บทที่ 10
“พี่ใหญ่ดูสิเหมือนวันนี้เราจะเจอของดีเข้า” บรรดาโจรโผล่ขึ้นมาในมุมต่าง ๆ ทำให้หลงเหยียนรู้สึกกังวล
“หยูอิงไม่ได้บอกว่าจะมีแบบนี้นี่นา”
หลงเหยียนมองบรรดาซากศพของโจรที่เพิ่งต้องการจะปลดชีพนางและหวงจิงอวี๋ แค่เพียงนางหลับตาไปเพียงครู่ บรรดาองครักษ์และคนติดตามของท่านอ๋องก็จัดการโจรลงได้ในเวลาเพียงไม่นาน เรียกได้ว่าไม่กี่นาที
“ท่านเป็นเทพธิดาคงไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แต่ดินแดนมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ บางคนไม่มีก็ไม่ทำอะไร หมายมั่นจะแย่งชิงเพียงอย่างเดียว และเพราะอย่างนั้นพี่สะใภ้และหลานของข้าจึงต้องจากไป”
หลงเหยียนเข้าใจคำของหวงจิงอวี๋เป็นอย่างดี และอยากจะบอกกับชายหนุ่มด้วยว่าที่ไหนก็มีทั้งนั้น นางเองก็โดนแย่งงาน แล้วตอนนี้ยังต้องถูกพาร่างทั้งร่างย้อนเวลามาหาวิธีแก้คำสาปอีก และมีอยู่เรื่องหนึ่งที่หลงเหยียนไม่ได้บอกกับใคร เพราะหยูอินก็ไม่ได้บอกกับนาง ขั้นตอนสุดท้ายที่จะต้องทำในการล้างคำสาป มันเขียนเอาไว้ในคัมภีร์ หยูอิงเลือกที่จะปิดบังมันจากนาง หลงเหยียนรู้แต่เลือกที่จะนิ่งเงียบ เพราะนางในตอนนี้เรียกว่าไม่มีทางเลือก ต้องทำตามน้ำและความต้องการของคนพวกนี้ หากนางย้อนเวลามาแล้วไม่ได้เจอกับหวงจิงอวี๋ ไม่แน่นางอาจจะเลือกหนีเร้นหายไปตามกาลเวลาในยุคโบราณก็เป็นได้ แต่ช่างเถอะอย่างไรนางก็รับปากกับหยูอิงแล้วว่าจะช่วย ก็ต้องช่วย
หลงเหยียนพยายามเก็บความกังวลไว้ในใจ ขณะที่นางมองดูหวงจิงอวี๋ที่ยังคงเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างไม่หวาดกลัว การที่นางได้เห็นความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งของเขายิ่งทำให้นางรู้สึกมั่นใจมากขึ้น นางตัดสินใจแล้วว่าต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จตามที่สัญญาไว้กับหยูอิง
“เราต้องรีบไปต่อ” หวงจิงอวี๋กล่าวขณะที่เขามองไปยังทางที่โจรเข้ามา “ถ้าพวกมันรู้ว่าพวกเรายังอยู่ที่นี่ พวกเราจะต้องเจอปัญหาอีก”
หลงเหยียนพยักหน้า “ถ้าเราไปช้าเกินไป อาจจะไม่ทันการ”
หวงจิงอวี๋ยิ้มออกมาเบา ๆ “พวกเราจะไปถึงทันเวลา ข้าสัญญา”
ทั้งคู่เดินทางต่อไปโดยมีองครักษ์และคนติดตามคอยคุ้มกัน การเดินทางผ่านป่าเขาและหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ทุกครั้งที่หลงเหยียนรู้สึกเหนื่อยล้า นางก็จะนึกถึงความหวังและคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับหยูอิงและวิญญาณของคนที่ถูกหวงตี้ฮ่องเต้สังเวย
ในที่สุด หลังจากการเดินทางที่ยาวนานและอันตราย พวกเขาก็มาถึงภูเขาหยก ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีทองของพระอาทิตย์ตกดิน
“ตั้งกระโจมแถวนี้ก็แล้วกันใกล้มืดแล้ว” หวงจิงอวี๋เอ่ย ขณะที่เขามองไปยังหลงเหยียนที่ยืนรออยู่ นางยิ้มและพยักหน้าให้กับเขา สีผมของนางยามถูกแสงสีทองของดวงอาทิตย์ช่างส่องประกายงดงาม
“แล้วจะมีอีกหรือไม่” นางหมายถึงโจรป่า
หวงจิงอวี๋มองหญิงสาวที่แม้จะทำเป็นไม่กลัวแต่ก็ดูกังวล “น่าจะไม่มีแล้ว แต่ก็ไม่แน่ อยู่ใกล้ ๆ ข้าเข้าไว้หากท่านไม่ถือก็นอนเสียข้างข้าก็แล้วกันคืนนี้”
แน่นอนว่าหลงเหยียนตอบรับคำของชายหนุ่มในทันที
“ได้”
นางไม่ติดอยู่แล้วแค่นอนกระโจมเดียวกัน หลงเหยียนเคยนอนเต็นท์รวมชายหญิงที่ร่วมคาราวาน เดินทางกลางดินกลางทรายก็เคยมาแล้ว แค่นอนร่วมกับชายหนุ่มยุคโบราณที่ถือการคติ ชายหญิงแตกต่างไม่ควรใกล้ชิดกัน อีกทั้งนางยังมีตำแหน่งเทพธิดาตัวโต ๆ เขียนอยู่บนหน้าผาก เขาจะกล้าทำอะไรนาง
พวกเขาทั้งหมดเดินทางมาแล้วเจ็ดวันเจ็ดคืน เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างจะลำบากที่สำคัญที่สุด
“เราอยากอาบน้ำ”
ที่จริงหลงเหยียนอยากสระผมอาบน้ำทุกวันเลยด้วยซ้ำเพราะผมที่ผ่านการทำเคมีมาอย่างหนักทำให้หนังศีรษะแห้งและคัน แต่เดินทางอย่างนี้ก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
“แทนตัวเองปกติเถอะ แม้ท่านจะเป็นเทพธิดา แต่แทนตนเองเช่นนั้น ข้าไม่ถือ แต่คนอื่นฟังจะเข้าใจท่านผิดได้” หวงจิงอวี๋ ในตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกว่าการที่นางแทนตนเองสูงส่งและห่างเหินกับเขามันแปลกประหลาดเพราะเสด็จพี่ก็แทนตนเองเช่นนี้เวลาคุยกับเขา แต่ตอนนี้เขาไม่อยากให้นางแทนตนเองเช่นนี้กับเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด
“ข้างหน้าคงจะมีแม่น้ำอยู่ หากเจ้าจะแวะข้าจะอยู่เฝ้าให้” เพราะถึงจะมีนางกำนัลคอยช่วยเหลือแล้วแต่หากเกิดอะไรขึ้นหญิงสาวกับหญิงสาวด้วยกันจะช่วยอะไรกันได้ อย่างไรก็ต้องมีคนเฝ้า แต่จะให้องครักษ์ทั่วไปเฝ้าก็คงจะไม่ได้ จะให้คนอื่นมาเห็นแม้แต่ชุดที่นางใส่แล้วถอดเอาทิ้งเอาไว้ก็ไม่ควร
“คงต้องรบกวนท่านแล้ว”
หวงจิงอวี๋รู้สึกกังวล เพราะหญิงสาวทั่วไปคงไม่ตกลงง่าย ๆ แบบนี้แน่ ๆ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายคงไม่ใช่คนที่นี่จริง ๆ จึงดูดีใจกับเรื่องที่ได้อาบน้ำมากกว่าเรื่องที่จะมีชายหนุ่มอยู่ใกล้ ๆ เวลาที่อาบน้ำ