บทที่4/1

990 คำ
อาติณณ์เดินมาหยิบกรอบรูปซึ่งกระจกแตกเสียหาย มองหญิงสาวในรูปแล้วยิ้มในใบหน้า ก่อนจะพึมพำกับใบหน้าแย้มยิ้มของหญิงสาว ที่เหมือนมองสบตาเขาอยู่เช่นกัน “ผมคิดถึงคุณนะ แพรว” อาติณณ์มองหญิงสาวที่เป็นรักแรกของเขานิ่ง เหมือนจะให้ภาพแห่งความสุขในเวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันย้อนกลับมา แพรวพรรณเป็นเพื่อนของเพื่อนที่ถูกแนะนำให้รู้จัก เขาประทับใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พูดคุย แพรวพรรณอาจไม่สวยโดดเด่น แต่ก็จัดว่าหน้าตาดีคนหนึ่ง ผิวของเธอขาวลออเนียนละเอียดเหมือนผิวเด็กทารก อาติณณ์ไม่เคยลืมวันแห่งความสุขที่ได้แนบชิดด้วยความเต็มใจของเธอ เมื่อทั้งเขาและเธอตกลงจะแต่งงานกันหลังเรียนจบ แม้จะเป็นการชิงสุกก่อนห่ามของทั้งคู่ อาจเพราะตอนนั้นทั้งเขาและแพรวพรรณยึดถือความรักเป็นใหญ่ มองข้ามขนบธรรมเนียมประเพณีและคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ และในตอนนั้นต่างก็มั่นใจว่าทั้งสองคือคู่แท้ที่ไม่มีวันแยกจากกัน หลังเรียนจบก็จะรีบแต่งงานกัน การมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายหรือผิดมหันต์ในความคิดของทั้งคู่ แต่แล้วก็มีเหตุให้ทั้งสองไม่ได้แต่งงานกันในทันทีและไม่มีวันได้แต่งงานกัน เมื่อผู้ปกครองของแพรวพรรณรับรู้แล้วแยกเธอไปจากเขา วันที่บิดาของแพรวพรรณมาพาตัวเธอไปจากห้องเช่า ซึ่งทั้งสองพักอยู่ด้วยกันนั้น อาติณณ์รู้สึกเหมือนโลกใบสดสวยของเขาถูกสาดด้วยหมึกดำแล้วทุบให้แหลกสลายลงตรงหน้า ภาพแพรวพรรณร่ำไห้ไม่ยอมไป แล้วถูกผู้เป็นพ่อใช้มือฟาดเข้าเต็มใบหน้านั้น อาติณณ์รู้สึกเจ็บปวดไปยิ่งกว่าเขาถูกตบหน้าเสียเอง ใช่ว่าเขาไม่พูดไม่อธิบาย และไม่อ้อนวอน แต่กลับถูกตำหนิรุนแรง การด่าทอพาดพิงไปถึงวงศาคณาญาติฝ่ายหญิงของเขาแทบทุกคน คำที่เขาสะอึกแล้วหมดแรงจะยื้อข้อมือแพรวพรรณเอาไว้ คือคำถามกลับของพ่อของเธอ ว่าเขาคงภูมิใจใช่ไหมถ้ามีลูกสาวทำตัวแบบแพรวพรรณ วันนั้นเมื่อแพรวพรรณจากไป ห้องที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะกลับเงียบสงัด เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของเขาร่ำไห้ อาติณณ์อยู่ในห้องเช่านั้นต่อเพียงไม่กี่วันก็ต้องย้ายออกไป เพราะไม่ว่าหันไปมองทางไหนมุมใด ก็จะเห็นแต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของแพรวพรรณ และจนป่านนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าครอบครัวของแพรวพรรณนั้นย้ายไปอยู่เสียที่ไหน รับรู้แต่ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดตั้งแต่พรากเธอไปจากเขา โดยไม่รอให้เธอเรียนจบเสียด้วยซ้ำ และเพราะเรื่องราวในอดีตของเขาและคำพูดบิดาของแพรวพรรณ ทำให้เขากำชับน้องสาวคนเดียวอย่างหนัก ให้ทำตัวอยู่ในกรอบ อย่าทำตัวชิงสุกก่อนห่าม มีความสัมพันธ์กับผู้ชายก่อนแต่งงานเป็นอันขาด เช้าวันที่อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าเปิดโล่งโปร่งสบายตามประสาชุมชนที่อยู่นอกเมืองไกลมลพิษออกไป ขวัญข้าวลุกจากที่นอนด้วยอาการซึมกะทือ เธอยังไม่อยากไปพบหน้าผู้คน ยังไม่อยากไปทำงาน เธอหวาดระแวงไปว่าจะมีคนมองรูปร่างของเธอแล้วซุบซิบนินทาว่าเธอผ่านผู้ชายมาแล้ว แม้จะรู้และเข้าใจว่า คงไม่มีใครที่จะอัจฉริยะขนาดมองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเธอเคยนอนกับผู้ชายมาแล้ว แม้จะเป็นครั้งเดียวก็ตาม แต่อาการวิตกจริตก็ทำให้ขวัญข้าวขลาดกลัว กลัวคนรู้ กลัวคนสมน้ำหน้า กลัวความอับอาย กลัวไปเสียหมด แต่ก็คงได้แค่กลัว จะหลบหน้าผู้คนนั้นคงไม่ได้ เพราะเธอต้องทำงาน ต้องการเงินมาเป็นค่าครองชีพ แม้พอจะมีทรัพย์สมบัติอันเป็นมรดกติดตัวอยู่บ้าง แต่ถ้างอมืองอเท้าไม่ทำมาหาเพิ่ม ได้แต่จ่ายออกไป ไม่นานมันก็จะหมดไป ขวัญข้าวเปลื้องชุดนอนบางเบาลงกับพื้น เผยเรือนร่างเปล่าเปลือยอย่างความเคยชินตามประสาคนอยู่เพียงลำพัง แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเล็กๆ แต่เมื่อเดินผ่านตู้เสื้อผ้าที่มีบานกระจกสะท้อนรูปร่างของเธอได้ทั้งหมด หญิงสาวอดชำเลืองกลับไปมองไม่ได้ ก่อนจะเดินกลับมายืนมองเรือนร่างของตนเองเต็มตาอีกครั้ง ผิวของเธอแม้ไม่ขาวดั่งไข่ปอก แต่ก็นวลเนียนหาที่ติไม่ได้ ทรวดทรงองค์เอวของเธอก็ไม่มีที่ติ รูปร่างและหน้าตาเธอสวยงามแต่ดวงตาและสีหน้าของเธอตอนนี้มันเศร้าเหลือเกิน หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระจก แล้วบอกกับผู้หญิงด้านในว่า “ยิ้มสิ ชีวิตไม่ได้จบสิ้นไปพร้อมกับพรหมจารีของเธอนะ ผู้ชายคนนั้นเหมือนฝันร้ายที่เกิดขึ้นแล้วหายไปเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เราก็ไม่มีทางได้พบกันอีก ยิ้มสิ ยิ้มให้สวยๆ ยิ้ม!” ขวัญข้าวทำหน้าขึงขังใส่กระจก จากนั้นก็ขยับออกห่าง ยืดตัวตรงแล้วค่อยๆ คลี่ยิ้ม เธอพยายามยิ้มให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนหุบยิ้มพ่นลมหายใจเชื่องช้า ให้กำลังใจตนเองได้เท่านี้เอง แต่ก็ยังดีกว่าจมอยู่กับความทุกข์ ที่ร้องไห้คร่ำครวญอย่างหนักมาแล้วเมื่อยามอยู่คนเดียว จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำอาบน้ำให้ร่างสดใสและหน้าตาสดชื่นขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม