ตอนที่ 1
1
นันทิยาก้าวลงจากรถคันใหญ่ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ มีเสน่ห์ นัยน์ตากลมโตใสแจ๋วเหมือนกับลูกแก้วเป็นประกายระยิบระยับ ด้วยความดีใจที่จะได้เจอกับพี่ภาม คู่หมั้นหนุ่มรูปหล่อซึ่งกลับจากการไปติดต่อประสานงานกับเอเจนซี่รายใหญ่ ที่จะส่งแขกมาให้ในช่วงหน้าไฮซีซั่น จนอดทนรอถึงตอนเย็นไม่ไหวจำต้องแอบมาเตรียมตัวเซอร์ไพรส์ชายหนุ่มถึงที่บ้าน
หญิงสาวพาร่างโปร่งบางด้วยความสูง 175 เซนติเมตร อวบอัดไปด้วยสัดส่วนอก เอวและสะโพก 36-24-36 บวกด้วยผิวสีน้ำผึ้งอ่อนจางที่สาวๆ หลายคนมองแล้วก็ต้องอิจฉา ส่วนหนุ่มๆ ไม่ต้องพูดถึงเพราะเหลียวหลังมองจนคอแทบจะเคล็ดเลยก็ยังมี ก้าวเดินอย่างมั่นใจเข้าไปในบ้านพักหลังใหญ่เหมือนกับว่าเธอเป็นเจ้าของ ด้วยกุญแจพวงใหญ่ที่คุณแม่ของภามมอบให้ แต่เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปเท่านั้นเองไอเย็นที่แผ่กระจายมาหนาวจนจับหัวใจให้สงสัยครามครัน แต่คงจะไม่เท่ากลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นดอกไม้ที่ลอยมา
‘หรือว่าพี่ภามกลับมาแล้ว...แต่ตามกำหนดการภามจะเดินทางกลับจากสวิสมาถึงบ้านในช่วงเย็นของวันนี่นา แต่นี่มันเป็นเพียงแค่บ่ายเองนะ’
นันทิยาได้แต่แปลกใจ แม้บ้านหลังนี้จะไม่ได้มีเพียงแค่ภามคนเดียว ยังมีรสรินอีกคน แต่น้องรสก็เพิ่งจะเรียนจบปริญญาโททางด้านบริหารจากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และจะเดินทางกลับมาถึงบ้านในอีกสองวันข้างหน้า โดยที่หญิงสาวเปรยๆ ว่าจะไปพักอยู่กับครอบครัวที่บ้านหลังใหญ่ท้ายเกาะอีก เพราะคิดถึงและอยากอยู่กับบิดาและมารดาก่อนที่จะต้องลงมือทำงาน รบรากับผู้คนรายรอบกาย
คิ้วโก่งได้รูปสวยขมวดเข้ากันเมื่อห้องโถงใหญ่ที่เคยประดับประดาด้วยเครื่องเรือนและเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงเหมือนจะมีการขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายด้วย Seven Salotti ‘Nest’ Modern corner Sofa ที่เคยตั้งเด่นเป็นสง่าอวดความสวยงามอยู่ตรงกึ่งกลางห้องได้ถูกย้ายไปอยู่ชิดมุมห้องด้านหนึ่งจนหมดทุกชิ้น และถูกทดแทนด้วยโต๊ะทานอาหารสีดำสนิทแทน รอบๆ ห้องก็เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสแทบทั้งไร่ มีทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปจนถึงกับฉุน
นันทิยากวาดสายตาไปจนทั่วทั้งห้อง เดินไปห้องครัวและส่วนหลังของบ้านที่จะพบเส้นทางสายเล็กๆ เชื่อมต่อไปยังหาดทรายขาวสะอาดทอดยาวไปจนหัวปลายแหลมที่มีศาลาให้ได้พักผ่อนนอนเล่น แต่ก็ไร้วี่แววเจ้าของบ้าน เพิ่มความสงสัยให้เธอยิ่งนัก ก่อนดวงตากลมโตจะเบิกกว้าง พร้อมกับอะไรบางอย่างที่ตรงเข้ามาสะกิดใจ อย่างกับลูกกระสุนที่มันพุ่งตรงเข้าเป้า
เรียวปากบางขบเม้มเข้าหากัน เมื่อมองไปทั่วห้องแล้วพบแค่เพียงความว่างเปล่า เธอไม่คิดถึงบิดาและมารดาของภามเลย เพราะท่านทั้งสองมีที่ส่วนตัวที่จะใช้พลอดรักกัน จนเธอได้แต่แอบอิจฉาริษยาอยู่ในใจ เมื่อไหร่ภามจะมองเธอดังเช่นลุงภีมมองป้าโรสบ้าง แม้เวลาจะผ่านไปจนภามและรสรินโตจนเกือบจะมีครอบครัวได้แล้ว ความหวานของทั้งสองคนก็ไม่เคยที่จะลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกๆ วันครองรักครองคู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เป็นครอบครัวตัวอย่างได้เป็นอย่างดีเลย
‘เจ้าของบ้านไม่ได้อยู่ตรงนี้แสดงว่า...’
นันทิยาไม่รีรอ รีบวิ่งไปที่ห้องของภามในทันที ในหัวใจอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมันคละเคล้ากันไปอย่างที่เธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกอะไรกันแน่ รู้เพียงแค่ว่ามันอัดแน่นอยู่ในอก จนหายใจไม่ค่อยจะออก มันติดๆ ขัดๆ ไปเสียหมด
ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นสีแดงเรื่อโดยที่แทบจะไม่ต้องใช้ลิปสติกเคลือบเลยขบกัดจนห้อเลือด มือเล็กเรียวที่ยื่นไปจับลูกบิดประตูห้องเย็นเฉียบและสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด สูดลมหายใจจนเต็มปอดเพื่อเรียกความกล้าหาญกับคำภาวนา ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่คิดเลย
นันทิยาค่อยๆ บิดลูกบิดประตูสีน้ำตาลเปิดเข้าไปในห้องนอนใหญ่ เสียงเพลงเพราะๆ ที่ดังแว่วมากลบเสียงร้องแหบพร่าจากสองร่างบนเตียงนอนที่มันบาดลึกเข้าไปในหูไม่ได้เลย
แม้ในห้องจะมืดสนิทด้วยผ้าม่านสีน้ำตาลเข้มจนเกือบจะดำ แต่ก็ยังมีแสงจากโคมไฟบนหัวเตียงดวงใหญ่สาดส่องมา ทำให้ได้เห็นสองร่างที่กำลังคลุกคลีอย่างสนิทแนบชิดจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
เหมือนคมมีดกรีดหัวใจดวงน้อยให้เป็นแผลเหวอะหวะไม่มีชิ้นดี ในดวงตาใสแจ๋วเหมือนกับลูกแก้วแดงก่ำฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำที่เอ่อล้นและไหลซึมออกมาอย่างที่นันทิยาหักห้ามเอาไว้ไม่ได้
มือเล็กยกขึ้นปิดปากได้ทันก่อนที่จะผุดเสียงร้องตกใจออกมา ร่างโปร่งบางเซถลาไปชนกับขอบประตูก่อให้เกิดเสียงดังขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าสองหนุ่มสาวบนเตียงนอนจะยังไม่รับรู้ว่าตอนนี้กิจกรรมบนเตียงของเขาและเธอไม่ได้เป็นความลับอีกแล้ว
‘พี่ภาม พี่ทำแบบนี้กับไทนี่ได้ยังไงคะ ทำไมพี่ถึงได้ทำร้ายไทนี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ ไทนี่ไม่มีความสำคัญกับพี่เลยใช่ไหม’
นันทิยาเอ่ยถามแต่ไม่มีเสียงออกมาจากปาก เพราะมันถูกกลบด้วยคำว่าเสียใจ แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ยิบไล่ม่านน้ำตาที่มันไหลเป็นสายอาบสองแก้มด้วยความเจ็บจนไม่รู้ว่ามันจะเจ็บยังไง หัวใจเต้นอ่อนล้าเหมือนมันกำลังจะขาดรอน
มือเล็กกดซับน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม พร้อมคำถามผุดขึ้นมาในสมองราวกับดอกเห็ด
กี่ครั้งแล้วที่เขาควงผู้หญิงมาเยาะเย้ยด้วยท่าทีเฉยเมย ไม่คิดจะสนใจความรู้สึกของเธอสักนิด จะเจ็บปวดสักแค่ไหน กี่ครั้งแล้วที่เขานำผู้หญิงมานอนให้เธอเห็นให้เธอรับรู้ แล้วเมื่อถูกทักท้วง เขาก็มองตอบกลับอย่างเหยียดหยาม มิหนำซ้ำยังจะพูดจาเยาะเย้ยถากถางให้ต้องเจ็บต้องอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
นันทิยาถลาลุกขึ้น สองมือกำหมัดแน่นจนปลายเล็บแหลมยาวทิ่มแทงเข้าไปในฝ่ามือ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บแม้แต่อย่างใด เจ็บกายหรือจะสู้เจ็บที่หัวใจ กับการกระทำจากคนที่ได้ชื่อว่าคู่หมั้น คนที่เธอรักและมอบหัวใจให้นานนับสิบปี
อารมณ์โกรธไหลปรี่ไปทั่วร่าง จนควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ นันทิยาพาร่างสูงลิ่วของตัวเองไปที่เตียงนอน มือเล็กเรียวกางออก จิกปลายเล็บและเหวี่ยงร่างหญิงสาวที่กำลังโอบกอดภามไว้เต็มๆ แรง จนหล่นตุ๊บลงมานอนตีหน้าสวยเหวออยู่ข้างเตียง
“กรี๊ด!! ว้าย!! เกิดอะไรขึ้น” เสียงหวีดร้องแหลมเล็กดังลั่นพร้อมกับร่างกายขาวอวบอั๋นด้วยเนื้อนมไข่ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว ตีหน้ายักษ์และดวงตาแดงจัดใส่
“เฮ้ย!” ภามเองก็ตกใจไม่แพ้หญิงสาวที่ถูกเหวี่ยงหายไปเมื่อครู่ ด้วยคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ามาขัดจังหวะการเดินทางไปทัวร์สวรรค์ชั้นฟ้าของเขา
“บ้าฉิบ” ดวงตาคมกริบตวัดมองหาที่มาที่ไป สบถเสียงเขียวเมื่อเห็นคนที่กล้าเข้ามาขัดจังหวะความสำราญทางอารมณ์ที่กำลังโลดแล่นเหมือนรถสปอร์ตคันหรูไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง ต้องมาหยุดชะงักเหมือนน้ำมันหมดด้วยมือนันทิยา คู่หมั้นที่ตอนเด็กมารดาบอกว่า ถ้าโตขึ้นแล้วเธอกับเขาไม่รักกัน ก็จะให้ถอนหมั้นได้ แต่เวลาพูดถึงเรื่องนี้ทีไร แม่กับพ่อจะชักสีหน้าบึ้งตึงใส่และเดินหนีไปในทันที
ใบหน้าคร้ามแกร่งสีแทนแดงคล้ำขึ้นในทันตา ประกายในดวงตาคมกริบดุแข็งกร้าวสาดซัดส่งไปให้กับคนที่ไม่รู้กาลเทศะ เป็นเพียงคู่หมั้นที่ไม่รู้จักสถานะของตัวเอง ชอบทำตัวเป็นแม่ บ่นได้บ่นดี หึงหวงและอาละวาดใส่ผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาใกล้เขา ทั้งที่บางคนนั้นเป็นเพื่อนของเขาแท้ๆ ตอนแรกก็ทำใจได้อยู่หรอกนะ แต่หนักๆ เข้า มันก็อึดอัดและรำคาญใจ จนบางครั้งอยากจะบีบคอระหงนั้นให้หักเป็นสองท่อน
มือใหญ่คว้าเอาผ้ามาคลุมร่างกายอย่างหมิ่นเหม่ “เธอทำอย่างนี้ทำไมไทนี่” ภามถามเสียงลอดไรฟัน พยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธที่อยากจะลุกขึ้นไปทำร้ายคนตรงหน้าให้มันอยู่ลึกที่สุด นี่ถ้าไม่เกรงใจอาฌอนและอานีน่าละก็ ป่านนี้เขาจับเอาตัวนันทิยาไปปล่อยไว้ที่เกาะไหนสักเกาะแล้วละ ให้อยู่เฝ้าลิงเฝ้าค่างที่เกาะ จะได้ไม่ต้องมาทำให้เขาระอิดระอารำคาญใจอยู่เหมือนทุกวันนี้แน่นอน
“ไทนี่ทำอะไรคะ” แม้จะเจ็บจนใจแทบจะขาด แต่นันทิยาก็ยังเชิดหน้าสูงอย่างไม่กลัวความโกรธของอีกฝ่าย กัดฟันถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างกลับไป
มาถามอย่างนี้ได้ยังไงกัน เป็นคู่หมั้นของเธอแท้ๆ แต่กลับพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามานอนด้วย แล้วให้เธอจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ อยากถามสักนิดพี่ภามยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า หรือชอบเห็นน้ำตาและความเจ็บปวดของเธอ
“ก็ที่เธอเข้ามาในห้องฉัน แล้วก็ทำร้ายคนของฉันด้วยนี่ไง”
‘คนของฉัน’