“ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นหรือยัง” มาโปรดถามพลางมองคนตัวเล็ก มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า โดยไม่รู้ว่าสายตาเช่นนี้ของเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เพลินดูดีขึ้นนะ แก้มมีสีเลือดขึ้นมาบ้างแล้ว” เขาสรุปเอาจากที่เห็น
ภายใต้ดวงตาสีนิลที่สำรวจไปทั่วร่าง ไพลินรู้สึกแปลก ๆ ไม่ใช่ว่าไม่เคยอยู่ใกล้มาโปรด ตอนเด็ก ๆ เธอเคยขึ้นหลังขี่คอเขาเป็นว่าเล่น แต่เวลานี้เธอไม่อาจอธิบายได้ว่ารู้สึกอย่างไร ความรู้สึกที่เคยมีกับอาโปรดมันไม่ใช่แบบนี้ ความรู้สึกนี้ กับเมธาเองก็เกิดขึ้นน้อยครั้งมาก เธอต้องขยับตัวไปมาถอยห่างจากเขาเล็กน้อย ทำไมจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าอาโปรดของเธอดูหล่อเซ็กซี่เหลือเกิน หรือเป็นเพราะเธอโตขึ้น เข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้นในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง ไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสาที่ไม่เข้าใจเรื่องชายหญิงอย่างในวันวาน
“ขอบคุณค่ะ เพลินรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” ไพลินก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตาชายหนุ่ม
“มาทางนี้เถอะ”
ไพลินมองมือใหญ่ที่ยื่นส่งมาตรงหน้า ช่างใจสักพัก แล้วเธอก็ตัดสินใจยื่นมือออกไปวางบนมือเขาอย่างไม่ลังเล สิ่งนี้ก็ทำให้เธอเองรู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกัน ความร้อนจากปลายนิ้วและฝ่ามือสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับเธออย่างประหลาด แต่มันคงจะดีกว่านี้ หากเธอจะทิ้งความรู้สึกสั่นประสาทที่กำลังกัดกินอยู่ในหัวไปได้ทั้งหมด
มาโปรดพาหญิงสาวมาที่รถสามล้อที่ใช้บรรทุกผลผลิตในไร่ ด้านหลังมีถังเก็บความเย็น เขาเปิดถังแล้วหยิบขวดน้ำส้ม บิดฝาแล้วส่งให้ ไพลินรับมาดื่มโดยไม่ลังเล
“อร่อยจังค่ะ!” เธอดื่มไปอีกหนึ่งแล้วทำตาลุกวาว ยกขวดขึ้นมอง
“คั้นสด ๆ ส้มในสวนของเราเอง” มาโปรดยิ้มกว้าง “อาปรับปรุงพันธุ์อยู่หลายปีกว่าจะได้แบบนี้”
“อาโปรดยอดที่สุดเลยค่ะ”
ไพลินยิ้มกว้างจนเห็นหันขาวที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบสวยงาม แล้วยกน้ำส้มในมือดื่มอึก ๆ เพราะรสชาติหวานโดยธรรมชาติกับความเย็นทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีหลังจากที่ต้องเดินกลางแดดร้อน ๆ
ชายหนุ่มเห็นมุมปากของเธอเลอะคราบน้ำส้มจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อเช็ดมุมปากให้ ปกติเขาเป็นคนเหงื่อเยอะเลยพกผ้าเช็ดหน้าเป็นประจำ แต่ก่อนก็มีเขินอายอยู่บ้างแต่นานไปก็ชิน
“ถ้าชอบก็ดื่มเยอะ ๆ จะได้สดชื่น ขากลับจะให้คนเอาไปให้ที่บ้านคุณตาด้วย”
ได้ยินคำว่าคุณตา ไพลินก็หน้าหมองลงเล็กน้อย เธอยังไม่ได้เตรียมใจเล่าเรื่องเธอกับเมธาให้คุณตาและคุณยายทราบ ในชีวิตของไพลินผูกพันกับทั้งสองมากกว่าพ่อแม่แท้ ๆ ของตัวเองเสียอีก เธอกลัวว่าจะทำให้ท่านทั้งสองผิดหวังและเสียใจ
“ไม่ต้องห่วงนะ อาจะไปด้วยไม่ให้เพลินกลับบ้านคนเดียวหรอก” อยากดึงมือเล็กมากุมให้กำลังใจ
“ขอบคุณค่ะ” ไพลินเงยหน้าส่งยิ้มให้เขา ชีวิตเธอยังไม่เลวร้ายนักหรอก อย่างน้อยก็ยังมีอาโปรดที่ยังดีกับเธอเสมอ เหมือนตอนที่เธอยังเป็นเด็ก
“โอ๊ย! ร้อน ขอดื่มน้ำส้มเย็นๆ สักขวดสิ”
เสียงโวยวายดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะมาถึง เจ้าของเสียงกระโดดลงจากท้ายรถสามล้อที่บรรทุกเครื่องมือตัดแต่งกิ่งและคนงานกลับเข้ามา ไพลินส่ายหน้าไปมาแล้วยืดแผ่นหลังตั้งตรง หวังใช้ร่างกายใหญ่โตบดบังสายตาของคนที่เข้ามาใหม่ แต่ไม่อาจทำได้อย่างใจคิด เพราะเจ้าคนนั้นดันเห็นเสียก่อน
“โอ๊ะ! สาวสวยที่ไหนเนี่ย หน้าตาน่าเอ็นดูจัง” คนพูดยิ้มทะเล้น “ออกมาเดินเล่นข้างนอกได้แบบนี้คงอาการดีขึ้นแล้วนะครับ”
“คะ?” ไพลินหันไปสบตากับมาโปรดอย่างงุนงง เขาพูดเหมือนรู้จักเธอ แต่เธอแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักชายตรงหน้ามาก่อนแม้แต่น้อย
“นี่หมออนันต์ เพื่อนอาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม พอดีลาพักร้อนเลยมาขอกินฟรีอยู่ฟรีที่ไร่ของอา” พ่อเลี้ยงหนุ่มจำใจแนะนำอย่างเสียมิได้
“กินฟรีอยู่ฟรีที่ไหน เมื่อวานก็ยังได้ทำหน้าที่หมอช่วยดูแลคนสวยอยู่เลย” อนันต์หัวเราะร่า “ผมชื่ออนันต์ครับ ไม่ต้องเรียกหมอก็ได้ เรียกพี่อนันต์ก็พอ”
“เรียกอาอนันต์ก็ได้ เจ้านี่อายุเท่าอา” มาโปรดกระแทกน้ำเสียงไม่พอใจ ขนาดอยู่ต่อหน้ายังกล้ามาเต๊าะคนของเขา