ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นเต็มความสูงขยับชุดของตัวเอง แล้วมองไปรอบ ๆ ตัวหญิงสาวเพื่อความมั่นใจว่าคนตัวเล็กจะปลอดภัยเมื่อตัวเองจากไป ยืนมองสังเกตอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินร้องเพลงกลับไปยังรถของตน แล้วติดเครื่องยนต์กระชากกลับบ้านของตัวเองอย่างอารมณ์ดี
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นแสงแดดส่องกระทบใบหน้าสวย เจ้าหล่อนขยับตัวไปมาด้วยความเมื่อยล้า แล้วภาพฝันร้ายเมื่อคืนก็สะท้อนเข้ามาในหัวเป็นฉาก ๆ หล่อนจำได้ว่าตัวเองกลับมาจากขายผลไม้ กำลังเข็นรถกลับบ้านไปหายาย แล้วตอนนี้...
มือเล็กลูบไล้ร่างกายตัวเองอย่างสำรวจ เพียงแค่ขยับตัวก็เจ็บที่กลางกาย พอจะลุกขึ้นก็ต้องทรุดกายลงนั่งอีกครั้ง หล่อนเจ็บ แถมตามเนื้อตัวก็มีแต่รอยแดงช้ำเต็มไปหมด เจ้าหล่อนก็ต้องฝืนความเจ็บช้ำในครั้งนี้แล้วลุกขึ้น เพื่อจะกลับบ้านไปหายาย ไม่รู้ป่านนี้ยายจะรู้รึยังว่าหล่อนนั้นไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน
พวงมาลา อุ่นหัวใจ หรือ ดอก วัย 19 ปี หญิงสาวผู้อาภัพอาศัยอยู่กับยายตาบอดเพียงสองคนเท่านั้น ตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็มีแต่ยายเท่านั้น สาวเจ้าหาเงินเลี้ยงตัวเองและยายมาตลอด และตอนนี้ก็ขายผลไม้ทุกวันตอนเย็นหลังกลับมาจากมหาวิทยาลัย
สาวเจ้าเลือกลงเรียนวิชาเฉพาะที่เรียนตอนเช้า เพราะตอนบ่ายจะต้องกลับมาเข็นผลไม้ไปขายที่ปากซอย หรือบางวันอาจเข็นรถเข็นไปขายตามหมู่บ้านจัดสรรแถวนี้ ชีวิตเธอไม่มีอะไรดีเลย แต่พวงมาลาก็พอใจกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้มาก
เมื่อฝืนความเจ็บปวดประคองร่างอ่อนแรงของตัวเองให้ลุกยืนขึ้นได้ หล่อนก็รีบมองหารถเข็นของตัวเอง เมื่อมองไปที่ข้างทางก็ยังเห็นจอดอยู่ที่เดิม เลยเดินไปยังรถเข็นเพื่อเข็นรถกลับบ้านไปหายาย ตอนนี้หญิงสาวต้องการกอดของยายจ๋าเหลือเกิน...
“ยายจ๋า...”
เมื่อมาถึงบ้านเห็นยายที่ตื่นมานั่งตำหมากที่หน้าบ้านน้อยหลังเล็กของตัวเอง สาวเจ้าก็วิ่งถลาไปกอดยายทันทีด้วยความต้องการกำลังใจ
“หืม! เป็นอะไรลูก วันนี้มาแปลก กอดยายแต่เช้าเลยนะเราน่ะ”
คนแก่ตาฝ้าฟาง มองไม่เห็นคิดว่าหลานสาวเพิ่งตื่นนอน ก็เป็นปกติที่พวงมาลาจะกลับมาจากขายผลไม้ดึกและมาถึงบ้านก็จะไม่เรียกตน เพราะตัวเองหลับแต่หัวค่ำทุกวัน
“ไม่มีอะไรค่ะยาย ดอกแค่อยากกอดยายเฉย ๆ ฮึก!"
หล่อนพยายามแล้วที่จะไม่ร้องไห้ แต่ก็อดไม่ได้ ตอนนี้สองแก้มนวลอาบเยิ้มไปด้วยน้ำใส ๆ เสียงสะอื้นไห้ก็ดังออกมาเรื่อย ๆ จนทำให้คนแก่มองที่ไม่เห็นขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย
“หลานเป็นอะไร ทำไมต้องร้องไห้ฮึ!” ถามน้ำเสียงอ่อนโยน
หญิงสาวผละออกจากคนเป็นยาย แล้วเช็ดคราบน้ำตาของตัวเอง แล้วก็ปดออกไปด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้ม แม้ว่าคนตรงหน้าจะมองไม่เห็น แต่หล่อนก็อยากจะยิ้ม ยิ้มให้กับชีวิตที่ถูกโจรโฉดกระทำกับตน
“ไม่มีอะไรค่ะ หนูแค่รักยายมากจนไม่รู้จะพูดยังไงดีค่ะ”
“เด็กน้อยของยาย...ไม่ร้องนะลูก ไม่ร้องนะ...ยายก็รักเรานะ” คุณยายรตีวัย 70 ปีดึงรั้งหลานสาวคนเดียวของตัวเองเข้ามาสวมกอด “วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอลูก”
“วันนี้ไม่มีเรียนค่ะยาย ดอกว่าจะไปซื้อผลไม้ที่ตลาดมาขายค่ะ ผลไม้เมื่อวานขายดีมากค่ะ ขายหมด หนูก็รีบกลับมานอนพักเลยค่ะ” ใช่ขายหมด แต่รีบกลับน่ะไม่ใช่ เพราะหล่อนเพิ่งมาถึงตอนนี้เอง แถมชุดนักศึกษายังไม่ได้ผลัดเปลี่ยนเลย
ถ้ายายมองเห็น ยายคงตกใจแน่ถ้าเห็นสภาพของเราตอนนี้ ขอบคุณที่ยายมองไม่เห็น หนูไม่อยากให้ยายต้องเสียใจ และเป็นห่วงหนู หนูรักยายนะคะ
พวงมาลาพึมพำกับตัวเอง แล้วกระชับกอดยายแน่นกว่าเดิม ตอนนี้หญิงสาวรู้ดีว่าตัวเองนั้นฝืนร่างกายและหัวใจแค่ไหน ฝืนทำเป็นเข้มแข็งทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเธออยากร้องไห้และอยากมีคนรับฟังความเจ็บปวดของตัวเองในตอนนี้เหลือเกิน
“ไปอาบน้ำนะลูก” รตีบอกหลานสาว
“ค่ะยาย”
หญิงสาวผละจากยายแล้วลุกเดินเข้าไปในบ้าน เพื่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อไปตลาดผลไม้ พอถอดชุดก็เห็นแบงก์ห้าสิบหล่นร่วงลงกับพื้นไม้ของบ้านตัวเอง
“เอ๊ะ! มันมาจากไหน...”
ก้มลงเก็บเงินขึ้นมาดูด้วยความสงสัย เพราะมันไม่ใช่ของเธอแน่ ๆ แต่มันหลุดร่วงออกจากเสื้อในของเธอ หรือว่า...
“เลว!”
เมื่อคิดว่าเป็นเงินของโจรถ่อย หล่อนก็กำเงินแน่นด้วยความเครียดแค้น เงินในมือยับยู่ยี่เพราะเจ้าของมือมีแต่ความแค้น พวงมาลาจำได้ดีแม้จะเป็นกลางคืน แต่ใบหน้าของโจรถ่อย เลวระยำคนนั้นมันติดตาไม่รู้ลืม ใช้เวลาเพียงครู่ใหญ่กว่าจะสงบสติควบคุมอารมณ์เดือดของตัวเองลงได้ เมื่อสงบก็จัดการเก็บเงินในมือใส่ในลิ้นชักหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วดึงผ้าเช็ดตัวมาพันรอบกายเพื่อจะไปอาบน้ำ