจอกับสายตาของคนรอบข้างที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว
หญิงสาวขยับตัวเมื่อรู้สึกว่ามีคนวางจานอาหารลงตรงข้ามกับเธอ หญิงสาวไม่ได้สนใจอะไร ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไปเรื่อยๆเธอต้องรีบทำเวลา เหลือแค่อีกไม่กี่นาทีเครื่องก็จะออกแล้ว