เมื่อมื้อเย็นผ่านไป ทุกคนจึงนั่งคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้องนอน เซียวหย่งเสียนก็เช่นกัน เขาทำแบบเดิมเช่นทุกคืน คือเอาฟูกและหมอนออกมานอนที่ห้องโถง แต่ครั้งนี้ชุยเหมยฮวากลับคิ้วขมวดและถามขึ้น
“ทำไมพี่ไม่นอนในห้อง จะไปนอนที่ห้องโถงทำไม”
“สมองได้รับความกระทบกระเทือนเหรอ ที่พี่ต้องไปนอนนอกห้องเพราะเราให้พี่ไปนอน”
“ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่คืนนี้ไป พี่ก็นอนในห้องนี่แหละ เราทั้งสองคนแต่งงานกันแล้ว จะแยกห้องทำไม?”
“คุณเป็นใครกันแน่ คุณไม่ใช่เหมยฮวาคนที่ผมรู้จัก” อยู่ ๆ เซียวหย่งเสียนถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“และไม่ต้องโกหก ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่เธอและคุณยังสามารถเอาของออกมาจากอากาศได้อีกด้วย ถ้าเป็นชุยเหมยฮวาคนก่อนเธอไม่มีทางทำได้แน่”
หญิงสาวตัวแข็งทื่อ ไม่คิดว่าเพียงวันเดียวเธอจะทำพลาดให้เขาเห็น จึงได้ถามกลับไปด้วยเสียงที่แผ่วเบาและไม่มั่นคง “พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้หรือเปล่าคะ เรื่องที่ฉันไม่ใช่ชุยเหมยฮวา”
เมื่อเห็นว่าเซียวหย่งเสียนส่ายหน้า เธอจึงพ่นลมหายใจและสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง เอาว่ะในเมื่อโดนจับได้แล้ว โกหกไปก็เท่านั้น ไม่สู้ยอมรับความจริงเสียแต่ตอนนี้
“คุณคิดถูกแล้ว ฉันไม่ใช่ชุยเหมยฮวา และไม่รู้ว่าเธอไปไหน ฉันไม่ใช่คนที่นี่ วันนั้นฉันขับรถบิ๊กไบค์เพื่อไปปรับอารมณ์ตัวเองที่ใจกลางกรุง และมีรถยนต์ขับตัดหน้า ทำให้ฉันชนตอม่อเข้าอย่างจัง ตัวฉันเองคิดว่าตายแล้ว แต่กลับมาฟื้นอยู่ในร่างนี้
ตอนแรกฉันตั้งใจจะเป็นชุยเหมยฮวาและเป็นภรรยาคุณต่อไป แต่ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าฉันไม่ใช่ เราสองคนก็หย่ากันเถอะ ฉันคงไม่มีหน้าอยู่ต่อในฐานะภรรยาของคุณ”
เธอคิดว่าอย่างมากก็แค่หย่าแล้วกลับไปบ้านเดิมเริ่มต้นใหม่ในฐานะหญิงม่าย ทำงานเก็บเงินสักหน่อยค่อยแยกตัวออกจากบ้านชุย
“อาจจะเป็นเพราะชะตา คุณถึงต้องมาอยู่ในร่างของภรรยาผม ในเมื่อเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดคุณ ชุยเหมยฮวาคนเก่าอาจจะหมดบุญไปแล้ว คุณเลยต้องมาอยู่ร่างนี้แทน แต่เรื่องนี้ขอให้รู้แค่คุณกับผมเท่านั้น
หากคุณไม่ทำอะไรผิดต่อผมและครอบครัว เราก็อยู่กันในฐานะสามีภรรยาต่อไป ในเมื่อผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ชุยเหมยฮวา คิดว่ากลับไปอยู่บ้านชุย พ่อและพี่ชายของเหมยฮวาจะไม่รู้เหรอว่าคุณไม่ใช่ลูกและน้องสาวของเขา”
ไม่รู้เพราะอะไรเขาจึงพูดแบบนี้ออกไป ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจเรื่องของชุยเหมยฮวาคนเก่า แต่ในเมื่อเธอหมดบุญไปแล้วจะให้เขาทำยังไง เท่าที่ฟังมาหญิงสาวคนนี้ก็ไม่ผิด เธอเองก็ตัวคนเดียวไม่มีคนรู้จัก ดังนั้นก็อยู่ในฐานะภรรยาเขาต่อไปก็แล้วกัน
“จริงเหรอคะ คุณให้ฉันอยู่ต่อไปได้ใช่ไหม” เธอยิ้มดีใจหากไม่เกรงใจคงวิ่งเข้าไปกอดแล้ว
“พูดใหม่” เซียวหย่งเสียนขมวดคิ้ว ให้เธอเปลี่ยนคำพูดใหม่ ชุยเหมยฮวายืนคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงยิ้มกว้าง
“ค่ะ พี่ให้หนูอยู่ด้วยจริง ๆ ใช่ไหม พี่ไม่โกหกนะ หนูสัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซน” ชุยเหมยฮวายิ้มดีใจก่อนจะโผเข้ากอดชายหนุ่ม แต่กลับโดนมือเขาดันหน้าผากไว้
“เป็นผู้หญิงหัดเรียบร้อยหน่อย”
เซียวหย่งเสียนดุ และส่ายหน้าอย่างจนใจ นี่เขาคิดผิดคิดถูกกันแน่ที่ยอมให้เธออยู่ด้วย ส่วนพรุ่งนี้เขาคงต้องไปทำบุญให้กับชุยเหมยฮวาตัวจริง หวังว่าเธอจะจากไปอย่างสงบ
“ทำเป็นดุ พี่อย่ามาหลงรักหนูทีหลังก็แล้วกัน เชอะ ว่าแต่ในเมื่อพี่รู้ความลับของหนูแล้ว หนูจะพาพี่เข้าไปในมิติ หนูเองก็กลุ้มใจว่าจะเอาของออกมาได้ยังไงไม่ให้ทุกคนสงสัย”
ในเมื่อรู้เรื่องแล้ว ก็เปิดเผยเรื่องมิติไปเลยก็แล้วกัน จะได้รู้ว่าชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของร่างนี้จะละโมบหรือไม่ หากละโมบก็หาทางหนีและโบกมือลาสิคะ รออะไร ถ้าไม่ใช่ก็ช่วยกันสร้างฐานะกันต่อไป
เมื่อพากันเข้ามาในมิติ เซียวหย่งเสียนจึงอยู่ในร้านอาหารของเธอ จะเรียกว่าร้านอาหารคงไม่ใช่ต้องบอกว่าเป็นภัตตาคารอันหรูหรามากกว่า
“นี่คือกิจการเพียงอย่างเดียวของหนูที่มีและติดตัวมาด้วย พี่คิดว่าเราเอาของไปขายในตลาดมืดดีไหม คงจะได้เงินเยอะ จะได้มีเงินสร้างบ้านและไว้ใช้จ่าย ทุกคนจะได้ไม่ลำบาก” เธอพูดลองใจอยากจะรู้ว่าเขาจะตอบยังไง
“อย่าเลย ในเมื่อมันคือกิจการของหนู ก็ทำมันเหมือนเดิมนี่แหละ อยากขายอาหารไม่ใช่เหรอ ช่วยกันทำดีกว่าแม้ว่าจะเหนื่อยแต่มันภูมิใจกว่านะ เพราะใช้แรงงานทำเองไม่ได้เอาของพวกนี้ออกไปเร่ขาย”
เซียวหย่งเสียนหลังจากที่รวบรวมสติได้เขาจึงตอบกลับตามความคิดของตัวเอง
“แล้วพี่ไม่อยากได้เงินเยอะๆ เหรอ”
“ไม่ล่ะ มีเงินเยอะแต่ไม่ได้มาเพราะหยาดเหงื่อแรงกายของตนเองพี่ก็ไม่ต้องการ ถ้าหนูอยากจะขายพี่พาเข้าตลาดมืดได้ หนูต้องเก็บเงินเองเพราะพี่ไม่ต้องการ
แต่ถ้าจะทำการค้าที่ใช้แรงงานของตนเองพี่ยินดีที่จะช่วย ทำงานหาเงินสักหน่อยคงจะเก็บเงินเช่าร้านได้ หากการทำร้านอาหารคือความฝันของหนูพี่ยินดีจะช่วย อย่างน้อยเราไม่ต้องลงทุนของอะไร” ในเมื่อมีวัตถุดิบขนาดนี้แล้ว ไม่สู้เก็บไว้กินหรือทำอาหารขายล่ะ คนจะได้รู้ด้วยว่าหาเงินมาได้เพราะทำการค้า
ชุยเหมยฮวายิ้มให้ ผู้ชายคนนี้ไม่มีความโลภในแววตาขณะที่พูด ดังนั้นเธอจึงพูดในใจว่า ‘เหมฮวา ในเมื่อเธอจากไปแล้ว ฉันจะทำบุญให้และจะดูแลพ่อและพี่ชายของเธอเอง แต่พี่หย่งเสียนหากวันไหนที่ฉันรักเขา ฉันขอนะ’ เธอขอในใจอย่างหน้าด้านๆ ผู้ชายดี ๆ และซื่อแบบนี้หากปล่อยไปก็เสียดายแย่
“ขอถามอีกคำหนึ่ง หากเอาผลไม้ไปตั้งแผงขายพร้อมกับทำอาหารขาย แบบนี้ได้ไหม ถ้าเกิดมีคนถามเราค่อยบอกว่ารับมา ได้หรือเปล่า”
“อืม ได้สิ ขอแค่ไม่เข้าตลาดมืดก็พอ มันอันตราย”
เซียวหย่งเสียนคิดไม่นานจึงตอบตกลง เรื่องขายของและผลผลิตพวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ตลาดในอำเภอหรือในเมืองมีขายเยอะแยะ ต่อให้เปิดร้านขายข้าวสารก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เขาเพียงไม่อยากให้เข้าตลาดมืดเท่านั้นเอง และที่สำคัญเขาเป็นผู้ชาย เป็นหัวหน้าครอบครัว และเป็นสามี หากเอาของที่ภรรยามีไปขายเพื่อให้ได้เงินมา แล้วศักดิ์ศรีของเขาอยู่ที่ไหนล่ะ
“พี่จะอาบน้ำไหม เดี๋ยวพาไปดูห้องเก็บของด้านหลัง มีของใช้ที่หนูซื้อเตรียมไว้ว่าจะเอาไปบริจาคบนดอย เสื้อผ้าพวกนั้นพ่อและทุกคนน่าจะใส่ได้” บนดอยนั้นส่วนมากจะใส่เสื้อคอจีนและเสื้อเชิ้ต ส่วนของผู้หญิงก็ไม่ผิดแปลกจากที่นี่มาก คิดว่าคงใส่กันได้ ยังมีผ้าอีกหลายพับ
“เอาไปบริจาค หมายความว่าหนูชอบทำบุญเหรอ ถึงได้ซื้อของมากมาย”
เซียวหย่งเสียนมองห้องเก็บของที่เธอบอก แต่สำหรับเขามันคือโกดังขนาดย่อม ยังมีจักรยานจอดเรียงรายอีกหลายคัน และยังมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ด้วย แต่ที่เขามองไม่วางตาคือมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สามคัน มีสีดำ สีแดงและสีน้ำเงิน หากจะบอกว่าเขาไม่สนใจคงโกหก แต่เพียงแค่สนใจไม่ช่อยากได้มาเป็นของตนเอง
“เดี๋ยวนะ ทำไมคันสีแดงยังจอดอยู่ที่นี่ล่ะ ในเมื่อขับมันไปชนจนพังยับเยิน”
ชุยเหมยฮวาแปลกใน ห้องนี้เธอใช้สำหรับเก็บรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น เพราะรถยนต์เธอจอดไว้ที่โรงรถ ในเมื่อเธอขับชนตอม่อไปแล้ว ทำไมรถยังอยู่ในสภาพเดิมล่ะ โอ๊ย! ยิ่งคิดยิ่งมึน
“เสี่ยวฮวา หนูอย่าบอกพี่นะว่าใช้มอเตอร์ไซค์คันใหญ่พวกนี้ขับขี่ไปไหนมาไหนเสมอ” เซียวหย่งเสียนถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ ต้องตัวใหญ่ขนาดไหนกันถึงจะขี่รถพวกนี้ได้ หากเป็นหญิงสาวร่างเล็กจะไม่ล้มโดนรถทับเหรอ
ชุยเหมยฮวาเหมือนจะเข้าใจในความคิดของชายหนุ่ม เธอจึงยิ้มให้และพยักหน้ารับ “หนูไม่ชอบขับรถยนต์ เพราะช่วงเวลารถติดมันไม่สะดวก และหนูชอบความเร็ว”
เซียวหย่งเสียนจึงไม่พูดอะไรต่อ หวังเพียงว่าคงไม่ขับรถพวกนี้ในเมืองหรือในอำเภอหรอกนะ ไม่งั้นคงมีคนแต่ตื่นแน่