บทที่ 6
ในห้องพักของอินทุอร พื้นห้องรับแขกเกลื่อนกลาดไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่เจ้าตัวระบายอารมณ์ด้วยการเขวี้ยงทิ้ง เมื่อเห็นทุกอย่างมันขวางหูขวางตาเธอไปเสียหมด ส่วนเวลานี้เจ้าตัวยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ มองรอยแดงช้ำบนแก้มข้างขวา ที่ปรากฏรอยนิ้วมือของพี่ชายอย่างชัดเจน
“พี่ติณณ์ใจร้าย” เธอตัดพ้อพี่ชายแม้เขาไม่อยู่ ตรงหน้าเธอมีเพียงเงาสะท้อนของตนเอง ดวงตาค่อนข้างแดงก่ำ เพราะผ่านการร่ำไห้ออกมาอย่างหนัก ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยถูกอาติณณ์ทำโทษอย่างนี้มาก่อน ถ้าเธอทำผิดอย่างมากพี่ชายก็แค่ดุด่า แต่ครั้งนี้เขาถึงกับตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะขวัญข้าว เหมือนเขาเชื่อคำเพ้อเจ้อของขวัญข้าวมากกว่าเธอ หรือเพราะความสนิทสนมกันของสองคนตามที่มีภาพเป็นข่าว
“พี่ติณณ์ไปมีอะไรกับนังขวัญข้าวตอนไหน แล้วถ้าหากมันคิดจะจับพี่ติณณ์ไม่ยอมปล่อยล่ะ เราไม่ต้องเห็นหน้ามันบ่อยๆ หรอกหรือ แล้วพี่พีอีกคนจะทำยังไงถ้าต้องพบหน้ามันครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนวันงานพี่พียิ่งมองมันตาละห้อยอยู่ด้วย โอ๊ย! กลุ้มโว้ย!”
“กลุ้มอะไรคะน้องอ่อน พูดไม่เพราะเลย” เงาของพีรัชปรากฏขึ้นซ้อนอยู่ด้านหลังของอินทุอร วงแขนเขาสอดมากอดรอบเอวบอบบางของหญิงสาววางคางไว้ที่บ่า สายตาที่สบกันในเงาสะท้อนของกระจกเต็มไปด้วยคำถาม เขาก้าวผ่านข้าวของเกลื่อนกลาดในห้องรับแขกเข้ามาอย่างงุนงง ทีแรกคิดว่ามีพวกมิจฉาชีพเข้ามาขโมยของในห้อง แต่เพราะได้ยินเสียงของอินทุอรเขาจึงตามเข้ามา
“เอ๊ะ!” พีรัชอุทานอย่างแปลกใจ พร้อมหันร่างของคู่หมั้นสาวมาเผชิญหน้า ปลายนิ้วใหญ่แตะรอยช้ำบนแก้มอย่างแผ่วเบา
“ใครทำคะ” เขาเห็นรอยนิ้วก็รู้ว่าเป็นรอยฝ่ามือ จึงไม่ต้องถามว่าโดนอะไร จึงเลือกถามถึงคนทำมาก
อินทุอรผลักพีรัชออกห่างอย่างแง่งอน เพราะกำลังกังวลใจเรื่องขวัญข้าวจะเข้ามาเกี่ยวดองกับเธอ และย่อมต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับพีรัชอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้าออกไปนอกห้อง โดยมีพีรัชตามไปติดๆ อย่างงุนงง
“พี่พีเห็นข่าวซุบซิบในหนังสือพิมพ์วันนี้ไหม” เธอถามเขาทันทีที่ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น
ทีแรกพีรัชชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนแสร้งถามออกไปเหมือนคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“ข่าวอะไรคะ พี่มัวแต่ทำงานไม่ได้แตะหนังสือพิมพ์เลย” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คู่หมั้นสาว และยังให้ความสนใจกับรอยนิ้วมือบนแก้มของเธอ
อินทุอรผินหน้ามามองหน้าคู่หมั้นของตน ก่อนเหยียดริมฝีปากแล้วแทบสะดุ้งเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่มุมปาก เพราะผลจากฝ่ามือของอาติณณ์นั่นเอง
“พี่พีคงดีใจถ้าพวกเราได้ดองกับขวัญข้าว”
พีรัชคิดว่าคำถามของอินทุอรนั้นประชดประชันเขา แต่ก็ยังทำหน้าซื่อไม่เข้าใจ “ดองกันยังไงคะ พี่งง”
“ก็...” เธอหันรีหันขวาง เหมือนมองหาอะไร ก่อนเดินออกไปนอกห้องนอน แล้วกลับเข้ามาในเวลาไม่นานพร้อมหนังสือพิมพ์ยับๆ ฉบับหนึ่งในมือ ส่งให้พีรัชแล้วบอกเขา เสียงแง่งอน
“ดูเองสิคะ”
พีรัชรับหนังสือพิมพ์มาเปิดออก โดยเปิดไปที่หน้าซึ่งมีข่าวซุบซิบนั้นอย่างเร็ว เพราะเขาเห็นมันมาแล้วนั่นเอง
“เขาคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” พีรัชถามออกไปหลังจากทำทีอ่านอยู่ไม่นาน
“พี่ติณณ์กับมันไม่ได้คบกันหรอกน้องอ่อนมั่นใจ แต่นังข้าวมันตั้งใจจับพี่ติณณ์เลยเอาตัวเข้าแลก” เธอพูดอย่างมั่นใจ
“น้องอ่อนเอาอะไรมาพูด”
“น้องอ่อนรู้จักพี่ชายตัวเองดีพอนะสิคะ พี่ติณณ์ไม่ชอบผู้หญิงปล่อยตัวมีอะไรกับผู้ชายก่อนแต่งงานหรอก แล้วยิ่งถ้าเป็นแฟนพี่ติณณ์เขายิ่งให้เกียรติ ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ นี่นังขวัญข้าวมันหวังจับพี่ติณณ์น่ะสิ ถึงมีข่าวแบบนี้ออกมา”
“น้องอ่อนคิดว่าข้าวเป็นคนสร้างข่าวพวกนี้ขึ้นมาหรือ ตัวเขาเองเสียหายมากนะเพราะเป็นผู้หญิง”
อินทุอรตาวาววับเมื่อคิดว่าคู่หมั้นของเธอกำลังแก้ต่างให้อดีตแฟนเก่า เธอตีเผียะเข้าที่ท่อนแขนแฟนหนุ่มอย่างเคืองขุ่น
“แก้ตัวแทนกันจัง” ทั้งยังพูดเสียงสะบัดอย่างแง่งอน
พีรัชแอบพ่นลมหายใจเหนื่อยหน่าย ก่อนรวบร่างแฟนสาวประคองให้นอนลงบนที่นอนหนานุ่ม มือใหญ่ไล้ตรงแก้มและริมฝีปากเธอเบาๆ อย่างมีความหมาย ก่อนจะพูดเสียงอ่อนโยน
“พูดแบบนี้แสดงว่าไม่ไว้ใจพี่ ต้องทำโทษให้สาสม” ใบหน้าเขาเลื่อนลงต่ำ เพื่อเข้าใกล้ใบหน้าของอินทุอรมากที่สุด
โครม! โครม! โครม!
เสียงทุบประตูดังติดต่อกันขัดจังหวะของคู่รักบนเตียงใหญ่ ที่รีบแยกจากกันแทบไม่ทัน ก่อนจะตาค้างพากันลุกพรวดออกจากเตียง
“พี่ติณณ์!” อินทุอรอุทานเสียงแหบหาย สีหน้าของเธอตกใจยิ่งกว่าเห็นอสูรร้าย และรู้สึกตกใจมากกว่าตอนที่ถูกพี่ชายตบหน้าเสียอีก ซึ่งอาติณณ์ไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองเธอนั้นแสดงความผิดหวังออกมาอย่างชัดแจ้ง ก่อนจะถอยหลังออกมาจากห้อง
“พี่ติณณ์ ฟังน้องก่อน” อินทุอรรีบวิ่งตามพี่ชายออกมา ไม่คิดว่าอาติณณ์จะเดินไวเหลือเกิน เวลานี้พี่ชายเธอกำลังกระชากประตูด้านนอกเพื่อออกไปจากห้อง ด้วยความที่รีบร้อนต้องการรั้งพี่ชายเอาไว้ อินทุอรจึงไม่ได้มองพื้น ข้าวของที่เธอทำไว้เกลื่อนกลาดทำให้เธอเหยียบแล้วลื่นล้มลง
โครม!
“กรี๊ดดด!”
เสียงของหนักฟาดพื้นและเสียงกรีดร้องของอินทุอรทำให้อาติณณ์หันขวับกลับมามอง เช่นเดียวกับพีรัชซึ่งยังอยู่ในห้องนอนเพื่อรอให้พี่น้องพูดคุยกันเองก่อนรีบวิ่งออกมาดู สองหนุ่มต่างตะลึงกับภาพอินทุอรนอนคว่ำหน้าเหยียดยาวอยู่บนพื้น ข้างตัวเธอเต็มไปด้วยข้าวของที่เกลื่อนพื้น
“น้องอ่อน!” ทั้งสองอุทานชื่อหญิงสาวออกมาพร้อมกัน ต่างเข้าถึงตัวเพื่อประคองให้อินทุอรลุกขึ้น แต่มือของพีรัชต้องรีบหดกลับเมื่อสบกับสายตาแข็งกร้าวของอาติณณ์เข้า
“น้องอ่อนเป็นยังไงบ้าง” อาติณณ์ประคองน้องสาวที่ยังส่งเสียงครางอย่างเจ็บปวด
“โอ๊ย! น้องอ่อนเจ็บค่ะ พี่ติณณ์ เจ็บที่แก้ม” อินทุอรส่งเสียงโอดครวญ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชาย จึงเห็นสีหน้าตกใจของพี่ชาย และเมื่อมองเลยไปยังพีรัชที่ยืนอยู่ด้านหลังของอาติณณ์ ก็เหมือนเขากำลังตกตะลึงอยู่เช่นกัน อินทุอรหันขวับกลับไปมองที่พื้น เศษแจกันกระเบื้องเซรามิคสีดำมันปลาบวางอยู่บนพื้น รอยแตกที่มีความคมวางในลักษณะตั้งขึ้นและเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด สัญชาตญาณทำให้เธอยกมือขึ้นจับแก้มซีกที่รู้สึกเจ็บแสบ สัมผัสถึงความชื้นแฉะ หญิงสาวรีบลดมือลงมาดูก่อนจะร้องกรี๊ดเสียงโหยหวน
“กรี๊ดดดด! เลือด หน้าน้อง”
“น้องอ่อน ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวพี่พาไปหาหมอ” อาติณณ์กอดน้องสาวไว้แนบอกด้วยความสงสาร ก่อนหันไปสั่งพีรัช
“ไปเตรียมรถเร็วสิ”
“คะ...ครับ”
คิมห์เดินวนเวียนอยู่ในห้องทำงาน มองโทรศัพท์มือถือของตนที่วางบนโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า เขาลังเลว่าจะโทรหาขวัญข้าวดีหรือไม่
‘ข้าวไม่ได้เต็มใจ ข้าวถูกข่มขืน ข้าวไม่คิดจะเอาตัวเข้าไปใกล้พวกเขาหรอก เขาข่มเหงข้าว’
คำพูดพวกนี้ของขวัญข้าวยังสะท้อนอยู่ในหู ในตอนนั้นเขาฟังไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แต่เวลานี้เมื่อมาคิดทบทวน ผนวกเข้ากับภาพข่าวหนังสือพิมพ์ บ่งชี้ว่าขวัญข้าวมีความสัมพันธ์กับพี่ชายของอินทุอรจริง และสาเหตุก็น่าจะมาจากคำพูดของขวัญข้าว ข่มเหง ข่มขืน
โครม!
มือใหญ่ตบลงบนโต๊ะทำงานเสียงดังสนั่น ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือมายัดใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างเร่งรีบ ผ่านหน้าพนักงานที่เงยหน้าละสายตาจากงานขึ้นมอง แล้วรีบหลุบสายตาหนีเมื่อสบเข้ากับสายตาดุดันของเขา
“ยกเลิกนัดทั้งหมดให้ด้วย แล้วผมจะไม่เข้ามาอีก ใครกลับบ้านหลังปิดประตูให้ด้วย” เขาทิ้งคำสั่งแล้วเดินตัวปลิวจากไป ปล่อยให้พนักงานมองตาม และต่างหันมาพูดซุบซิบกัน ใจความก็คือ เขาต้องไปหาขวัญข้าว