บทที่ 9
องค์หญิงม่านหลินจึงจำต้องเก็บความไม่พอใจลงคอทำได้เพียงยืนมองสองหนุ่มสาวยืนเคียงคู่กัน
ม่านหลินเฝ้าดูอยู่จากมุมหนึ่งของท้องพระโรง สายตาจับจ้องไปที่หญิงสาวผู้ที่เดินเคียงข้างชายที่นางหลงรัก หวงจิงอวี๋และหญิงสาวผู้นั้นกำลังเดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหวงตี้ฮ่องเต้ หวงจิงอวี๋ยืนอยู่ข้างหญิงสาวผู้วิเศษอย่างเต็มใจ ภาพนั้นทำให้ม่านหลินรู้สึกเคียดแค้นอย่างยิ่ง แม้หวงตี้ฮ่องเต้จะไม่ได้กดนางให้ต้อยต่ำเยี่ยงตัวประกันผู้อื่น แต่การที่นางได้มายืนต้อนรับแม่ทัพและทหารที่กลับมาจากการชนะศึกที่ท้องพระโรงได้ ก็ถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ หาที่สุดมิได้แล้ว
หากม่านหลินแสดงกริยาใด ๆ ออกไปให้ขุ่นเคือง นางมิรู้ว่าตนเองที่อยู่ในฐานะที่ไม่แน่นอนจะเป็นเช่นไร แม้หวงตี้ฮ่องเต้จะให้นางอยู่เยี่ยงองค์หญิงพระองค์หนึ่งในวังหลังแห่งนี้ แต่ม่านหลินไม่ได้มีอำนาจอย่างที่ตำแหน่งของนางควรจะมี
องค์หญิงม่านหลินจึงจำต้องเก็บความไม่พอใจลงคอ ทำได้เพียงยืนมองสองหนุ่มสาวยืนเคียงคู่กัน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจนางยิ่งเพิ่มพูนเมื่อเห็นหวงจิงอวี๋มองหญิงสาวที่เขาเอ่ยว่านางคือเทพธิดาที่จะมาช่วยถอนคำสาปด้วยสายตาอบอุ่นและห่วงใย
หากตอนนี้นางอยู่ที่แค้วนซ่างเทพธิดาอะไรนี่คงถูกนางสั่งฆ่าไปแล้ว
บังอาจนัก!
เสียงกรีดร้องดังออกมาจากตำหนักหยงซิน ที่พำนักขององค์หญิงม่านหลิน แม้จะรู้กันโดยทั่วว่าพระองค์ถูกส่งตัวมาเป็นของบรรณาการ แต่ฮองเต้ก็ไม่เคยยกให้องค์หญิงม่านหลินขึ้นเป็นสนมหรือบังคับให้ถวายตัว ให้นางอยู่ที่ตำหนักหยงซินและดูแลนางเยี่ยงองค์หญิงพระองค์หนึ่ง
“จุ๊ ๆ องค์หญิงลดเสียงลงหน่อยเพคะ ผู้ใดมาได้ยินเข้าจะมิเป็นการดีต่อพระองค์เอง” จางอันเอ่ยปรามนายหญิงของตน
ม่านหลินยืนหอบหายใจอย่างแรง นางหรือสู้อุตส่าห์ลุกขึ้นมาแต่งอาบน้ำแต่งกายสวมอาภรณ์ชุดใหม่ที่เพิ่งสั่งตัด แต่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แต่เขาย่างกรายเขามาในท้องพระโรงกลับไม่แม้แต่จะปรายตามมามองนางเลยสักนิด มองแต่นังผู้หญิงคนนั้น
นังคนชั้นต่ำ! หมอผี เทพธิดาลวงโลก
“มันเป็นใคร ทำไมจิงอวี๋ถึงได้ออกหน้าเอาตัวมายืนปกป้องมันอย่างออกหน้าออกตาเช่นนั้น” ดวงตากลมโตวาวโรจน์เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“เห็นว่าเป็นผู้วิเศษ หรือเทพธิดาที่จะมาช่วยอดีตฮองเฮาให้หลุดพ้นคำสาป”
“ข้ามีหูข้าได้ยินหรอกน่า ข้าอยากรู้มากกว่านั้น เฮอะ พวกหลวกลวงต้มตุ๋นเสียมากกว่า กี่คนแล้วที่มาหลอกฮ่องเต้ว่าสามารถทำได้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ”
“แต่คนที่ทำไม่สำเร็จก็ถูกฮ่องเต้ตัดหัวทิ้งหมดนะเพคะ” นางกำนัลคนสนิทติดตามองค์หญิงมาจากแคว้นซ่างรู้ดีว่านายของตนคิดสิ่งใดอยู่ คงไม่พ้นริษยาหญิงสาวที่ได้ยืนเคียงข้างอ๋องหวงจิงอวี๋
“นั่นสินะ หลอกลวงเบื้องสูงโทษมิพ้นความตาย”
“ศึกคราวนี้น่าจะสงบสุขไปอีกหลายปี หม่อมฉันคิดว่าน่าจะใกล้ได้เวลาที่องค์หญิงจะได้รับข่าวดีแล้ว”
ม่านหลินหันไปมองนางกำนัลคนสนิท ความโมโห ความโกรธเกลียดเมื่อครู่มลายหายไปแทบสิ้น
เมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างคนที่ตนรักไม่อาจมีชีวิตได้ยืนยาว แต่กระนั้นม่านหลินก็ยังไม่อยากให้หญิงสาวผู้ใดได้เข้าใกล้หวงจิงอวี๋อยู่ดี คนที่จะได้ยืนข้างเขามีได้เพียงนางเท่านั้น
นางหลงรักอ๋องหนุ่มมานาน เรียกว่าตั้งแต่แรกพบเลยก็ได้กระมัง ครั้งที่ถูกถีบหัวส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการที่แค้วนเฉิงแห่งนี้นางอายุเพียงสิบสองเท่านั้น นางทั้งเสียใจและหวาดกลัว แต่ชายหนุ่มที่นำกองทัพไปรับนางที่ประตูเมืองชายแดนกลับดูแลนางเป็นอย่างดี ภายหลังม่านหลินถึงได้รู้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นเป็นน้องชายของฮ่องเต้ แม้จะถูกส่งมาเป็นตัวประกัน แต่โชคดีที่หวงตี้ฮ่องเต้รักเพียงฮองเฮา จึงไม่ได้รับนางเป็นสนม
ม่านหลินจึงมีความหวังเล็ก ๆ ในใจว่าหวงตี้ฮ่องเต้จะประทานนางให้เป็นพระชายาของหวงจิงอวี๋ ทั่วทั้งแค้วนนี้มิมีใครเหมาะสมกับน้องชายเพียงพระองค์เดียวของฮ่องเต้อีกแล้ว ทั้งฐานะทั้งชาติตระกูลที่สูงส่ง เลือดสีเดียวกันย่อมต้องเกี่ยวดองกันเพื่อความปรองดองของสองแคว้น
แต่ผ่านมาห้าปีแล้วก็ยังไม่มีพระราชทานสมรสเสียที ทั้ง ๆ ที่ก็ดูแลนางอย่างดี มิใช่หวังให้นางได้แต่งกับหวงจิงอวี๋งั้นหรือ หรือรอให้ศึกคราวนี้สิ้นสุด เพราะหากแต่งกันทั้งยังมีสงคราม นางอาจได้เป็นหม้ายและอยู่ที่จวนของหวงจิงอวี๋อย่างเดียวดาย
ม่านหลินยืนมองออกไปนอกหน้าต่างตำหนักหยงซิน สายตาเฝ้ามองหวงจิงอวี๋ที่มองหญิงสาวผู้นั้นผู้ถูกเรียกว่า "เทพธิดา" แววตาที่เขามองนางยังคงเป็นภาพติดตาม่านหลินหัวใจนางร้าวรานด้วยความอิจฉาริษยา นางรู้ดีว่าตำแหน่งของตนในราชสำนักนี้ยังคงไม่แน่นอน แม้จะได้รับการดูแลอย่างดีจากหวงตี้ฮ่องเต้ก็ตาม แต่การปรากฏตัวของหญิงสาวผู้นี้ทำให้นางรู้สึกถึงความไม่มั่นคงมากขึ้น
หวงจิงอวี๋นั้นเป็นชายหนุ่มผู้มีลักษณะสง่างามและความเฉลียวฉลาด เขาเป็นที่รักของประชาชนและเป็นน้องชายเพียงคนเดียวของฮ่องเต้ นางจึงหวังเสมอว่าสักวันหนึ่งจะได้เป็นพระชายาของเขา และได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขาอย่างมีความสุข แต่การที่เขาให้ความสำคัญกับหญิงสาวผู้วิเศษผู้นั้นทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ เพราะหากไม่ได้แต่งออกไป แล้ววันดีคืนดีหวงตี้ฮ่องเต้ที่เสียสติไปหลังจากการตายของอดีตฮองเฮา นึกอยากได้นางขึ้นมาจะทำเช่นไร
ม่านหลินกำมือแน่น ความโมโหและความเคียดแค้นพุ่งขึ้นมาจนแทบจะระเบิดออกมาในทุกขณะ
“ไม่เอาหรอกนะ ให้แต่งกับคนบ้าใครจะยอมกัน”
นางต้องได้เป็นพระชายาของหวงจิงอวี๋เท่านั้น ใครก็ขวางทางนางไม่ได้ นางหันไปหาจางอัน นางกำนัลคนสนิท “ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง”
จางอันมองนายหญิงของตนด้วยความเป็นห่วง “องค์หญิงจะทำสิ่งใดเพคะ”
ม่านหลินสูดลมหายใจลึกและกล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ข้าจะหาวิธีทำให้เทพธิดาบ้าบอคนนั้นล้มเหลว หากนางไม่สามารถถอนคำสาปได้ หวงจิงอวี๋ก็จะต้องหันกลับมาหาข้า”
“แต่หากทำไม่สำเร็จ... พระองค์จะต้องระวังโทษจากฮ่องเต้เพคะ” จางอันเตือน
ม่านหลินยิ้มบาง ๆ แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่และจางอันก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจนางได้
“ข้ารู้ดี แต่ข้ายอมเสี่ยง ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนำพาหวงจิงอวี๋กลับมาหาข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาขวางทางข้าได้ ที่สำคัญเรื่องนี้มีเพียงเจ้าและข้าที่รู้ ฮ่องเต้ไม่มีทางรู้ว่าเป็นข้า”
นางตัดสินใจว่าต้องหาวิธีที่จะแทรกแซงพิธีของหญิงสาวผู้นั้นจึงเริ่มวางแผนในใจว่าจะทำอย่างไรให้นางล้มเหลว ม่านหลินสั่งให้จางอันไปติดสินบนคนที่จวนของหวงจิงอวี๋เอาไว้นานแล้ว แค่แจ้งข่าวว่าหญิงสาวผู้นั้นจะทำสิ่งใด เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
“จางอัน เจ้าไปให้คนหาข้อมูลเกี่ยวกับคาถาและพิธีกรรมที่อาจทำให้นางผู้นั้นล้มเหลว ข้าต้องรู้ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการปลดคำสาป” ม่านหลินสั่ง
“เพคะองค์หญิง” จางอันตอบรับอย่างเคารพ แล้วออกไปปฏิบัติตามคำสั่ง
ม่านหลินนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง นางจะไม่ยอมแพ้ไม่ว่าเรื่องราวระหว่างหวงจิงอวี๋กับหญิงสาวผู้นั้นที่ผ่านมาจะเป็นเช่นไร แต่แววตาที่เขามองเทพธิดาผู้นั้นทำเอานางเกิดความกลัว ความรักที่นางมีต่อหวงจิงอวี๋เป็นแรงผลักดันที่ทำให้นางพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่นางต้องการ แต่ก็เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ม่านหลินต้องการความมั่นคงที่จะอยู่แคว้นนี้ต่อไปอย่างสุขสบาย โดยไม่ถูกผู้ใดข่มแหงได้ ขนาดอดีตฮองเฮายังไม่รอด เพียงแต่ฮ่องเต้ออกไปรบปีเดียวยังถูกสังหารทิ้งอย่างเลือดเย็น
คืนนองเลือดคืนนั้นโชคดีที่นางเก็บตัวอยู่ในตำหนักมิเช่นนั้นนางเองอาจจะตายไปพร้อมกับอดีตฮองเฮาก็เป็นได้