ตอนที่ 8
หึงหรือหวง???
“ผมความจำสั้นน่ะครับ”
ชายหนุ่มพูดหน้าตาย ส่งผลให้คนข้างๆ หันขวับมามองทันที สายตาไล่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนแค่นหัวเราะออกมา
“แล้วคุณสอบตำรวจมาได้ยังไงคะ บกพร่องทางความจำอย่างนี้ หากให้ไปรบ ก็ได้พาคนไปตายกันหมดพอดี”
“ผมมีความสามารถพิเศษ แยกแยะเรื่องงานออก ถ้าเรื่องงานผมไม่เคยพลาด ถอยไปหน่อยสิ ผมจะล้างมือเนี่ย เดี๋ยวผมเบียดคุณก็ว่าผมฉวยโอกาส ผู้หญิงที่เข้าใจยากจริงๆ”
พูดพลางเบียดกระแซะเข้าไปพร้อมกันทั้งๆ ที่จะล้างอ่างข้างๆ กันก็ทำได้ แต่ก็เลือกที่จะมายืนเบียดกันแบบนี้ ลีลาวดีแกล้งยืนขวางอยู่อย่างนั้นไม่ยอมขยับหนี ยังคงล้างมือต่ออย่างใจเย็นและอ้อยอิ่ง อยากรู้ว่าเขาจะแกล้งกันอย่างไรต่อไป
“ฉันยังล้างไม่เสร็จ หัดมีมารยาทเสียบ้าง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ยืนอยู่อย่างนี้นั่นแหละ ดีเหมือนกัน ผมเป็นโรคขาดความอบอุ่นเสียด้วยสิ อยากให้คุณแม่มองก็เรื่องของคุณ ผมไม่อายหรอกนะ แล้วก็เข้าทางท่านพอดี”
ชายหนุ่มแกล้งเบียดเข้าไปมากขึ้น ก่อนยื่นมือไปรองน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อก โดยดันมือของอีกฝ่ายให้ไปอยู่ใต้ล่างแทน ลีลาวดีแกล้งเปิดน้ำจนสุดวาล์ว จนละอองกระเซ็นซ่านไปทั่ว หวังให้กระเด็นใส่หน้าของเขา ฝ่ายหนึ่งรีบปิด อีกฝ่ายหนึ่งเปิด ผลัดกันเอาคืนอยู่อย่างนั้น จนลีลาวดีอ่อนใจที่จะเอาชนะเขาอีกต่อไป
“นี่ อย่ามากวนประสาทกันได้มั้ย”
“ก็คุณเปิดแรง มันกระเด็นใส่หน้าผมเห็นมั้ย เปียกหมดเลย ผ้าที่ข้อมือคุณก็จะเปียกนะนั่น ผมไม่พันให้ใหม่นะ เพราะคุณอยากทำเปียกเอง”
เขาเหลือบมองมาที่ข้อมือของหล่อนชั่วขณะหนึ่ง อดที่จะเกิดความอาทรขึ้นมาในใจไม่ได้ แต่แล้วก็จางหายไปโดยพลันราวสายลมพัดผ่าน ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไปไม่มีอะไรให้ต้องจดจำ
“แล้วคุณจะมาแย่งฉันทำไม อ่างข้างๆ ก็มี”
“ก็ผมติดอ่างนี้นี่นา ล้างมือก็อ่างนี้มาตลอด ไม่เคยล้างอ่างอื่นสักที ล้างผิดอ่าง เดี๋ยวไม่สะอาด”
พูดพลางส่งยิ้มมาให้ เพราะรู้สึกขบขันในคำแถข้างๆ คูๆ ของตัวเอง ชั่วครู่รอยยิ้มก็จางลงไป เมื่อแม่บ้านเดินเข้ามาหาถึงในครัว
“เอ่อ…คุณเต้คะ มีคนมาหาค่ะ”
ยังไม่ทันที่ลีลาวดีจะพูดอะไรต่อ คำว่ามีแขกทำให้การสนทนาหยุดลงทันที ภาวิณีขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจว่าแขกของลูกชายที่มายามนี้นั้น เป็นสาวๆ อย่างที่เข้าใจหรือไม่
“ใครครับ”
“เอ่อ เธอบอกว่าชื่อจิ๊บน่ะค่ะ”
“จิ๊บ? จิ๊บไหน”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ เมื่อเขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าเธอเป็นใคร เนื่องจากไม่ค่อยได้กลับบ้านและไม่ได้อยู่ที่นี่เสียนาน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนไปมาหาสู่เขาที่บ้านหลังนี้อยู่แล้ว การที่มีผู้หญิงมาหาถึงบ้านในวันนี้เขาจึงค่อนข้างงุนงงว่าหล่อนมาด้วยเรื่องอะไร
“หมวดนัดมาเหรอจ๊ะ”
ภาวิณีรีบหันขวับมามองทันควันราวคาดคั้นเอาคำตอบ สายตาที่มองมาทำให้ภัทรพลรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน เพราะขนาดชื่อของหล่อนเขายังนึกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ
“ผมยังนึกไม่ออกเลยครับคุณแม่ จิ๊บไหน”
“ไม่ใช่ตามมาจากสนามบอลหรอกเรอะ”
ลีลาวดีเบ้ปากออกมาอย่างลืมตัว พลางทำหน้าเชิดใส่คนที่กำลังยืนงงก่อนหันไปล้างมือต่อ เมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกหมั่นใส่ชายหนุ่มข้างกายอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เชิญล้างให้หนังหลุดติดมือไปเลย ฉันจะกลับล่ะ”
หญิงสาวเดินสะบัดก้นไปยังโต๊ะทานอาหาร เพื่อหยิบเค้กที่วางอยู่ติดมือกลับบ้าน ท่าทีฟึดฟัดของหล่อนทำให้ภาวิณีรีบถลาไปดึงข้อมือเล็กเอาไว้ทันที
“เดี๋ยวสิจ๊ะ หนูลิลลี่”
“ลิลลี่จะกลับเลยนะคะคุณป้า หมวดคงไม่ต้องไปส่งแล้ว เพราะมีแขก”
หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้างอง้ำ อดที่จะส่งค้อนไปให้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ อาการของหล่อนนั้นภาวิณีจับเอาไว้ได้ทัน รีบเอ่ยดักคอขึ้นมาทันที
“ใจเย็นๆ จ้ะ แม่รู้ว่าเจอแบบนี้ก็ต้องหึงต้องหวงเป็นธรรมดา แต่ไม่ต้องกลัวนะ ของๆ เรา ยังไงก็ต้องเป็นของเราอยู่วันยังค่ำ”
“ไม่ใช่….”
ลีลาวดีต้องชะงักคำพูดที่ตั้งใจจะปฏิเสธออกมา เมื่อท่านหันไปมองชายหนุ่มต้นเหตุตาเขียว ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจด้วยซ้ำ ว่าหล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่กำลังเข้าใจอยู่ แต่แค่หมั่นไส้นิดๆ หญิงสาวบอกตัวเองอย่างนั้น
“หมวด!”
“ผมไม่รู้”
“ไปเคลียร์เดี๋ยวนี้ ทำไมต้องมาหากันถึงบ้าน บ้านช่องไม่ใช่สถานที่สาธารณะที่คนแปลกหน้าจะถือวิสาสะเข้ามาได้ ขนาดหมวดยังนึกไม่ออก แล้วอย่างนี้จะไว้ใจได้เหรอ”
‘รมิดา’
หลังจากพยายามนึกอยู่นาน ในที่สุดก็นึกออกว่าเธอคือใคร เพราะเขาไม่ได้ใส่ใจแม้จะเคยเห็นหน้ากันมาก่อนในฐานะคนบ้านเดียวกัน เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มรีบผลุนผลันออกไปด้านนอกทันที ด้วยตกใจยิ่งนักว่าหล่อนมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร
รมิดาผลุนผลันลุกขึ้นจากโซฟาหนานุ่มเมื่อเห็นภัทรพลกำลังเดินตรงมาทางตน ด้วยความเป็นห่วงทำให้หล่อนเผลอเข้ามาจับมือถือแขนชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว ชั่วครู่จึงรีบผละออกห่าง เมื่อสายตาของเขาบ่งบอกว่าไม่ชอบใจการกระทำนี้สักเท่าใดนัก
“พี่หมวดเป็นอย่างไรบ้างคะ จิ๊บได้ข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุ เพื่อนจิ๊บเอาไปบอก ก็เลยตามมาดูอาการ เจ็บตรงไหนมั้ยคะ”
เอ่ยถามพลางลอบสำรวจไปทั่วร่างชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยกลัวจะมีรอยฟกช้ำดำเขียวให้ต้องไม่สบายใจ หากแต่ว่าก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ที่ภายนอกของเขาไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่กลัวเอาไว้แต่ทีแรก
“เอ่อ…ไม่ได้เป็นอะไร แค่เฉี่ยวกันนิดหน่อย”
“โล่งอก นึกว่าเป็นอะไรมาก”
รมิดาเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบกาย พยายามมองหามารดาของเขา ด้วยหล่อนเองก็ไม่อยากเผชิญหน้าสักเท่าไหร่นัก เพราะรู้ถึงอิทธิฤทธิ์กันดีในเรื่องที่หวงบุตรชายจนขึ้นชื่อ ไม่ยอมให้สาวคนไหนได้เข้าใกล้ แต่หล่อนกำลังจะทำในสิ่งที่ถือว่าท้าทายมารดาของเขาอยู่มากทีเดียว เนื่องจากหักห้ามความต้องการของหัวใจเอาไว้ไม่ได้
‘ทำไมยายนี่ถึงดูสนิมสนมกับแม่ของพี่หมวด ใครกันนะ’ หญิงสาวครุ่นคิด เมื่อเหลือบไปเห็นลีลาวดีกำลังเดินออกมาพร้อมกับภาวิณี อาจเป็นเพราะลีลาวดีไปเรียนอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ยังเด็ก คนแถวนี้เลยไม่คุ้นหน้า แม้กระทั่งรมิดาเองก็ยังแปลกใจ ท่าทีสนิทสนมจนออกนอกหน้าทำให้หล่อนรู้สึกไม่ถูกชะตาลีลาวดีขึ้นมาในทันใด มารดาของเขาก็ทำเหมือนจะชื่นชอบกันจนออกนอกหน้า ต่างจากตนราวฟ้ากับเหว
“สวัสดีค่ะ คุณแม่”
“หือ…”
“อะ เอ่อ คุณป้า”
สายตาพิฆาตที่จ้องมองมา ทำให้รมิดารีบเปลี่ยนสรรพนามใหม่ทันที ด้วยลืมตัวเผลอเรียกอย่างสนิทสนม และรู้ตัวดีว่าอีกฝ่ายไม่พอใจในการแสดงออกของตน สังเกตจากสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่นัก ซ้ำยังทำรับไหว้แบบขอไปทีตามมารยาทเท่านั้น
“ไหว้พระเถอะจ้ะ”
“จิ๊บแค่มาเยี่ยมดูอาการพี่หมวดน่ะค่ะ”
ภาวิณีทำทีเป็นไม่ใส่ใจกับคำบอกเล่านั้น รีบหันไปทางภัทร
พล แล้วมองด้วยสายตาสื่อความหมายขณะเอ่ยตัดบทขึ้นมา
“หมวด หนูลิลลี่จะกลับแล้วจ้ะ ต้องไปส่งไม่ใช่เหรอ”
“อะ เอ้อ จริงสิครับ”
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด ท่ามกลางสถานการณ์ที่บีบคั้น หากให้เลือกระหว่างการขับรถไปส่งลีลาวดี กับอยู่คุยกับรมิดาต่อ เขาขอเลือกข้อแรกอย่างไม่ลังเล เนื่องจากยามนี้เขาอึดอัดใจอย่างเหลือแสนที่รมิดาแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่าคิดอย่างไรกับเขา ไม่เหมือนลีลาวดี ที่ถึงแม้จะถูกจับคลุมถุงชน แต่หล่อนก็ไม่เคยแสดงท่าทีอยากจะคบกับเขาเหมือนเช่นที่รมิดากำลังทำอยู่ในขณะนี้
“สวัสดีค่ะ คุณลิลลี่”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมหมวดหรือคะ”
“บังเอิญได้ยินข่าว ก็เลยรีบมาดูค่ะ นึกว่าเป็นอะไรมาก”
“หมวดไม่ได้เป็นอะไรจ้ะ แต่หนูลิลลี่เป็น ตอนนี้หมวดก็ต้องไปส่งหนูลิลลี่ คงไม่ว่านะจ๊ะ หากหมวดจะขอตัวตอนนี้เลย”
ภาวิณีรีบแทรกขึ้น พยายามที่จะกันลูกชายออกห่างจากหญิงสาวตรงหน้าโดยเร็วที่สุด ด้วยท่านดูออกว่ารมิดาเคลือบแฝงอะไรไว้ภายในใจ และท่านก็จะไม่วันให้ผู้หญิงคนไหนมาแทนที่ลีลาวดีเป็นอันขาด
“เอ่อ มะ ไม่เป็นไรค่ะ จิ๊บก็จะกลับพอดี แค่เห็นว่าพี่หมวดไม่เป็นอะไร ก็สบายใจแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ หมวดเขามีหนูลิลลี่คอยดูแลอยู่แล้ว”
แม้จะมีรอยยิ้มหวานส่งมาให้ แต่รมิดากลับดูออกว่ารอยยิ้มนั้นเคลือบอะไรไว้ ซ้ำถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยช่างกระแทกใจให้ต้องนิ่งงันจนพาให้อยากรู้ความจริงยิ่งนักว่าหญิงสาวตรงหน้ากับคนที่ตนแอบรักนั้นตามสถานะแล้วเป็นอะไรกัน
‘แฟนพี่หมวดหรอกเหรอ ไม่น่าใช่ ทำไมดูแปลกๆ’
“ไปสิ”
ภาวิณีส่งสายตาพิฆาตไปให้บุตรชายว่าสมควรไปจากตรงนี้ได้แล้ว ภัทรพลส่งยิ้มให้รมิดาเพื่อขอตัวตามมารยาท ก่อนเดินนำหน้าลีลาวดีไปด้านนอกทันที
“คุณเป็นอะไรของคุณ”
ภัทรพลตัดสินใจเอ่ยถามเมื่อเห็นลีลาวดีทำท่ากระฟัด กระเฟียดตั้งแต่เข้ามานั่งในรถแล้ว ซ้ำยังนิ่งเงียบไม่พูดกับเขามาตลอดทาง คล้ายมีอะไรซ่อนอยู่ในใจ
“เปล๊า”
“อาการแบบนี้ หึงชัวร์”
“จะบ้าหรือไง ไม่ใช่นะ!”
หญิงสาวเด้งกายนั่งหลังตรงทันที ความรู้สึกเหมือนถูกจี้ใจดำไม่มีผิด นึกแปลกใจในตัวเองว่าทำไมต้องเดือดร้อนไปกับคำพูดล้อเลียนของเขาด้วย ทั้งที่ไม่เคยคิดอะไรกับเขาแม้สักนิด
“ก็ตั้งแต่น้องจิ๊บมาคุณก็ทำมึนตึงใส่ผม อาการแบบนี้ แถวบ้านผมเรียกว่า เอ่อ…หวงก้าง”
“หลงตัวเองที่สุด ฉันจะไปหึงคุณทำไม อยากจะหนีหน้าไปให้ไกลด้วยซ้ำ ไปยันดวงจันทร์เลยยิ่งดี”
“มันก็ไม่แปลกนะลิลลี่หากคุณจะหลงรักผม เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าน่าคลั่งไคล้มากแค่ไหน”
ชายหนุ่มพูดไปขำไปเมื่อเห็นหล่อนเบ้ปากออกมาราวหมั่นไส้ที่เขาหลงตัวเองอย่างออกนอกหน้า แท้จริงเขาก็แค่อยากเห็นหล่อนยิ้มออกมาบ้างเท่านั้น ไม่ชอบเอาเสียเลยที่ปล่อยให้สถานการณ์อึม ครึมเช่นนี้ การที่จะให้หล่อนพูดก็ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น
“ฉันไม่เถียงกับคุณแล้ว เพราะคุณทั้งหลงตัวเอง แล้วก็กวนประสาท เถียงเท่าไหร่ก็ไม่มีวันชนะ”
“ก็ผมเป็นตำรวจนี่นา ต้องมีเหตุผลมาแย้งได้เสมอ”
“คุณมันนอกคอกไปหน่อย ชอบนำทฤษฎีมาใช้แบบผิดๆ”
“จริงๆ แล้วผมแค่อยากบอกคุณ อยากจะเตือนคุณ หากทำได้อย่าเผลอมอบหัวใจมาให้ผมเชียว เพราะผมไม่พร้อมจะดูแลใคร และผมก็ไม่ใช่ผู้ชายที่แสนดีอะไร กลัวว่าคุณจะผิดหวังหากวันข้างหน้าเราเปลี่ยนสถานะจากคนรู้จักมาเป็นคนรักกัน คุณคงเข้าใจที่ผมพูดนะ”
“เตือนตัวเองเถอะย่ะ ฉันนี่นะจะรักคุณ ไม่มีทาง ฉันไม่อยากเป็นม่ายก่อนวัยอันควร จะไปรู้ได้ยังไง วันหนึ่งคุณอาจถูกคนร้ายมันยิงเอาก็ได้”
“ผมเตือนตัวเองเสมอ ผมถึงได้บอกไงว่าอย่าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับผม คุณยังมีโอกาสเจอคนดีๆ อีกมากมาย”
“ขอให้ทำได้อย่างที่ปากพูด ทำเป็นปฏิเสธฉัน ที่แท้ก็จะได้ไปหาคนอื่น เหอะ”
“นั่นไง คุณกำลังเข้าสู่โหมดหึงหวง คุณกำลังหวงผมอย่างไม่รู้ตัวนะลิลลี่”
“ไม่มีทาง”
ลีลาวดีเบือนหน้าไปทางอื่น เมื่อเห็นเขาหรี่ตามองมาอย่าง
ล้อเลียน พยายามหลอกตัวเองว่าไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใด กับการที่เห็นเขามีผู้หญิงเดินเข้ามาในชีวิต แต่ส่วนลึกของหล่อนกลับแย้งกัน รู้สึกหวิวอยู่ในสี่ห้องหัวใจอย่างประหลาด ความรู้สึกยามนี้ไม่ต่างไปจากกำลังจะถูกแย่งของในครอบครองไป ของที่เคยบอกว่าไม่ชอบ ไม่สนใจแล แต่เมื่อจู่ๆ มีคนกำลังจะมาแย่งของในครอบครองที่ตนเคยมีสิทธิ์ จึงทำให้อดที่จะหวงแหนเอาไว้ไม่ได้ ไม่อยากให้ใครมาแย่งไป โดยที่ใจของหล่อนเองยังตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าจะเก็บของชิ้นนี้ไว้ใช้ประโยชน์อันใด