[ มัดหมี่ ]
“ผีมีจริงเหรอเนี่ย!” ฉันร้องด้วยความตื่นเต้นปนตกใจ เมื่อตื่นเช้ามาแล้วพบว่าโครงงานที่ทำค้างไว้เมื่อคืนนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีทั้งไฟล์สำหรับเตรียมพรีเซนส์และรูปเล่มเอกสารสำหรับส่งอาจารย์
“แบบนี้ต้องไปทำบุญให้สินะ โคตรเจ๋งอะมีผีเจ้าที่ทำงานให้” คิดได้แบบนั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปใส่บาตรหน้าบ้านก่อนจะรีบไปเรียน
@มหาวิทยาลัยXXX
“วันนี้แกดูมีชีวิตชีวาดีนะ ได้ข่าวว่าทำโครงงานเสร็จแล้วนี่นา แกไม่ง่วงเหรอ ฉันแทบไม่อยากมาเรียนเลย งานก็ไม่เสร็จด้วย” ยัยเพื่อนซี้ถามขณะที่เดินขึ้นตึกเรียนพร้อมกัน ฉันไม่ได้ตอบแต่ฉีกยิ้มให้เพื่อนรักจนนางเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้
การเรียนวันนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนกับทุกวัน เรียนอะไรไปก็ไม่เข้าหัวเลยสักอย่างแต่ก็ยังหน้าด้านที่จะเรียนต่อ
“เลิกเรียนไปกินหมูกระทะกันนะแก” ยัยนาวหันมาบอกขณะเดินลงจากตึกคณะไปด้วยกัน
“อื้มไปสิ ไม่ได้กินนานแล้วเหมือนกัน”
“โอเค”
เวลาต่อมา...
“นี่แกเดินเข้าบ้านไหวไหมเนี่ยยัยหมี่” เสียงดุ ๆ ของยัยนาวตะโกนตามหลังฉันมาเมื่อถอยรถมาจอดหน้ารั้วบ้านของฉัน
“ไหวสิ แต่ถ้าไม่ไหวแกจะเข้าไปส่งฉันในบ้านไหมล่ะ” ฉันตอบเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงหย่อนยาน เพราะรู้ดีว่าในเวลากลางคืนแบบนี้นางคงไม่กล้าเดินเข้าไปในบ้านฉัน หรือแม้แต่ช่วงกลางวันเองนางก็ยังไม่เคยแวะมาหาฉันเลยสักครั้งแม้ว่าบ้านจะอยู่ข้างกัน เหตุผลก็เพราะนางกลัวผีน่ะสิ
“เออ ๆ แกก็เดินเข้าบ้านดี ๆ แล้วกัน วันหลังกินแค่หมูกระทะพอนะไม่ต้องดื่มเหล้าเลย” เสียงเพื่อนรักบ่นออกมาจากในรถก่อนจะถอยรถกลับเข้าบ้านนางไป
ฉันได้แต่โบกไม้โบกมือให้ก่อนจะเดินโซซัดโซเซกลับเข้ามาในบ้านด้วยสภาพที่ไม่ค่อยจะดีนัก
“เอิ๊ก! ไม่น่าดื่มเยอะเลย”
ตุบ!
ขาทั้งสองข้างทรุดลงกับพื้นทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในบ้าน อยากจะก้าวเข้าไปนอนบนโซฟาตรงหน้าแต่ก็เดินไม่ไหว ได้แต่ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลามองเพดานสีขาวตาเยิ้มอยู่หน้าประตูแบบนั้น
‘มานอนอะไรตรงนี้?'’ เสียงแว่วของใครบางคนดังขึ้น
ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าในบ้านมีผีจริง แต่แปลกที่ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด อาจเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนที่ไม่ร้ายแรงอะไร ไหนจะโครงงานของฉันที่ทำเสร็จสรรพโดยฝีมือของผี ทำให้ฉันรู้ว่าเขามาดีและไม่มีพิษภัยอะไร
‘ทำไมไม่ปิดประตูบ้านเดี๋ยวโจรก็เข้ามาหรอก’ น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะมีเสียงถอนหายใจพรืดใหญ่ตามมาราวกับว่ากำลังเบื่อหน่าย
“ช่วยไปปิดให้หน่อย ฉันเดินไม่ไหว” ถึงจะไม่เห็นตัวแต่ได้ยินแค่เสียงก็ไม่ได้หวาดกลัวเขาคนนั้น กลับรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่ไว้ใจได้เสียด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะเราอยู่บ้านหลังเดียวกันก็ได้มั้ง
‘ไม่คิดจะกลัวกันเลยหรือไง เธอเห็นฉันเป็นผีไหมเนี่ย’
“ปิดประตูแล้วช่วยพยุงฉันกลับห้องนอนด้วยนะ” ฉันไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่กลับพูดแกมขอร้องก่อนจะหลับตาลง
ไม่นานนักความรู้สึกเหมือนร่างของฉันลอยขึ้นกลางอากาศโดยมีกลิ่นหอม ๆ โชยมาแตะจมูกก็ทำให้ต้องปรือตาขึ้น ภาพที่เห็นนั้นเกินความคาดหมายไปมาก ใบหน้าหล่อเหลาของชายร่างสูงใหญ่อายุประมาณสามสิบต้น ๆ หรืออาจจะน้อยกว่านั้นกำลังอุ้มฉันกลับห้อง แถมเขายังเตะต้องตัวฉันได้ราวกับว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
“เป็นผีเจ้าที่เหรอ ทำไมหล่อจัง”
“...”
“เป็นอะไรตายอะ แล้วทำยังไงถึงได้มาเป็นผีเจ้าที่”
“เงียบหน่อยได้ไหม” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาดุฉันก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปจดจ้องขั้นบันไดตามเดิม วินาทีที่ดวงตาคมกริบนั้นมองมาทำให้หัวใจดวงน้อยที่เต้นอยู่ในอกนั้นสั่นไหวราวกับเจอคนที่ถูกใจ
“นายแตะต้องตัวฉันได้แถมยังมีร่างที่จับต้องได้เหมือนคนปกติด้วยเหรอ” ฉันถามอย่างสนใจเมื่อคนตรงหน้าค่อย ๆ วางฉันลงบนเตียงหลังจากพาฉันเข้ามาในห้องนอนแล้ว ภาพตรงหน้าที่เห็นอยู่ตอนนี้ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง “นึกว่าผีเจ้าที่จะใส่โจงกระเบนซะอีก ใส่สูทเหมือนยมทูตในซีรีส์เกาหลีเลยแฮะ”
“เมื่อไหร่จะออกไปจากบ้านหลังนี้” คนตรงหน้าถาม
“ออกแล้วจะไปอยู่ไหนล่ะ”
“เรื่องของเธอ”
“ทำไมฉันจะอยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้ในเมื่อฉันเป็นคนจ่ายค่าเช่า นายอยู่แต่ไม่เคยจ่ายค่าเช่าแถมยังไม่เคยทำความสะอาดบ้านอีก” ฉันมองคนตรงหน้าด้วยท่าทางไม่ชอบใจนัก “หวยก็ไม่เคยบอกแล้วยังมาบอกว่าให้ย้ายออกไปอีก งี่เง่า!”
“ถ้าจะอยู่ที่นี่ต่อก็อย่าแก้ผ้าเดินไปเดินมาในห้อง เห็นแล้วอุจาดตา อย่าทำเสียงดังแล้วก็อย่าพาคนนอกเข้ามาด้วย รำคาญ” น้ำเสียงดุ ๆ ของคนตรงหน้าทำให้ฉันสร่างเมา ก่อนจะตวัดสายตาดุ ๆ กลับไปให้เมื่อคำพูดของเขาคล้ายกับว่ากำลังออกคำสั่ง
“แล้วใครใช้ให้มองล่ะ นี่เป็นห้องส่วนตัวนะ ฉันจะทำอะไรก็ได้” ฉันเถียงกลับ “แล้วก็อย่ามองสิ”
“ถ้าอยากแก้ผ้านอนเหมือนเดิมก็ออกไปอยู่ที่อื่น”
“ไม่!”
“อยากเจอดีหรือไง วันต่อไปฉันจะไม่เตือนแล้วนะ”
“ทำไม? เห็นฉันแก้ผ้าแล้วอดใจไม่ไหวเหรอถึงต้องมาบอกให้ย้ายออก หรือว่าเมียนายหึงที่เห็นคนอาศัยเป็นสาวสวยมาแก้ผ้าเดินในบ้าน?”
“ฉันไม่มีของไร้สาระแบบนั้นหรอก”
“ของไร้สาระที่ว่านั่นหมายถึงเมียเหรอ?”
“...”
“หูย เพราะแบบนี้ก็เลยหงุดหงิดใช่ไหมล่ะ ที่เห็นคนแก้ผ้าต่อหน้าแต่ปลดปล่อยกับใครไม่ได้เพราะกำพร้าเมีย”
“อย่ามาปากดี รีบเก็บของแล้วย้ายออกไปซะ ฉันไม่อยากทำร้ายเธอ”
พรึ่บ!
ฉันไม่ได้สนใจคำพูดของคนตรงหน้าหรืออีตาผีบ้านหรือผีเจ้าที่ แต่รีบปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกจนเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่า
“...” สายตาดุ ๆ ของคนตรงหน้ากับสีหน้าโกรธจัดของเขาที่จ้องมองมาทำให้ฉันพอใจที่ยั่วโมโหสำเร็จ ในเมื่อฉันเป็นคนจ่ายค่าเช่าบ้านหลังนี้ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่ต่อแล้วก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรในบ้านก็ได้
“เป็นอะไร? โกรธเหรอที่ฉันแก้ผ้าต่อหน้านาย?” ฉันเลิกคิ้วถามพลางยกยิ้มมุมปากไปด้วย
“อย่าท้าทายฉัน” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของคนตรงหน้าทำให้ฉันแสยะยิ้มร้ายออกมา อยากรู้เหมือนกันว่าผีเจ้าที่กับผู้อาศัยที่จ่ายค่าเช่าใครมันจะย้ายออกไปก่อนกัน
“ทำไม? นายจะเอาชีวิตฉันเหรอ”
“ฉันไม่ฆ่าคน”
“แล้วนายจะทำอะไรฉัน” ฉันกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อรู้ว่าเขาทำอะไรร้ายแรงแบบนั้นไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คนตรงหน้า ถึงในใจจะมีความกลัวแทรกซึมอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากไปกว่าความกล้าและความบ้าที่ฉันมีอยู่ในตอนนี้
ปัก!
“อย่ามาแตะตัวฉัน” เจ้าของเสียงทุ้มปัดมือฉันออกเมื่อถูกนิ้วเรียวกรีดกรายกรอบหน้าหล่อเหลาไปมาเบา ๆ
“ทำไม? นายอดใจไม่ไหวเหรอ?”
“ออกไปซะไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”