“ก็...ก็หมั้นแล้ว งานแต่งก็กำลังจะจัด...แล้วผู้หลักผู้ใหญ่ก็...” เสียงไพลินสั่น ตัวหดลีบเหลือแค่คืบ เธอหวาดกลัวเขาแล้วจริง ๆ เธอไม่เคยเห็นอาโปรดที่อบอุ่นใจดีกลายร่างเป็นยักษ์ตัวโตแบบนี้มาก่อน
“อย่าบอกนะว่านี่คือเหตุผลที่เพลินอยากแต่งงาน!” มาโปรดพยายามควบคุมน้ำเสียงเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังหวาดกลัวตัวเองแต่ก็ทำได้ยากเต็มทีเพราะความร้อนรุ่มในใจ ซึ่งต้นเหตุยังทำหน้าตาใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราว เห็นแล้วอยากจะจับมาสั่งสอนด้วยจูบเสียเดี๋ยวนี้
“ก็...”
ไพลินทำหูลีบคอตก ยิ่งทำให้คนมองของขึ้น
“เคยไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกมา น่าจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง ทำไมถึงดูโง่แบบนี้นะ”
“อาโปรด!” ไพลินเบ้ปากไม่พอใจบ้างเมื่อถูกคนตัวโตว่าปาว ๆ “เมธเขาก็เป็นคนดี ดูแลใส่ใจเพลินทุกอย่าง ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องทำให้เจ็บช้ำน้ำใจเลยสักนิด”
“ก็เพราะเราจับไม่ได้หรือเปล่า คนเราอยู่ดี ๆ มันไม่กลายเป็นตัวเงินตัวทองขึ้นมาหรอก มันต้องมีความเลวในสันดานซ่อนอยู่แล้ว”
ไพลินอ้าปากกว้าง “อาโปรดปากร้ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“อาก็เป็นแบบนี้ของอามาตั้งนานแล้ว แต่อาแค่อยากเป็นคนดีในสายตาเพลินไง” เขาแยกเขี้ยวใส่ “ผู้ชายดี ๆ มีอีกเยอะ ไม่มีมันก็ไม่ตายหรอก!”
คราวนี้ไพลินหัวเราะออกมาอีกครั้ง อันที่จริงเธออยากหยอกมาโปรดเล่นมากกว่า อยากรู้ว่าเขายังเป็น ‘อาโปรด’ ของเธอเหมือนเมื่อตอนที่เธอเป็นเด็กอยู่ไหม?
เอ๊ะ! เธอว่าอะไรนะ อาโปรดของเธองั้นหรือ
เธอส่ายหน้าขับไล่ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรออกไปแล้วคุยกับเขาต่อ
“ขอโทษค่ะ เพลินแค่อยากหยอกอาเล่น ๆ แต่ไม่นึกว่าอาจะโกรธถึงเพียงนี้ แล้วเพลินต้องทำยังต่อไปดีคะ”
“เรื่องนี้ไม่ยาก เดี๋ยวอาจัดการให้เอง”
มาโปรดยิ้มอย่างผ่อนคลายเมื่อรู้ว่าหญิงสาวไม่ได้คิดจะกลับไปคืนดีกับคู่หมั้นสารเลวนั่นอีก ทว่ายังไม่ทันพูดอะไรก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาจึงลุกจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตูรับถุงเสื้อผ้ามาจากแม่บ้านแล้วเดินกลับมาพร้อมยื่นถุงส่งให้ไพลิน
“ตอนนี้” เขาพูดเสียงเรียบ “ถึงเวลาที่ต้องถอดเสื้อออกแล้ว”
“อะไรนะคะ!”
ท่ามกลางแสงอาทิตย์และสายลมโชยผ่าน ชายหนุ่มระบายยิ้มเจ้าเล่ห์สบนัยน์ตาตื่นตระหนกของหญิงสาว ใบหน้าที่เคยซีดเซียวกลับแดงระเรื่อขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกตนเองไว้แน่น
“ไม่ค่ะ” ไพลินส่ายหน้า หันรีหันขวางสอดส่ายสายตาเตรียมหาช่องหนีหากเกิดอะไรขึ้น
มาโปรดเม้มริมฝีปากแน่น ท่าทางตื่นตกใจราวลูกกวางน้อยที่กำลังตกเป็นเหยื่อของราชสีห์ของเธอทำให้เลือดในกายของเขาร้อนขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
“อาหมายถึงเพลินต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วถอดชุดของอาออกได้แล้ว คิดไปถึงไหนฮึเรา” เขาส่ายหน้าหัวเราะเบา ๆ
“แต่ไม่ใช่ตอนที่มีอาโปรดจ้องอยู่แบบนี้หรอกนะคะ” เธอทำดุแก้เขิน พวงแก้มขาวนวลขึ้นสีแดงระเรื่อบนใบหน้าชัดเจน เธอรีบก้มหน้าเพื่อหลบตาเขา กัดริมฝีปากล่างเพราะความรู้สึกประดักประเดิด
มาโปรดเห็นแล้วนึกมันเขี้ยว อยากดึงเธอมาหอมแก้มสักทีสองที
ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ใกล้ชิดผู้หญิง เมื่อไหร่กันนะ...
“ถ้าอากออกไป แล้วเพลินเป็นลมจะทำยังไง” เขาแกล้งถาม แต่น้ำเสียงแหบพร่าลงอย่างไม่รู้ตัว พอนึกถึงเมื่อคืนที่ได้อุ้มร่างนุ่มนิ่ม ความรู้สึกท่อนล่างก็เคร่งเครียดขึ้นมา
“เพลินดูแลตัวเองได้ค่ะ ไม่ต้องให้อาโปรดช่วยหรอก” เธอพึมพำ รู้สึกประหลาดใจตัวเอง ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในช่องท้อง ร้อนรุ่ม ปั่นป่วน วูบไหว หรือเธอจะไม่สบายเข้าแล้วจริงๆ
กว่าจะรู้สึกตัวมาโปรดก็สาวเท้าเข้ามาใกล้ เธอจึงฉวยถุงใส่เสื้อผ้าจากมือชายหนุ่มแล้วรีบหมุนตัวเดินไปที่ห้องน้ำโดยเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงกริ๊ก! เสียงล็อกประตูห้องน้ำ มาโปรดก็กระตุกยิ้มร้ายกาจ เธอไม่ต้องล็อกประตูห้องน้ำหรอก ไม่มีความจำเป็นใดเลยที่จะต้องทำแบบนั้นเพราะเขาไม่ใช่คนฉวยโอกาส...มั้ง...
เขาเป็นแบบนั้นมาตลอด สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างดี ไม่เคยฉวยโอกาสกับผู้หญิงแม้ว่าจะเคยโดนอ่อยหรือยั่วยวนสารพัดรูปแบบ แต่เมื่อได้อยู่ใกล้กับสาวน้อยไร่ข้าง ๆ คนนี้ เธอไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ความเป็นธรรมชาติของเธอกลับทำเขาเสียความควบคุมอยู่บ่อย ๆ จำต้องบังคับตัวเองไม่ให้มือไม้ไปแตะเนื้อต้องตัวมากเกินควร หรือแม้กระทั่งลอบสูดกลิ่นกายหอม ๆ แต่ก็ทำได้ยากเต็มที
อาการแบบนี้มันน่าหงุดหงิดมากแต่ก็เข้าใจได้ เขากับเธอเลยผ่านวัยเยาว์มาแล้ว บัดนี้เบื้องหน้าเขาคือหญิงสาววัยยี่สิบสี่ที่เสียน้ำตาให้กับความรัก ซึ่งไม่ใช่ความรักที่มีต่อเขา ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แววตาแข็งกร้าวราวกับกำลังจะเฉือนเนื้อใครออกมาเป็นชิ้น ๆ
“คุณประวิตร ผมมีเรื่องให้ช่วยสืบให้หน่อย อืม ประเดี๋ยวผมส่งรายละเอียดไป คุณจัดการให้ด้วย”
เจ้าของไร่รุ่งอรุณฟังปลายสายรับคำสั่งเป็นที่แน่ชัดแล้วจึงเก็บโทรศัพท์ เขายืนกอดอกครุ่นคิดถึงหญิงสาวที่อยู่ในห้องน้ำ แม้จะไม่ได้พบกันนานหลายปี แต่เขาก็คอยติดตามข่าวของเธออยู่เสมอ แต่ก่อนนั้นไพลินเป็นแค่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในความรู้สึกของเขา เจอกันอีกครั้งแม้ตอนแรกจะอยู่ในสภาพสะบักสะบอมราวลูกนกบาดเจ็บ แต่ไม่อาจปิดบังความจริงที่ว่าเธอกลายเป็นสาวสะพรั่งแล้ว
เสียงเปิดประตูดังขึ้นแผ่วเบา ใบหน้าอ่อนหวานโผล่มาจากหลังบานประตู มาโปรดสบตากับดวงตาวาววับคู่นั้นเพียงครู่หนึ่งเหมือนหญิงสาวกำลังชั่งใจอะไรสักอย่าง เธอจึงค่อยก้าวออกมายืนเบื้องหน้าเขา ทำเอามาโปรดต้องสูดลมหายใจลึกสะกดความรู้สึกที่มีทั้งหมดไว้ภายใน
ภาพตรงหน้าเป็นเครื่องย้ำชัดว่าเวลานี้เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่คอยวิ่งตามเขาคนเดิมอีกแล้ว ทุกอย่างในตัวเธอปลุกเร้าความเป็นบุรุษของเขาจนแทบคลั่ง!