“พ่อครับผมเองครับ”
“ตาต่อหรอ เข้ามาเลยลูก” บิดาของชายหนุ่มถามออกไปน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อคนเป็นพ่ออนุญาตชายหนุ่มจึงเข้ามาหาท่านพร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับพ่อ”
“พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกลูกพอดีเลย”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ลูกรู้สถานการณ์บริษัทของเราดีแล้วใช่ไหม”
“ครับผมพยายามหาแหล่งเงินทุนให้พ่ออยู่ครับ”
“พ่อมีแหล่งเงินทุนที่ง่ายมาก”
“ที่ไหนกันครับพ่อ”
“พ่อของหนูตาหวานไงลูก”
“หมายความว่ายังไงครับพ่อ” ชายหนุ่มถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็หมายความว่าลูกต้องแต่งงานกับหนูตาหวานไงลูก”
“แต่งงาน?” ชายหนุ่มรู้สึกอึ้ง ได้แต่ถามกลับไป
“ถ้ายังไม่อยากแต่งงานฝ่ายนั้นเขาเสนอมาว่าให้หมั้นก่อนก็ได้นะลูกเพราะหนูตาหวานเองก็ยังไม่ได้อยากจะรีบแต่งเร็วๆนี้ เห็นว่าแกจะไปเรียนภาษาต่อที่ต่างประเทศ”
“ครับเรื่องนั้นผมทราบแล้ว”
“แล้วลูกจะตัดสินใจยังไงล่ะ”
“ผมขอเวลาคิดทบทวนก่อนนะครับพ่อ” ชายหนุ่มอยากจะขอเวลาคิดทบทวนเรื่องนี้ให้ดีอีกสักหน่อย รับรองว่าไม่นานเกินไปแน่
“ได้สิพ่อจะให้เวลาลูกคิดทบทวน”
“ขอบคุณครับพ่อ” ชายหนุ่มตรงกลับคอนโดทันที ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วหญิงสาวกำลังนอนหลับตาพริ้มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากลับมาแล้ว
“นอนน้ำลายยืดอีกแล้วนะ” เขาบ่นหญิงสาวข้างกายยิ้มๆ เวลานอนหลับเวลาเดียวเท่านั้นที่เธอจะเหมือนกับเด็กๆ เช้าวันต่อมาข่าวการหมั้นหมายระหว่างทายาทของสองตระกูลดังเป็นข่าวดังในสังคมออนไลน์มากๆเพราะนี่ถือเป็นการรวมตัวของบริษัทใหญ่ยักษ์เข้าไว้ด้วยกัน ปาริมาตื่นแต่เช้ารู้สึกมึนหัวอยากจะนอนต่อเท่าไรก็ทำไมได้เพราะเธอต้องไปทำงาน เธอจึงฝืนร่างกายลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวแล้วตรงไปทำงานทันที
“สวัสดีค่ะพี่ส้ม ทำไมทำหน้าแบบนั้นละคะ”
“พี่อกหักค่ะ”
“อกหักอะไรกันคะ” หญิงสาวถามกลับด้วยความสงสัย
“ก็คุณธนพลลูกชายของท่านประธานกำลังจะหมั้นกับแฟนสาวของเขานี่คะพี่ถึงได้อกหักทิพย์อยู่อย่างนี้ ฮืออ พี่เสียดายเขาอ่ะน้องข้าวคิดดูสิคะคนอะไรทั้งหล่อทั้งรวย” หลังจากจบประโยคของหัวหน้าหญิงสาวก็รู้สึกหน้ามืดตาลายจนต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ใบหน้าของเธอซีดเผือดอาการที่เป็นอยู่ก่อนแล้วยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
“ต๊าย ตายทำไมหน้าซีดขนาดนั้นละคะ ไม่ได้การแล้วพี่ต้องพาหนูไปหาหมอ” ส้มบอกออกไปน้ำเสียงเป็นกังวล
“อะ เอ่อพี่ส้มคะ”
“ไม่ต้องเกรงใจนะคะยังไงพี่ก็เต็มใจจะดูแลน้องข้าวค่ะ ไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”
“ก็ได้ค่ะ” เพราะความห่วงใยที่ฉายชัดในแววตาของหัวหน้าสาวทำให้เธอทำได้เพียงแค่ตอบตกลง เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ได้รับการตรวจหลายอย่างเพราะอาการเธอไม่ค่อยจะดีใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
“คุณปาริมารอสักครูนะคะถ้าผลตรวจเลือดออกแล้วพยาบาลจะมาตามคุณเข้าห้องตรวจค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอให้น้องข้าวไม่เป็นอะไรมากนะจ๊ะ”
“ค่ะพี่ส้ม ข้าวก็ขอให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
“เชิญคุณปาริมาที่ห้องตรวจหมายเลขสามค่ะ”
“คุณหมอเรียกแล้วค่ะพี่ส้ม”
“ป่ะๆไปกัน” ส้มช่วยประคองหญิงสาวเข้าไปในห้องตรวจ
“สวัสดีค่ะคุณหมอ” หญิงสาวยกมือไหว้คุณหมออย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณปาริมา”
“น้องสาวดิฉันเป็นไงบ้างคะคุณหมอ”
“คนไข้แค่อ่อนเพลียน่ะค่ะ ต่อไปนี้หมออยากให้พักผ่อนเยอะๆหน่อยนะคะ หมอไม่อยากให้กระทบกับทารกน้อยในครรภ์ค่ะ”
“ทะ ทารกหรอคะ”
“นี่คุณปาริมายังไม่ทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์หรอคะ”
“ยังเลยค่ะคุณหมอ” หญิงสาวตอบกลับเสียงอ่อน ต้องโทษที่เธอไม่ได้สังเกตอาการผิดปกติของตนเองเลยในช่วงที่ผ่านมา
“ถ้าอย่างนั้นหมอขอแสดงความยินดีด้วยนะคะคุณปาริมากำลังตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์แล้วค่ะ” คงจะเป็นช่วงก่อนที่เขาจะหายไปสินะ ตอนนั้นเธอว่าจะไปซื้อยาแต่ก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย
“ค่ะ”
“ฝากท้องเลยไหมคะหรือว่าจะรอคุณพ่อก่อน”
“ฝากเลยค่ะคุณหมอ”
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงให้ด้วยนะคะ”
“ค่ะคุณหมอ” เมื่อออกมาจากโรงพยายาลรุ่นพี่สาวก็ให้หญิงสาวลางานช่วงบ่ายทันทีและพาเธอมาส่งที่คอนโดหรูตามพิกัดทีหญิงสาวบอก