9
“ถามแปลกนะน้องรส ไทนี่เป็นเลขาพี่ ถ้าพี่จะให้ช่วยดูงานหน่อย มันแปลกตรงไหน” ถามด้วยความหงุดหงิดในใจ ด้วยกลิ่นกายสาวที่มันกำลังยั่วยุอารมณ์ปรารถนาในกายให้ลุกโชน ไหนจะมือเรียวที่พยายามทั้งผลักทั้งดันให้เขาคลายอ้อมแขน เมื่อไม่ได้ดังต้องการก็เปลี่ยนวิธีการเป็นหยิกทึ้งหนังหนาๆ ด้วยปลายเล็บยาวและแหลมคมที่ไม่ได้เจ็บมากมายแต่มันรำคาญจึงรีบจับเอาไว้มั่น
“เปล่า” รสรินตอบกลับเสียงสูง แถมยังหัวเราะขลุกขลิกในคอ
“ไหนว่าไม่ชอบเขาไงคะ แล้วทำไมถึงกอดเสียแน่นเลย อันแน่...คิดอะไรกับพี่ไทนี่ใช่หรือเปล่าคะพี่ภาม”
“พี่ว่านนท์รีบเอายัยรสไปเก็บดีกว่าไหม ก่อนที่พี่จะเขกหัวเหม่งๆ ให้ปูดเลย พูดมากเสียจริง”
ชานนท์หัวเราะเสียงนุ่มพลิ้วอยู่ในลำคอ เมื่อเห็นรสรินยกมือขึ้นปิดศีรษะและส่งค้อนพี่ชายด้วยวงหน้างองุ้มเป็นจวักตักแกง ริมฝีปากสีชมพูก็ขมุบขมิบเจริญพรให้ ก่อนที่หญิงสาวจะส่งมาให้เขาด้วยแพขนตายาวงอนที่มันกะพริบปริบๆ ให้อย่างน่ารัก แฝงเร้นด้วยความกระเง้ากระงอด พวงแก้มอิ่มเต็มที่มันป่องออกทั้งสองข้างและปลายนิ้วเล็กๆ ยกขึ้นชี้หน้าเขาอย่างบอกว่าฝากเอาไว้ก่อนเถอะ
‘เฮ้อ...น้องรสจ๋า อย่าน่ารักให้มันมากซิ หัวใจพี่มันเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วนะ อยากได้น้องมาครอบครอง รักบนเตียงนอนไม่ต้องหลับต้องนอนกันนะ’
แต่ก็ได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นดอกฟ้า ถึงแม้เขาจะมีหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคง ฐานะก็พอมีพอกินไม่เป็นหนี้เป็นสินและมีทรัพย์สมบัติทางพ่ออีกหน่อย แต่พอคำนวณดูแล้วมันก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งที่รสรินมี เขาเลยกลายเป็นถูกนินทาหลับหลังว่าเป็นหมาที่คอยมองเครื่องบิน เป็นคนที่คิดจะเอาตัวเองไปตกถังข้าวสาร
“ไปก็ได้ ไม่ได้อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใครหรอกนะ แต่จะทำอะไรก็คิดถึงหัวใจพี่ไทนี่สักนิดก็ดีนะคะ ถ้าพี่เขาทนไม่ไหวหนีไป น้องรสไม่รู้และไม่ช่วยตามง้อด้วยนะ”
“ถ้าเป็นอย่างที่เราพูด พี่จะถวายเลี้ยงโต๊ะจีนท่านเจ้าที่สามวันเต็มๆ เลยยัยรส” ภามโต้กลับ ด้วยเชื่อว่าต่อให้ทำร้ายจิตใจจนช้ำเลือดช้ำหนองแค่ไหน นันทิยาก็ไม่มีทางที่ยอมทิ้งผู้ชายที่ทั้งรูปหล่อ เก่งและร่ำรวยมหาศาลอย่างเขาไปได้หรอกน่า ถ้าเป็นอย่างนั้นหญิงสาวทิ้งเขาไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่ไปเห็นเขานอนกับผู้หญิงคนอื่นในห้องพักในวันคล้ายวันเกิดของนันทิยาเองด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวยังคงดื้อด้านดันทุรังที่จะยังอยู่เคียงข้างเขาอยู่เลย แล้วอย่างนี้หรือที่จะทิ้งเขาไปได้ลงคอ ไม่มีทาง
ชานนท์หน้าตึงกับน้ำเสียงกึ่งเย้ากึ่งดูถูกที่ภามมอบให้พี่สาว ดวงตาคมกริบตวัดมองถามพี่สาวว่าจะเอายังไง ให้เขาช่วยเหลือหรือเปล่า แต่ก็ได้เห็นเพียงแค่หน้าผากโหนกนูนเพราะนันทิยาก้มหน้าลงมองพื้น เลยทำให้ไม่เห็นสายตาของเขา
“ดูแลตัวเองด้วยนะพี่ไทนี่ ถ้ามีอะไรก็ร้องดังๆ เลยนะครับ” ชานนท์สั่งความ ก่อนจะยอมเดินตามแรงลากจูงของคนตัวเล็กกว่าออกจากห้องทำงานภามไปด้วยท่าทางหนักอกหนักใจ
นันทิยาพยักหน้ารับ เธอทำอะไรไม่ถูกทุกครั้งยามที่ได้อยู่ใกล้ชิด ได้สูดกลิ่นโคโลญและกายเนื้อแท้ของภาม ทั้งร่างกายและหัวใจมันอ่อนระทวยเหมือนกับเทียนไขถูกลนไฟ
ลับร่างน้องสาวและว่าที่น้องเขยที่ไม่รู้ว่าจะหนีรอดเงื้อมมือแม่จอมวางแผนอย่างรสรินไปได้สักกี่น้ำ ภามก็รีบตรงไปกดล็อกประตูห้องทำงานก่อนจะหันมาหาร่างโปร่งบางที่ก้มหน้างุดไม่ยอมมองหน้าเขา ปลายมือใหญ่จับรั้งคางมนให้เงยขึ้นมาสบสายตาด้วยแรงที่ทุ่มลงไปไม่มียั้ง
“อือ...พี่ภาม ไทนี่เจ็บ” นันทิยาบอกเสียงอ่อน แต่กลับได้รับเป็นรอยยิ้มหยามเหยียดและยิ่งบีบแขนเรียวจนเธอคิดว่าได้ยินเสียงดังเป๊าะ ที่ทำเอาน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าไหลอาบสองแก้มด้วยความเจ็บ
“ที่นี้ก็เหลือแค่เราสองคนแล้วไทนี่ ถามจริง ที่หลบหน้าหลบตาฉันอยู่นี่ อายหรือว่ากำลังคิดกำลังวางแผนการใช้น้องสาวฉันยังไงดี เพื่อตัวเองจะได้ฉันไปครองดังปรารถนากันแน่”
ชายหนุ่มถามเสียงลอดไรฟัน ลับหลังสองคนนั้นแล้วเขาไม่จำเป็นที่จะต้องคิดรักษาและถนอมน้ำใจ วงหน้าคร้ามแกร่งเคร่งเครียด ดวงตาเป็นประกายแข็งดุกร้าว มือใหญ่ขยับจับบีบปลายคางมน
“ไม่จริงนะคะ ไทนี่ไม่เคยคิดทำอย่างที่พี่ภามว่า” นันทิยาพยายามที่จะปฏิเสธ แต่มีหรือที่คำพูดของเธอจะไปเข้าหูคนที่ปักใจเชื่อเสียแล้ว แล้วยิ่งปฏิเสธไปก็รังแต่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธและทำร้ายร่างกายเธอหนัก
หึ...ปากแข็งจริงๆ นะไทนี่ แค่ฉันเห็นตาเธอฉันก็รู้แล้ว “รู้ไหมไทนี่ เมื่อก่อนฉันไม่คิดที่จะชายตาแลเธอเลยนะ แต่ฉันชักจะเปลี่ยนใจแล้วละ” ปลายนิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางสากระคาย ประกายในดวงตาคมกริบมีเลศนัยให้คนถูกมองหนาวๆ ร้อนๆ สั่นสะท้านเหมือนกับคนกำลังจับไข้
“พะ...พี่ภามพูดอะไร ไทนี่ไม่เข้าใจ”
นันทิยาเอ่ยถามเสียงสั่น แต่แล้วเรือนกายก็สั่นระริก เมื่อเห็นสายตาคมกริบที่กวาดไล่มองขึ้นมาจากปลีน่องเรียวยาวที่อยู่นอกเหนือกระโปรงทำงานที่สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ หยุดที่เนินอกอวบอิ่มขนาดใหญ่ด้วยไซส์ 36 คัพซี ดวงตากลมโตเบิกกว้างเกือบจะเท่าไข่ห่าน เมื่อรับรู้ถึงประกายในดวงตาคู่นั้น
“อือ...มะ...ไม่นะ!”
นันทิยาพยายามส่ายศีรษะทุยห้ามปรามเสียงสั่น เสียงที่ร้องห้ามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเคลื่อนมือเข้าหาและวางแหมะอยู่บนทรวงอวบอิ่มเล็กน้อยก็ติดค้างอยู่ในลำคอ ปลายนิ้วยาวใหญ่และร้อนระอุเหมือนกับถ่านลากไล้สัมผัสสอดแทรกเข้าไปลากสัมผัสกับผิวเนื้อกายเนียนนุ่ม พร้อมสะกิดกระดุมเม็ดเล็กๆ จนมันหลุดออกจากรัง สาบเสื้อแยกห่างให้เห็นร่องอกอวบอิ่มในเสื้อชั้นในผ้าลูกไม้สีน้ำตาลอ่อน แต่ภามคงจะยังไม่พอใจกับสิ่งที่ได้เห็น มือใหญ่เคลื่อนไหวผ่านเนินทรวงอวบอิ่มสะกิดกระดุมจนหมดทุกเม็ด
“นี่ฉันตาบอดหรือไงกันนะ ถึงไม่เห็นว่าหุ่นเธอมันอวบอัดน่าฟัดขนาดไหนไทนี่ แต่ไม่เป็นไรนะ รับรองได้ว่านับจากวันนี้ไป ฉันคงต้องมองเธอเสียใหม่แล้ว”
ภามเอ่ยพูดตาวาว ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไป ลมหายใจเป่ารดเส้นผมนุ่ม กับมือใหญ่ที่เคลื่อนไหวย้อนกลับขึ้นไปครอบครองทรวงอวบอิ่ม
“เห็นอย่างนี้แล้วฉันอยากกินเธอเป็นของหวานเสียแล้วซิไทนี่ ว่าแต่คืนนี้ไปนอนรอฉันบนเตียงดีไหม รับรองว่าฉันสนองความอยากของเธออย่างถึงใจแน่นอน”
“พี่ภาม!” นันทิยาร้องเรียกอีกฝ่ายอย่างที่เธอคิดว่ามันคงจะดังลั่น แต่ความจริงที่เกิดขึ้น คือเสียงเบาหวิวจนแทบจะเป็นเพียงลมที่พ่นออกไปจาก พยายามดึงรั้งกายโปร่งบางออกจากสองแขนใหญ่ที่สอดรัดราวกับงูรัดเหยื่อสุดแรงที่มี นอกจากความพยายามจะไม่เป็นผลแล้ว กลายเป็นว่าสิ่งที่เธอทำสร้างความสนุกสนาน จนภามถึงหัวเราะกลั้วคอ
“แหม...จะเล่นตัวไปทำไมล่ะไทนี่ เธออยากนอนกับฉันจนตัวสั่นแล้วไม่ใช่หรือไง” แม้จะอยู่ใกล้ชิดแต่ภามก็ยังกระซิบถามเสียงแหบพร่า ริมฝีปากหนาขบกัดติ่งหูเล็ก
“ถึงได้พยายามยั่วยวนฉันอยู่ตลอดเวลา” ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าวสอดแทรกไปตวัดไล้ช่องหูเล็ก
นันทิยาเสียววูบจากหัวใจไล่ลงไปถึงช่องท้อง สั่นสะท้านไปทั้งเรือนกาย เหมือนกิ่งไผ่ที่ต้องลมพายุร้ายแรง แต่เพียงแค่แวบเดียวก็เหมือนกับถูกล้อมรอบไปด้วยเพลิงไฟ ด้วยปลายนิ้วยาวใหญ่ร้อนระอุที่มันเคลื่อนไหวอยู่บนหน้าท้องแบนราบเรียบ
“ไม่นะพี่ภาม! ทำอย่างนี้กับไทนี่ไม่ได้นะ” นันทิยารีบดึงรั้งสติมาห้ามปรามด้วยน้ำเสียงที่เธอพยายามเค้นให้มันดุและกระด้าง
“ไทนี่ไม่ได้คิดอย่างที่พี่พูดเลยนะ”