CHAPTER 3
รีบเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ สิ่งที่ต้องการก็เป็นถุงยางอนามัยนั่นแหละ แม้ว่าจะสำนึกขึ้นได้ว่าตัวผมเองมีสติครบถ้วน ผิดกับมีนที่ตอนนี้มีสติแค่ครึ่งเดียวเห็นจะได้ มันไม่ควรจบลงด้วยเซ็กซ์ แต่ก็กลัวว่าจะหยุดมีนและตัวเองไม่อยู่ จึงต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน
ระหว่างรอคิดเงินต่อสายหา ‘ป้อม’ พนักงานของวินคาร์
“(ครับพี่ลม)”
“ว่างไหม ช่วยมาเอารถพี่ไปไว้ที่บ้านได้หรือเปล่า”
“(ว่างครับ เดี๋ยวผมไปเอาให้)”
ผมจึงบอกสถานที่ ส่วนกุญแจสำรองน่ะป้อมรู้ที่เก็บอยู่แล้ว หากเป็นร้านที่ไปบ่อย ๆ คงจะฝากรถไว้ที่นั่น แต่นี่ไปครั้งแรก
ตอนแรกคนคุยของผมชวนไปที่ร้านนั้น ผมปฏิเสธเพราะขี้เกียจ มันไกลจากบ้านผม แต่พอเห็นมีนโพสต์ก็คว้ากุญแจแล้วออกมาเลย เมื่อก่อนจะไม่ตามเธอหรอก แต่นี่เห็นว่าเพิ่งเลิกกับแฟนก็กลัวจะเฮิร์ตหนักและเมามายจนขับกลับไม่ได้ ตั้งใจจะไปคอยดูอยู่ห่าง ๆ ไม่คิดว่าจะไปเจอมีนในสภาพนี้
ขึ้นรถมาได้ก็เอากระเป๋ามีนมาหาคีย์การ์ดเตรียมพร้อมไว้เลย
“เดี๋ยวก่อน มีน!!! หยุด!!!” ขับไปจอดตามที่มีนบอก พอลงจากรถมาได้มีนก็โผเข้ากอด ลูบไล้เนื้อตัวของผมไม่หยุด
“เจ็บ!” มีนมุ่ยหน้าที่โดนผมกระชากข้อมือไว้ และกำรอบข้อมือไว้แน่น ออกแรงดึงมาที่ลิฟต์และปล่อยให้เธอกดเลือกชั้น ผมไม่รู้ว่ามีนอยู่ห้องไหน รู้แค่ชื่อคอนโดนี่แหละ
กว่าจะมาถึงห้องได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร เพราะมีนไม่ได้สนใจจะเข้าห้องสักเท่าไหร่ จะจัดข้างนอกเลย!
“มีสติหน่อยดิมีน” รู้ดีว่าพูดไปก็เท่านั้น แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร
“จูบกัน” เธอว่าพลางคว้าคอรั้งผมเข้าไปจูบ บดขยี้กลีบปากของผมอย่างหนักหน่วงจนตัวผมเองเริ่มรู้สึกเจ็บ ไม่มีการรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากอุ่น หรือเธอทำไม่เป็น?
ผมเก็บความสงสัยไว้แล้วดันตัวมีนออก เดินหนีไปรอบห้องแต่เจ้าของห้องก็เดินตาม มีบ้างที่หยุดเดินและยกมือขึ้นนวดขมับ
“ไหวไหม” ตะโกนถามจากมุมหนึ่งของห้อง ซึ่งมีโคมไฟตั้งพื้นบังตัวผมอยู่ ก็รู้ว่ามันบังไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปหลบที่ตรงไหน
“มาหามีน” คนตัวเล็กกวักมือเรียก หน้าตาสะลึมสะลือคล้ายกับว่าจะหมดเรี่ยวแรงอย่างไรชอบกล
“มีนมีสติหรือเปล่า”
“…มี”
“พี่ชื่อไร”
“ลมบ้าหมู”
โอเค แปลว่าสติมีเยอะอยู่
เอ…หรือจะเรียกว่าไม่มีวะ
เพราะ ‘ลมบ้าหมู’ ที่มีนพูดนั้น เธอใช้เรียกผมเมื่อตอนที่เธอเรียนมัธยมต้น ตอนนั้นผมอยู่ปี 3 และมีนอยู่ ม.2 เราสองคนสนิทกันมาก ตั้งชื่อเรียกกันใหม่ ผมก็เรียกมีนว่า ‘ไอ้มึน’ แต่ก็นานแล้วที่เราไม่เรียกกันแบบนี้
“กอด” แว่วเสียงหวานออดอ้อนดังขึ้นมาเรียกสติผมให้หลุดจากห้วงความคิด ผมจึงรู้ว่ามีนมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ส่วนโคมไฟที่เอาบังตัวนั้น มีนก็ยกออกไปวางใกล้ ๆ แทน
หัวใจที่มันเคยเต้นเป็นจังหวะปกติพลันตึกตักระรัว อ้อมแขนของคนตรงหน้าโอบรัดตัวผมไว้แน่น
“ล้างหน้าล้างตา อาบน้ำไหม จะได้มีสติมากกว่านี้”
คนตัวเล็กลังเล เธอยังไม่ทันให้คำตอบผมก็ลากเธอมาที่ห้องน้ำ ใช้แขนข้างหนึ่งโอบตัวมีนไว้ไม่ให้ดิ้นหนี และใช้มืออีกข้างรองน้ำไปลูบใบหน้าสวย ทำซ้ำ ๆ หลายครั้งแล้วเอาผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนราวมาซับหน้าให้
“รู้สึกดีขึ้นไหม”
ไม่ได้คำตอบจากอีกฝ่ายด้วยคำพูด แต่ได้คำตอบเป็นการสอดมือเข้ามาในเสื้อของผมแล้วลูบวนที่หน้าท้องกำยำ อืม…ไม่ได้ดีขึ้นเลย
“มีน นี่พี่ลมนะ มีนมองหน้าพี่” ผมประคองแก้มนุ่มด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง ดวงตาของเธอจะได้จับจ้องหน้าผมแล้วคิดดี ๆ ว่าจะทำแบบนี้หรือ
“รู้ว่าเป็นลมบ้าหมู”
“ถ้ารู้แล้วจะยังทำหรือไง”
“มีนอยาก…” เธอกัดปากตัวเอง พอจะสื่อได้ว่าอยากอะไร
“แล้วมีนรับได้เหรอที่จะทำกับพี่จริง ๆ อะ”
เราสองคนมีเรื่องบาดหมางทางจิตใจ ซึ่งที่ผ่านมามีนไม่เฉียดกายเข้าใกล้ผมสักเท่าไหร่ คิดดูเหอะ ขนาดไลน์ยังเพิ่งแลกกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งที่เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
มีนสบตาผมนิ่ง ๆ แววตาของเธอยากเกินจะเดาออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผมจึงโอบเอวเล็กแล้วพามาที่เตียง
“ไม่นานมีนจะหายจากอาการนี้ นอนพักนะ” ฤทธิ์ของยาพวกนี้มักอยู่ไม่นาน แต่ก็เข้าใจว่ากว่าจะผ่านไปคนที่โดนคงทรมานไม่น้อย
มีนนอนนิ่ง ๆ ให้ผมห่มผ้าให้ เป็นแบบนี้แสดงว่ามีนพอจะควบคุมตัวเองได้แล้ว ผมจึงหมุนตัวหันหลังให้เพื่อที่จะออกไปนอนที่โซฟา
ทว่าข้อมือของผมถูกฉุดกระชากอย่างรุนแรงจนทรงตัวไม่อยู่และล้มลงบนฟูกนุ่ม เจ้าของเตียงพลิกตัวขึ้นมาคร่อมผมด้วยความรวดเร็ว
“ตอนนี้มีนอยาก…พี่ลมช่วยมีนนะ ไม่อยากช่วยตัวเองแล้วอ่า” แววตาเจือความอ้อนวอน เพียงครู่เดียวก็ยั่วยวน
“เบา!!!” ผมร้องลั่นเมื่อเห็นว่ามีนหงุดหงิดกับการถอดชุดของตัวเองจนเกือบจะฉีกให้ขาด “หยุดเลยนะ ไม่ต้องถอด”
มีนพยักหน้าหงึก ๆ แล้วถกชายกระโปรงขึ้นมาแทน ผมเบิกตาโตแทบถลน มีนไม่มีอะไรปกปิดช่วงล่าง จนความสวยงามเผยออกมาให้เห็น
ในเมื่อมีนควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมก็ต้องเป็นฝ่ายควบคุมเอง ยกมือขึ้นมาปิดตาตัวเองไว้ กระทั่งรู้สึกว่ามีนตวัดขาออกจากตัวผมแล้ว จึงปล่อยมือออก
“มีน!!!” เจ้าของชื่ออยู่ในสภาพเปลือยเปล่า หัวใจผมมันแทบจะเด้งออกมาเต้นข้างนอกแล้ว! สิ่งที่อยู่ในกางเกงมันก็ดันผงาดขึ้น อึดอัดจนอยากจะถอดกางเกงออก
ไม่รู้ว่ามีนรู้ความคิดของผมหรืออย่างไร เธอถึงได้ปลดเข็มขัดและจัดการกับกางเกงต่อ ซึ่งผมก็ทนกับความอึดอัดนี้ไม่ไหว จึงยกสะโพกให้ลอยขึ้นเพื่อให้เธอรูดกางเกงออกไปได้
จากนั้นคนที่มีสติไม่เต็มร้อยก็กลับมาขึ้นคร่อมผมอีกครั้ง ตรงนั้นของเธออยู่พอดีกับความเป็นชายที่แข็งขึง
แววตาเซ็กซี่คู่นั้นที่จับจ้องผมไม่วางตากำลังฉุดผมให้ด่ำดิ่งลงไปอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
“ไม่เคยอยากขนาดนี้เลย” เธอเอ่ยเสียงกระเส่าพลางร่อนสะโพกด้วยจังหวะเนิบนาบให้ของเราเบียดเสียดแนบชิดกัน ก่อนที่เธอจะกัดปากและเปล่งเสียงหวามหวิวออกมา
โอเค…กูยอมแล้ว สติกูก็ไม่มีแล้วเช่นกัน!
ผมพลิกตัวมีนให้นอนราบลงกับฟูกนุ่ม แล้วเอากล่องถุงยางอนามัยที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างออกมาโยนลงบนที่นอน ปลดเปลื้องอาภรณ์ชิ้นสุดท้าย ก่อนที่จะขึ้นคร่อมทาบทับกับร่างเล็ก