ร่างเพรียวบางได้สัดส่วนสวมชุดเดรสกระโปรงยาวคลุมเข่าสีม่วงเปลือกมังคุดปักลายดอกไม้เล็ก ๆ สีขาวที่ปกเสื้อ ผมยาวคลี่สยายเต็มแผ่นหลัง เนื่องจากไม่มีอะไรมัดผม ไพลินจึงขอยืมผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของเขามาใช้มัดผมแทนยางรัดผมเพื่อให้เขาชุดกัน
หญิงสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างของมาโปรด ปีนี้เขาคงอายุสามสิบสองแล้วสินะ แต่ไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปที่เคยรู้จัก ‘อาโปรด’ ของเธอรูปร่างสูงใหญ่ พูดได้เต็มปากเลยว่าภายใต้เสื้อผ้าที่ปิดบังอยู่ ร่างกายเขาจะต้องเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่แข็งแกร่ง ยิ่งสวมเสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อตกับกางเกงยีนสีเข้มและรองเท้าผ้าใบแบบหุ้มข้อ ทำให้เขายิ่งดูแข็งแกร่งน่ามองมากยิ่งขึ้น
ไพลินกะพริบตาปริบ ๆ สมองสับสนกับความคิดของตัวเองไปชั่วขณะ
ไม่ได้นะ นี่คือ ‘อาโปรด’ ที่แสนใจดีนะ ถึงจะไม่เป็นญาติกันทางสายเลือด แต่เธอก็นับถือเขาเป็นเสมือน ‘คุณอา’ มาตั้งแต่ไหนแต่ไหร่ เธอไม่ควรคิด ‘เป็นอื่น’ กับเขา
เตือนตัวเองแบบนั้น แต่สายตาไม่อาจละไปจากร่างสูงสง่าที่กำลังชี้ไม้ชี้มือสั่งงานคนงานอยู่ได้เลย เขาแผ่รัศมีน่าเกรงขามในฐานะพ่อเลี้ยงของไร่ที่ทุกคนต่างเขารพยำเกรง
มาโปรดชวนไพลินออกมาดูงานในสวนส้มไร่รุ่งอรุณ เขาคิดว่าเธอคงอยากเดินทอดน่องคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจึงไม่ได้ให้มายืนใกล้ ๆ ทว่าเขากลับรู้สึกว่าสายตาของบรรดาคนงานมองเลยเขาไปยังด้านหลัง เขาใช้สายตาดุดันกวาดตามอง ทำเอาบรรดาคนงานก้มหน้างุด เขาส่ายหน้าไปมาแล้วหันกลับไปมองด้านหลังบ้าง ทำให้เห็นดวงตาคู่งามกำลรังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มขมวดคิ้วที่เห็นสีหน้าแปลก ๆ ของไพลิน เขาหมุนตัวเดินกลับมาใกล้ ๆ เพราะร่างที่สูงกว่ามากทำให้เขาต้องโน้มหน้าลงเล็กน้อย
“เหนื่อยหรือเปล่าเพลิน”
ไพลินได้สติก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่ค่ะ เอ่อ...ตื่นตาตื่นใจกับไร่ส้มของอามากกว่าค่ะ ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะมากเลยนะคะ”
“อืม ตอนนั้นไร่ของอามีไม่กี่สิบไร่เองแล้วก็ทำฟาร์มปศุสัตว์ด้วย แต่ยิ่งทำยิ่งเข้าเนื้อ อาเลยเปลี่ยนมาเป็นทำไร่ส้มแทน พอได้ผลดีก็ค่อย ๆ ซื้อที่ดินขยายเพิ่มเรื่อย ๆ จนกลายมาเป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ”
“อาโปรดเก่งจังเลย” ไพลินชื่นชมจากใจจริง เรื่องของเขาเธอเคยได้ยินมาบ้างจากที่ตาเล่าให้ฟัง ว่าเขาเป็นคนพลิกฟื้นกิจการที่เกือบจะล้มละลายของไร่รุ่งอรุณขึ้นมา ทำให้ตอนนี้ทั่วทั้งภาคเหนือไม่มีใครไม่รู้จักพ่อเลี้ยงมาโปรดแห่งไร่รุ่งอรุณ
เขาเคยมาเจรจาขอซื้อที่ดินเปล่าที่อยู่ติดกันกับไร่เขาจากตา แต่ตาไม่ยอมขาย บอกว่าจะเก็บไว้เป็นสมบัติให้หลานสาวอย่างเธอ เขาก็ไม่เซ้าซี้ให้รำคาญใจ และไม่ใช้อิทธิพลที่มีอยู่มาบีบบังคับตาให้ขายด้วย กลับกัน เขายังคงไปมาหาสู่เยี่ยมเยียนสองผู้เฒ่าอย่างสม่ำเสมอ
มาโปรดสังเกตเห็นแก้มเนียนแดงระเรื่อ เข้าใจไปว่าเธอคงร้อนจึงถอดหมวกปีกกว้างที่สวมอยู่ สวมบนศีรษะของหญิงสาว แต่เพราะขนาดศีรษะที่ต่างกันทำให้หมวกเลื่อนลงมาปิดบังใบหน้าของเธอเสียมิด
“อาโปรด!” ไพลินเข้าใจว่าเขาจงใจแกล้งเธอเหมือนตอนเป็นเด็กจึงขึ้นเสียง ดันปีกหมวกขึ้น ดวงตาวาววับหมายจะเอาเรื่อง และเพราะส่วนสูงที่ต่างกันมาก คิดจะเถียงกับเขา เธอจึงเขย่งปลายเท้าขึ้นอีก “แกล้งเพลินหรือคะ!”
“เปล่า!” มาโปรดส่ายหน้าไปมา แต่ท่าทางเหมือนลูกแมวพองขนทำให้อดหัวเราะไม่ได้ ตอนเด็ก ๆ เขาเคยสวมหมวกให้ยัยเด็กจอมซนแต่หมวกใหญ่และหลวมจนปิดหน้าเด็กน้อยทำเอาเธอเดินโซเซล้มก้นกระแทกพื้น แทนที่เขาจะช่วยแต่กลับยืนหัวเราะ ทำให้เด็กน้อยไม่พอใจ ถอดหมวกปาใส่เขาแล้ววิ่งแจ้นกลับไปฟ้องคุณตา ทว่ากลับเป็นเด็กน้อยที่โดนคุณตาดุเพราะแอบหนีออกมาโดยไม่บอกผู้ใหญ่ในบ้านสักคน
ท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมและเสียงหัวเราะที่คนในไร่แทบไม่เคยได้ยิน ทำเอาบรรดาคนงานเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ ปกติพ่อเลี้ยงหน้าดุไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าใกล้ ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนมาอ่อยให้ท่า ไม่ว่าจะสวนหยาดฟ้ามาดินมา หรือเป็นลูกสาวสุดรักของผู้มีอิทธิพลขนาดไหน พ่อเลี้ยงได้ด่ากระเจิงไม่มีไว้หน้า
ชื่อ ‘พ่อเลี้ยงมาโปรด’ ไม่ได้อ่อนโยนสักนิด
ภาพที่เห็นตรงหน้าจึงทำให้คนงานต่างแอบลอบมองและซุบซิบกัน สงสัยว่าสาวน้อยคนนี้เป็นใครกัน จะใช่ว่าที่แม่เลี้ยงแห่งไร่รุ่งอรุณหรือเปล่า