บทที่ 6
แน่นอนว่าหลังจากนางสมอ้างตามน้ำตามคำพูดหวงจิงอวี๋ หลงเหยียนก็ถูกต้อนรับเป็นอย่างดี
“ตอนนี้มีเพียงแค่เสื้อผ้าของข้ารบกวนเทพธิดาใส่ไปก่อนจะได้หรือไม่ หากถึงเมืองเมื่อใดท่านจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี”
หลงเหยียนรู้สึกว่าตัวเองหลอกชายหนุ่มตรงหน้านี่เธอก็เป็นแค่คนธรรมดา แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าเธอเป็นเทพธิดาไปซะได้
“เรียกเราหลงเหยียนก็พอ” หญิงสาวบอกออกไปด้วยรอยยิ้ม และนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มต้องก้มหน้าหลบสายตา
“ได้หลงเหยียน”
หวงจิงอวี๋ใช้เวลาคิดสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว “ท่านรู้เรื่องทั้งหมดใช่หรือไม่ ข้าหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและคำสาป ท่านรู้มากแค่ไหนกัน”
หลงเหยียนพยักหน้า “รู้อยู่บ้างเท่าที่หยูอิงและหย่งเล่อเล่าให้ฟัง และยังเห็นภาพคืนนั้นที่พวกเขาจากไป แต่เรื่องพิธีที่สามีของหยูอิงทำนั้นเราไม่เห็น” หลงเหยียนบอกออกไปตามตรง และแม้หญิงสาวจะไม่ได้อวดอ้างอะไร แต่การพูดแบบนั้นก็ยิ่งทำให้หวงจิงอวี๋เชื่อว่าหญิงสาวไม่ใช่คนของดินแดนมนุษย์และไม่ใช่คนจริง ๆ
ส่วนทางหลงเหลียนที่พูดออกไปแบบนั้นก็เพราะเธอเห็นภาพจากมุมมองของคนที่จากไปแล้วอย่างหยูอิงทั้งเรื่องตอนที่กำลังจะจากไปและหลังจากนั้นบางส่วน เพราะหลังจากหยูอิงและหย่งเล่อจากไปหญิงสาวก็เห็นเป็นแค่ภาพตัดไปตัดมาเท่านั้น เรียบเรียงแทบไม่รู้เรื่อง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่หญิงสาวมั่นใจว่าจะต้องทำตามคำบอกของคนทั้งสองเพื่อแก้คำสาป นั่นก็คือคัมภีร์ที่เธอเจอก่อนหน้านี้และเพิ่งถูกว่านหนิงเพื่อนสนิทแย่งผลงานไป แต่ตอนนี้หลงเหยียนไม่สนใจแล้วเรื่องตรงหน้านี่ทำให้เธออยากรู้แล้วก็สนใจมากกว่า คัมภีร์เก่า ๆ ขาด ๆ อ่านแทบไม่ออก หรือจะมาสู้สถานที่จริง ไม่แน่การถูกวิญญาณของหยูอิงนำพาย้อนมาในช่วงเวลาที่นางได้จากไปแล้วเธออาจจะได้พบกับคัมภีร์ที่เพิ่งเขียน พูดเรื่องคัมภีร์โบราณที่ค้นพบก็อดที่จะนึกคนที่แอบอ้างเอาผลงานของเธอไปไม่ได้
และสิ่งที่ว่านหนิงไม่รู้ก็คือ อีกฝ่ายอยากยึดคัมภีร์นั้นเป็นผลงานตัวเองพร้อมกับของมากมาย แต่กลับแปลความหมายในนั้นไม่ออก และถึงแม้ว่าจะเป็นภาษาจีนเหมือนกัน แต่วิธีการที่เขียนก็ทำให้ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ต่างกับเธอที่เข้าใจอยู่บ้างเพราะได้เรียนรู้วิธีการเขียนของคนโบราณมาแล้ว
และในบรรดาของทั้งหมดสิ่งที่เธอได้มากลับกลายเป็นของสำคัญที่สุด แต่มีแค่สร้อยก็ไม่เพียงพอ
“ขอสร้อยนั่นคืนให้กับเราได้หรือไม่” เธอทวงถามสร้อยคอห้อยจี้ที่ถูกชายหนุ่มตรงหน้ายึดไป หลงเหยียนต้องการมันเพราะนี่อาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญในการแก้คำสาป มองเผิน ๆ ก็เหมือนกับสิ่งนี้เป็นเพียงแค่สร้อย แต่เพราะจิตใจที่ห่วงหาของหวงตี้ระหว่างที่ทำพิธีจึงทำให้วิญญาณของทั้งลูกและภรรยาติดอยู่ในสร้อยนี้และแม้จะผ่านไปหลายพันปีก็ยังคงอยู่จนได้มาเจอกับเธอ
หวงจิงอวี๋ยื่นให้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่สภาพของสร้อยในมือของหญิงสาวไม่เหมือนกับสร้อยที่อยู่กับเสด็จพี่ของเขาเลยแม้แต่นิด แม้จะเหมือนกันแต่มันเก่าเหมือนผ่านวันเวลามานานแล้ว ช่างน่าแปลกจริง ๆ
“ต้องทำอย่างไร” เมื่อความสงสัยมีมากจึงต้องเอ่ยถาม
ขณะเดียวกันคนที่ได้รับจดหมายจากน้องชายก็สงสัย “มีหนทางจะช่วยหยูอิงกับลูกของข้าอย่างนั้นหรือ” หวงตี้อ่านจดหมายของน้องชายของเขาอย่างหวงจิงอวี๋แล้วก็สงสัย ชายหนุ่มรู้ว่าตัวเองผิดที่ทำให้วิญญาณของลูกและเมียต้องติดอยู่กับเขาที่ยังไม่ตายไป
ตอนแรกการจากไปของภรรยาและลูกเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุด หวงตี้ยังจำได้ว่าเขาฆ่าทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว และใช้ชีวิตลูก ๆ หลาน ๆ และคนในตระกูลของพวกมันทำพิธีสังเวยเพื่อจะยื้อวิญญาณของหยูอิงและหย่งเล่อเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้ แต่เขาลืมไปว่าไม่มีทางที่จะทำให้คนฟื้นคืนกลับมาได้ แต่เพราะคัมภีร์โบราณนั่นและการสังเวยวิญญาณของเหล่าเครื่องสังเวยทำให้ลูกและเมียเขายังอยู่ แต่กลับอยู่อย่างทรมาน
เป็นเพียงวิญญาณที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ต้องทนเห็นทุกเรื่องราวแต่ก็ไม่ได้บังคับทุกอย่างได้
หวงตี้ทิ้งตัวพิงที่พนักที่นั่งอย่างหมดแรง “เป็นข้าเองที่ผิดเองทุกอย่างหยูอิง หย่งเล่อ” ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งยืนอยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าตอนนี้กลับกำลังร้องไห้กับตัวเอง หนทางข้างหน้าไม่มีอะไรสักอย่างที่จะเชื่อถือได้
และหากคำของน้องชายเขาเป็นอย่างนั้นจริง เขาเองก็อยากจะลองดูสักครั้ง ความทุกข์ทรมานของภรรยาและลูกจะได้จบลงสักที
หวงตี้ออกคำสั่งเตรียมสิ่งของที่น้องชายขอ รวมถึงการต้อนรับอีกฝ่ายกลับจากสงครามด้วย นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่ฮองเฮาและรัชทายาทจากไปที่มีงานรื่นเริง ทำให้ชาวเมืองแปลกใจเป็นอย่างมาก และก็ทำให้คนร้ายที่ยังแอบซ่อนอยู่แปลกใจและเริ่มกล้าที่จะขยับตัวอีกครั้งด้วย
เรือของหวงจิงอวี๋ถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย พร้อมกับคนต้อนรับมากมาย แต่ชายหนุ่มกลับใช้ผ้าปิดบังหญิงสาวคนหนึ่งและอุ้มออกมาขึ้นม้าของตน
“นั่นใครน่ะที่ท่านอ๋องอุ้ม” เพราะคนในเมืองไม่ได้ถูกห้ามเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์แบบในกองทัพ พอกลับมาที่นี่ หวงจิงอวี๋ก็คืออ๋อง น้องชายของฮ่องเต้ที่จงรักภักดี
“เดี๋ยวกลับไปเปลี่ยนชุดและพักที่จวนของ(ข้า)ก่อน และพรุ่งนี้ค่อยเข้าเฝ้าเสด็จพี่ด้วยกัน” แม้จะใจร้อนอยากพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไรแต่ก็ควรจะจัดการทั้งหญิงสาวที่เขาอุ้มลงมาจากเรือและตัวเองให้ดูดีกว่านี้ก่อนจะไปพบท่านพี่ อย่างไรก็ส่งข่าวไปบอกเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนแล้ว ท่านพี่เองก็คงทำตามที่เขาว่าในเมืองถึงดูคึกคักเช่นนี้