หลังจากที่ช่วยกันเลือกเสื้อผ้าและของใช้บางอย่างที่จำเป็นแยกไว้แล้ว ชุยเหมยฮวาจึงชวนสามีขึ้นชั้นบนซึ่งเป็นโซนบริเวณส่วนตัวที่ใช้สำหรับพักผ่อน ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ด้านในนั้นโอ่อ่าและหรูหรามากสำหรับเซียวหย่งเสียน ทำให้เขามีคิดว่าหากเธอหย่ากับเขาแล้วไปใช้ชีวิตใหม่จะดีกว่ามาลำบากกับเขาไหม
เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับรูปใบใหญ่ ภาพนั้นเป็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาสะสวยและยิ้มแบบมีเสน่ห์ แววตาเหมือนกับภรรยาเขาในตอนนี้ ทำให้เขามั่นใจยิ่งขึ้นว่าเรื่องทั้งหมดที่เธอพูดมาคือเรื่องจริง
แต่พอเห็นอีกภาพที่ใส่เพียงผ้าสองชิ้นซึ่งปิดอะไรแทบไม่มิด ชายหนุ่มกลับหน้าแดงลามไปถึงใบหู แม้ว่าสมองจะสั่งให้หันหน้าหนีแต่ร่างกายกลับไม่ทำตาม ส่วนภายในใจนั้นเกิดความไม่ยินยอมและไม่พอใจขึ้นมาดื้อๆ
“ใครถ่ายภาพนี้ให้?” พูดจบก็ชี้ไปที่ภาพใบนั้น
“เพื่อนของหนูเองค่ะ ตอนนั้นไปเที่ยวทะเลกัน เห็นว่าสวยดีเลยใส่กรอบเก็บไว้” ชุยเหมยฮวายังไม่รู้ตัวว่าโดนไม่พอใจเข้าแล้ว เพราะยุคสมัยของเธอใส่บิกินี่ที่ทะเลไม่ใช่เรื่องแปลก คนใส่กันทั้งนั้น
“ที่นั่นเขาใส่กันแบบนี้?”
“ใช่ค่ะ ใส่ว่ายน้ำและตอนไปเที่ยวทะเล” เธอยังคงตอบด้วยความใสซื่อ
“พี่อาบน้ำและถ้าง่วงก็นอนก่อนได้นะคะ หนูขอขึ้นไปว่ายน้ำก่อนดูเหมือนชุยเหมยฮวาจะไม่เคยออกกำลังกาย ร่างนี้เลยไม่ค่อยคล่องตัว” เดินแค่นิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว แม้ว่าร่างกายจะผอมเพรียวหุ่นนาฬิกาทรายก็จริง แต่สำหรับเธอหากไม่แข็งแรงก็ไม่มีประสิทธิภาพอะไร
“ครับ” ปากตอบแต่ไม่ยังเข้าห้องน้ำนะ ยืนดูเธอหยิบผ้าน้อยชิ้นและมองเธอเดินออกไปจากห้อง เมื่อมองว่าเธอเดินไปทางใด เขาจึงรีบเข้าไปอาบน้ำทันที เพื่อจะเดินตามขึ้นไปดูว่าเธอว่ายน้ำที่ไหน
ชุยเหมยฮวาเดินขึ้นมาดาดฟ้าที่เธอสร้างเป็นสระว่ายน้ำอย่างดี หลังจากที่เปลี่ยนมาเป็นชุดว่ายน้ำแล้วจึงกระโดดลงสระน้ำดำผุดดำว่าอยู่ในนั้น เซียวหย่งเสียนหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยจึงเดินตามขึ้นมา ภาพที่เขาเห็นช่างสวยงามเหลือเกิน หญิงสาวที่เล่นน้ำอยู่ไม่ต่างจากภาพวาด ทำให้เขารู้สึกหวงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
แต่สิ่งที่ทำให้เขาหัวใจเกือบหยุดเต้นเพราะอยู่ ๆ เธอเดินขึ้นมาจากสระด้วยชุดที่เขาเห็นเหมือนในภาพถ่ายไม่ผิดเพี้ยนต่างกันแค่สีเท่านั้น ทำให้บางอย่างในตัวเขาขยายขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ชุยเหมยฮวาหันมายิ้มหวานให้แล้วไปหยิบเครื่องดื่มมาให้เขาและของตัวเอง ก่อนจะมานั่งลงข้าง ๆ กัน
“ดื่มหน่อยไหมคะ”
เธอเอ่ยถามและยื่นให้ ชายหนุ่มรับมาอย่างดี เมื่อดื่มเข้าไปรสชาติออกจะขมและฝาดลิ้นสำหรับเขา แต่ไม่บาดคอเหมือนเหล้าที่มีขายทั่วไป ทั้งสองยังคงนั่งดื่มด้วยกันโดยไม่มีใครพูดอะไร สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวกลายเป็นเซียวหย่งเสียน
“หนูอยากจะหย่าไหม พี่เป็นเพียงผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย ยังต้องเลี้ยงดูพ่อกับแม่อีก มีน้องสาวที่แต่งออกไปตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าเกิดหย่า...”
“พี่อยากจะหย่ากับหนูหรือเปล่า” ชุยเหมยฮวาไม่ตอบ แต่ถามกลับด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“ไม่ครับ” เขาตอบแบบไม่ต้องคิด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงรีบตอบไปแบบนั้น
“ในเมื่อพี่ไม่อยากหย่า แล้วจะพูดขึ้นเพื่ออะไร สิ่งของที่พี่เห็นในนี้ แม้ว่ามันจะติดตัวหนูมา แต่พี่รู้อะไรไหม ทุกอย่างหนูสร้างมันขึ้นมากับมือของตัวเอง” ขณะที่พูดเธอมองเขาไม่หลบสายตา
“หนูไม่มีพ่อแม่ เมื่อจำความได้หนูก็อยู่ในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่รู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเองคือใคร เมื่ออายุครบสิบแปดปีก็ต้องย้ายออกมาเพื่อดูแลตัวเอง ทั้งทำงานและเรียนจนจบปริญญา ในวันที่ต้องตายหนูอธิษฐานว่า
หากชาติหน้ามีจริงหนูขอมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีคนที่หนูรักและคนที่รักหนู หนูไม่อยากเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการอีกแล้ว เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หนูก็มาอยู่ในร่างนี้” ชุยเหมยฮวาน้ำตาไหลไม่รู้ตัว จนเซียวหย่งเสียนคว้าตัวเธอเข้ามากอด
“ครับ พี่เข้าใจ ในเมื่อหนูมาเป็นภรรยาของพี่ พี่สัญญาว่าพี่จะดูแลหนูให้ดีที่สุด เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ แม้หนูอาจจะไม่สุขสบายเหมือนก่อน แต่เราช่วยกันสร้างได้นี่ ใช่ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ก่อนจะโยกตัวเล็กน้อยเพื่อปลอบคนในอ้อมกอด ปกติเขาไม่ใช่คนฉวยโอกาสกับผู้หญิง ต่อให้เป็นชุยเหมยฮวาคนก่อนเขาก็ไม่คิดที่จะแตะต้องตัวเธอ แต่เธอคนนี้เขากลับไม่มีทีท่ารังเกียจทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกัน
“หนูไม่ใช่เด็กนะ ปลอบหนูเหมือนเป็นเด็กสามขวบเลย หนูหนาวแล้วไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
ชุยเหมยฮวาเงยหน้ามองเขาพูดอย่างอาย ๆ แต่กลับทำให้เซียวหย่งเสียนอดใจไม่ไหว จนต้องประกบปากของตนเองลงมากับปากน้อย ๆ ของเธอ เมื่อรู้ว่าคนในอ้อมกอดเริ่มจะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มจึงต้องปล่อยด้วยความเสียดาย
“พรุ่งนี้เราทำบุญให้กับเหมยฮวาคนเก่ากันนะครับ เธอจะได้ไปอย่างหมดห่วงและได้อยู่ในภพภูมิที่ดี และต่อไปเราสองคนจะไม่พูดเรื่องหย่ากันอีกแล้วนะครับ”
ทั้งสองคนสบตากันอย่างมีความหมาย ก่อนจะเดินจูงมือกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า คืนนี้ทั้งสองคนต่างก็นอนในอ้อมกอดกันและกันในมิติด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร
วันต่อมา ชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนออกมาจากมิติ จากนั้นจึงจูงมือกันเดินออกมาจากห้องเพื่อช่วยกันทำอาหาร เช้านี้เธอทำเต้าหู้นึ่งราดซีอิ๊วน้ำมันงา ผัดเปรี้ยวหวานหมู และผัดฟักทองใส่ไข่ และตุ๋นขาหมูไว้เพื่อทำบะหมี่ขาหมูสำหรับมื้อเที่ยง ทั้งสองคนต่างก็ช่วยกันทำ แม้ว่าส่วนมากคนที่ทำจะเป็นชุยเหมยฮวาก็ตาม เซียวหย่งเสียนช่วยเท่าที่ช่วยได้ จนผู้เฒ่าในบ้านเห็นภาพนี้ต่างก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“ดูท่าแล้วเจ้าใหญ่จะเปิดใจให้สะใภ้แล้วนะพี่” นางหลินหลานหันมายิ้มกับสามี
“ดีแล้วขอให้รักกันแบบนี้ตลอดไป อยู่จนแก่เฒ่าเหมือนเราสองคนที่รักกันและฝ่าฟันทุกปัญหาจนมีลูก ๆ โตหมดแล้ว”
เซียวจ้ายซวนยิ้มให้ภรรยาด้วยความรัก นางหลินหลานแม้จะอายุเยอะแต่ความสวยนั้นไม่ลดลงเลยในสายตาของสามี ยิ่งเห็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากเขินอายเขายิ่งชอบใจ
“พี่ก็พูดอะไรไม่รู้ แก่จนจะไม่รู้ลงหลุมวันไหนยังพูดหน้าไม่อายอีก”
“แล้วยังไง พี่รักเมียพี่มันผิดตรงไหน” แม้ว่าจะแก่แต่ความหน้าด้านของเซียวจ้ายซวนไม่ลดเลยเหมือนกับสมัยหนุ่ม ๆ ไม่ผิด
“ผิดครับ ผิดตรงที่พ่อไม่ดูสถานที่ ใช่เรื่องที่จะบอกรักแม่หน้าประตูห้องครัวหรือเปล่า” เซียวหย่งเสียนพูดนิ่งๆ ทำให้เซียวจ้ายซวนหมั่นไส้ลูกชายขึ้นมาตงิดๆ
“พ่อไม่ผิดค่ะพี่หย่งเสียน การที่รักใครสักคนหรือบอกรักใคร ไม่จำเป็นต้องเลือกสถานที่อีกทั้งอยู่ในบ้านเราเอง จะอายทำไมจริงไหมคะพ่อ” ชุยเหมยฮวาเข้าข้างพ่อสามีเต็มที่ จนนางหลินหลานมองค้อนสะใภ้ตัวเองอย่างไม่จริงจัง
“อย่ามัวแต่เล่นกันเลย อย่าลืมเอาอาหารไปให้บ้านชุยด้วยล่ะ จะได้รีบกลับมากินมื้อเช้า”
นางหลินหลานไม่ลืมที่จะเตือนลูกชายและลูกสะใภ้ให้เอาอาหารไปให้พ่อตาและพี่ชายภรรยา ในเมื่อเธอและครอบครัวมีอาหารดี ๆ กินเพราะสะใภ้คนนี้ ก็ควรจะแบ่งปันไปให้พ่อและพี่ชายของสะใภ้ด้วยเช่นกัน
จากนั้นชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนจึงรีบเอาอาหารไปให้พ่อและพี่ชายที่บ้านชุย สองพ่อลูกบ้านชุยจึงบอกกลับมาว่ามื้อเที่ยงไม่ต้องเอามา เพราะจะไปช่วยทำรถเข็นและโต๊ะสำหรับใช้ค้าขายและจะกินอาหารพร้อมกันเลย ทำให้นางเมิ่งเสียและชุยเผยหรานเก็บความโกรธและแค้นไว้ในใจ มีอาหารดี ๆ อยู่ตรงหน้าแต่ไม่สามารถกินได้ ใครไม่โกรธก็บ้าแล้ว