ประตูห้องนอนถูกเปิดออกและปิดลงแผ่วเบา แต่คนที่ระวังตัวอยู่ในทุกๆ วินาทีอย่างอันโตนิโอไม่มีทางมองไม่เห็นความผิดปกตินี้ไปได้ ร่างสูงใหญ่ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาคมกริบยิ่งกว่าใบมีดโกนจ้องไปมองผู้บุกรุกในยามวิกาลเขม็ง แม้จะอยู่ในความมืดมิดแต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยเข้ามาในจมูกแบบนี้ไม่มีทางเป็นใครไปได้นอกจาก...
“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้นอนด้วย...”
“ว๊า... ถูกจับได้อีกแล้ว”
ไฟหัวเตียงสว่างพรึ่บขึ้น พร้อมๆ กับร่างอรชรที่เดินเข้ามาใกล้ “พี่ชาย... เค้านอนด้วยคนนะ เค้าอยากนอนกอดพี่ชาย”
เจ้าหล่อนไม่รอให้เขาอนุญาต กระโดดขึ้นมาบนเตียงทันที อันโตนิโอถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอทุกครั้งที่อยู่ใกล้มาร์กาเร็ต แม่จอมมารน้อยคนนี้
“แล้วถ้าพี่ทำมากกว่ากอดล่ะ เธอจะว่ายังไง...”
หน้าดุๆ ของอันโตนิโอไม่ได้ทำให้เด็กสาวหวาดกลัวแต่อย่างใด แถมหล่อนยังรู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ ในช่องท้องอีกต่างหาก
“เค้า... ไม่ว่าอะไรพี่ชายหรอก”
จบคำตอบเอียงอายของมาร์กาเร็ตเสียงสบถเหยียดยาวก็หลุดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยของอันโตนิโอยาวเหยียด เขาขยับตัวหนี พร้อมๆ กับขว้างความห่างเหินใส่หน้าหล่อนอย่างไม่ปรานี
“อย่าทำเป็นผู้หญิงใจง่ายไปหน่อยเลยมาร์กี้”
คนถูกว่าเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ “พี่ชาย... พี่ชายว่าเค้าแรงไปแล้วนะ เค้า... เค้าไม่ได้ใจง่ายนะ เค้าไม่ได้ใจง่าย”
“ไม่ได้ใจง่าย แล้วที่ย่องเข้ามาหาผู้ชายถึงเตียงนอนแบบนี้เรียกว่าอะไรไม่ทราบ”
น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม เจ็บปวดนักกับคำที่คนที่รักกล่าวหา มาร์กาเร็ตกลั้นสะอื้น จ้องลึกเข้าไปในดวงตามืดดำของพี่ชายจ้องนิ่งนานราวกับต้องการจะให้เขาอ่านหัวใจของหล่อนให้ออก
“ก็เพราะเป็นพี่ชายไง เค้าถึงมาหา... เพราะเป็นพี่ชายเค้าถึงกล้าทำแบบนี้...”
อันโตนิโออึ้งไปนานเลยทีเดียวกับคำสารภาพของเด็กสาวตรงหน้า เขาจ้องมองใบหน้าสวยงามของหล่อนด้วยสายตาที่พยายามเก็บซ่อนความรู้สึก ไม่อยากจะแสดงอารมณ์ใดๆ ออกไปเลยกับผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่เขาไม่มีทางลงเอ่ยด้วยได้
ถ้าแต่งงานกับหล่อนก็เท่ากับว่าเขาติดบ่วงของเปาโลซ้ำอีกครั้ง
“กลับไปซะมาร์กี้...”
“พี่ชาย เค้ารักพี่ชายนะ...”
สะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวด มองอันโตนิโออย่างวิงวอน แต่ก็ไม่มีความเมตตาใดเลยจากสายตาของพี่ชายแสนดีคนนี้
“อย่าให้พี่ต้องโยนเธอออกไปนะมาร์กี้...”
ทุกพยางค์ถูกเค้นออกมาจากริมฝีปากหยักสวยที่เคยยิ้มให้กับหล่อนทุกครั้งที่เจอหน้า ริมฝีปากที่เคยประทับลงมาอย่างรักใคร่เอ็นดูยามที่หล่อนยังเล็ก ริมฝีปากที่หล่อนเฝ้าใฝ่ฝันว่าจะต้องครอบครองเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวให้จงได้
“พี่ชายใจร้าย...”
“พี่จะร้ายกว่านี้อีกเป็นพันๆ เท่า ถ้าเธอยังไม่เลิกตอแยกับพี่”
มาร์กาเร็ตน้ำตาไหลพราก จ้องมองผู้ชายตรงหน้าราวกับไม่เคยพบเห็นมาก่อน ผู้ชายที่เคยเอาอกเอาใจหล่อนสารพัด ผู้ชายเพียงคนเดียวในโลกที่ยอมให้หล่อนติดสอยห้อยตามตลอดเวลา อันโตนิโอไม่เคยบ่น ไม่เคยว่าหล่อนสักคำ แต่ตอนนี้... ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว พี่ชายที่เคยใจดี พี่ชายที่เคยเอ็นดูหล่อนหายไปจากโลกใบนี้แล้ว เหลือเอาไว้แต่เพียงจอมมารร้ายเท่านั้น
“พี่ชาย...”
“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้อีก ออกไปซะ พี่ต้องการพักผ่อน”
มือบางยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะค่อยๆ ขยับลงจากเตียงไปช้าๆ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดยิ่งนัก เจ็บปวดราวกับถูกทิ่มแทงด้วยเข็มแหลมคม อันโตนิโอเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่หลงเหลือภาพของผู้ชายใจดีอีกต่อไปแล้ว
“เดี๋ยวก่อน...”
เท้าบอบบางสั่นเทาที่ก้าวไปถึงบานประตูชะงักอยู่กับที่ ความหวังวิ่งกลับเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง เด็กสาวหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาจนคนมองเกือบจะใจอ่อน แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ยังยืนกรานความคิดเดิม นั่นก็คือการใจร้าย ใจดำ และผลักดันให้มาร์กาเร็ตแม่ไข่มุกตัวน้อยออกไปจากชีวิตของเขา ยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
“พี่ชาย... เปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม”
ศีรษะแสนทระนงของพี่ชายสุดที่รักส่ายน้อยๆ เป็นเชิงปฏิเสธ ก่อนที่วาจาเย็นชา ห่างเหินจะเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป... พี่ไม่ต้องการเห็นหน้าเธออีก”
เหมือนแผ่นฟ้าถล่มลงมาใส่หัว เหมือนถูกอุ้งมือมัจจุราชขยี้หัวใจจนแหลกเหลว มาร์กาเร็ตแทบล้มทั้งยืนกับสิ่งที่ได้ยิน
“พี่ชาย... พี่ชายพูดเล่นใช่ไหมคะ”
ศีรษะน้อยๆ ส่ายไปมา หล่อนจ้องมองอันโตนิโอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหลือแสน เมื่อสายตาของเขาบอกว่าทุกอย่างที่หล่อนได้ยินมันคือเรื่องจริง
“ทำไม... ทำไมพี่ชายทำกับเค้าแบบนี้...”
ความเงียบฉีกทึ้งทุกความรู้สึกรอบกายเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่มาร์กาเร็ตกลับรู้สึกว่ามันยาวนานชั่วกัปล์ชั่วกัลป์เลยทีเดียว เจ็บปวดจนแทบอยากจะหยุดหายใจเสียเดียวนี้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไปอันโตนิโอจะต้องทำแบบนี้ด้วย ทำไมจะต้องผลักไสหล่อน เกลียดหล่อนนักหรือไง
“บอกเค้าสิว่าทำไม...?”
รอยยิ้มหยามหยันผุดขึ้นที่ข้างริมฝีปากของอันโตนิโอ ก่อนที่เขาจะพ่นในสิ่งที่หล่อนต้องการฟังออกมา
“เพราะพี่รำคาญเธอยังไงล่ะ”
“พี่ชาย...?!”
“ออกไปซะ พี่ต้องการพักผ่อน และหวังว่าคงไม่คิดจะให้พี่ไล่ซ้ำอีกครั้งหรอกนะ”
ไฟหัวเตียงถูกดับลงพร้อมๆ กับความมืดมิดที่วิ่งเข้ามาครอบงำหัวใจของหล่อนอย่างอำมหิต มาร์กาเร็ตปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอาบแก้มเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ภายในอก ขณะก้าวออกจากห้องนอนของอันโตนิโอพี่ชายบุญธรรมอย่างเชื่องช้า ทุกย่างก้าวที่เดินออกมานั้นไม่ผิดไปจากการเหยียบขยี้ลงบนหัวใจของตัวเองเลยแม้แต่น้อยหล่อนเจ็บปวด เจ็บเหลือเกิน... เจ็บจนแม้แต่จะหายใจก็ยังทำได้ลำบากนัก
“พี่ชายใจร้าย...”
มือบางสั่นเทาดึงประตูห้องนอนของพี่ชายให้ปิดสนิทลง จากนั้นก็ปล่อยให้ตัวเองทรุดฮวบลงกองกับพื้น ร่ำไห้ปานจะขาดใจ สมองยังคงมึนงง สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะรู้สึกได้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้อันโตนิโอห่างเหินไปจากเดิมมาก แต่เขา... เขาก็ไม่เคยทำร้ายหล่อนด้วยวาจาร้ายกาจแบบนี้เลยสักครั้ง แล้วทำไมวันนี้... ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายกับหล่อนนัก หรือว่าหล่อนฝันไป...
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป... พี่ไม่ต้องการเห็นหน้าเธออีก”
แม้จะพยายามคิดเข้าข้างตัวเองมากแค่ไหน แต่คำพูดโหดร้ายที่อันโตนิโอพ่นใส่หน้าเมื่อครู่นี้ก็ยังฝังแน่นอยู่ในสมองไม่เสื่อมคลาย มันย้ำเตือนให้หล่อนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ได้ยินนั้นมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่ความฝัน
หล่อนไม่ได้ฝันไป... อันโตนิโอเกลียดหล่อนแล้วจริงๆ
น้ำตาเม็ดโตๆ ไหลลงมาอาบแก้มซ้ำแล้วซ้ำเล่า มาร์กาเร็ตสะอื้นไห้อยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของอันโตนิโอไม่ยอมจากไปไหน และนั่นก็ทำให้เสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดแว่วเข้ามาในโสตประสาทของชายหนุ่มที่นั่งหน้าเครียดอยู่บนเตียงชัดเจน
“มาร์กี้...”
ชายหนุ่มครางเบาๆ ในลำคอ ใจหนึ่งก็อยากจะเปิดประตูออกไปรั้งร่างงามเข้ามากอดปลอบประโลม จูบเบาๆ ที่หน้าผากมนและบอกว่าเขาไม่เคยเกลียดชังหล่อนเลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่ความคลั่งแค้นก็ได้หยุดทุกความใจอ่อนของเขาเอาไว้หยุดความเมตตาปรานีที่เขาเคยมีให้กับหล่อนมาตลอดสิบกว่าปีจนหมดสิ้น
ปาเชโก้จะต้องชดใช้... ชดใช้ในสิ่งที่พวกมันทำเอาไว้กับปาสซินี่...
ดวงตาสีเข้มเจิดจ้าไปด้วยกองไฟ อันโตนิโอล้มตัวลงนอนบนเตียงแรงๆ ก่อนจะผลักดันทุกความรู้สึกอ่อนไหวให้จมลึกลงไปในก้นบึ้งของหัวใจจนหมด เหลือไว้แค่เพียงความแค้นที่รอวันสะสางเพียงเท่านั้น
“นี่คุณเรียกฉันมาเพื่อให้นั่งมองคุณดื่มเหล้าอย่างนั้นหรือคะแมทธิว”
เมื่อหมดความอดทนกับสถานการณ์ตรงหน้า ดาราสาวสวยแห่งฮอลลีวูดก็แผดเสียงใส่หนุ่มหล่อที่เอาแต่กรอกเหล้าเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยความหงุดหงิดทันที
แก้วในมือหนาของแมทธิวชะงัก เมื่อคนตัวโตเหลือบตามาจ้องมองหล่อน นี่เป็นการมองครั้งที่สองของเขานับตั้งแต่หล่อนเหยียบย่างเข้ามายังห้องสุดหรูแห่งนี้ ช่างน่าภูมิใจชะมัด
“จะกลับผมก็ไม่ว่า...”
นางเอกสาวคว้ากระเป๋าและผุดลุกขึ้นยืน ใบหน้างามงอง้ำด้วยความไม่พอใจ แต่แมทธิวหาได้ใส่ใจไม่ ก็แน่ล่ะเขาไม่เคยสนใจความรู้สึกของผู้หญิงคนไหนมาก่อน ใครจะไม่พอใจ ใครจะโกรธก็ช่าง ขอเพียงอย่าทำให้เขารำคาญเป็นพอ
“แน่นอนฉันกลับอยู่แล้ว”
“เช็คค่าตัวจะถูกส่งไปให้ถึงบ้านในเช้าวันพรุ่งนี้”
คำพูดไม่แยแสของหนุ่มหล่อระเบิดที่มีฉายาว่าจอมมารนักรักยิ่งจุดไฟโทสะในกายของหญิงสาวให้ลุกพรึ่บพรั่บขึ้นอย่างรุนแรง
“ความจริงไม่ต้องก็ได้ค่ะ เพราะฉันยังไม่ได้ทำงานเลยตั้งแต่เหยียบเข้ามาที่นี่”
“นั่งเป็นเพื่อนผม ก็ถือว่าทำงานแล้ว” ไหล่กว้างทรงพลังของแมทธิวไหวน้อยๆ ก่อนจะเทเหล้าลงไปในลำคอแกร่งอีกครั้ง
“ถามจริงๆ เถอะค่ะแมทธิว คุณกำลังคิดถึงใครกัน...” คำถามของสตรีสาวแสนสวยทำให้โลกทั้งใบของแมทธิวยิ่งมืดมนลงไปอีก ชายหนุ่มขบกรามจนขึ้นสัน ก่อนจะละสายตาจากแก้วเหล้าจ้องมองคู่สนทนาอย่างไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าสู่รู้ความคิดของผมอีก ไปซะซูซาน”
“ฉันไปก็ได้ค่ะ แต่ก่อนไปอยากจะบอกอะไรคุณสักอย่างหนึ่ง...”
คิ้วเข้มที่ยาวขนานกับดวงตาคมกริบเลิกขึ้นน้อยๆ ใบหน้าหล่อลากดินแดงก่ำด้วยฤทธิ์เดชของแอลกอฮอล์แสยะยิ้มขบขัน
“เอาเป็นว่าผมจะรับฟัง พูดมาสิ”
“คุณอาจจะเก่งฉกาจในทุกเรื่อง และควบคุมทุกอย่างเอาไว้ในกำมือของตัวเองเพียงแค่กระดิกนิ้วอันโอหังของคุณเพียงเท่านั้น แต่เชื่อเถอะค่ะว่าต่อจากนี้ไป คุณจะไม่สามารถควบคุมสมองของตัวเองได้อีก คุณกำลังมีความรัก...”
หลังจากทิ้งระเบิดลูกใหญ่ที่จุดฉนวนแล้วเอาไว้ในมือของเขาเสร็จ แม่ซูซานก็เผ่นแน๊บออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่คิดจะรอให้เขาได้โต้ตอบ หรือแก้ตัวให้กับตนเองเลยแม้แต่น้อย แมทธิวขบกรามแน่นขึ้นอีก ก่อนจะกระแทกแก้วเหล้าลงกับโต๊ะเตี้ยตรงหน้าเต็มแรงอย่างระบายอารมณ์
“ผมนี่นะมีความรัก หึ...! ทางเป็นไปได้มันน้อยยิ่งกว่าศูนย์เสียอีกรู้เอาไว้ซะด้วยแม่ซูซาน”
ชายหนุ่มตะโกนกึกก้อง ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นมาโดยปัจจุบันทันด่วนทำให้เขาเลือกที่จะคว้าขวดเหล้าขึ้นมาเทพรวดลงคอจนแทบหมดขวดจากนั้นก็ผุดลุกขึ้นยืน เดินกลับไปกลับมาภายในห้องซ้ำๆ กันหลายต่อหลายครั้ง
ทำไมแม่ซูซานถึงพูดแบบนี้ ทำไมหล่อนถึงตั้งข้อสังเกตแบบนี้กัน พยายามขบคิดแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ ทำได้แค่เพียงกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดิมและดื่มเหล้าต่อไปเพื่อระบายความกลัดกลุ้ม ความกลัดกลุ้มที่เขาไม่กล้าที่จะยอมรับเลยว่าใครเป็นต้นเหตุ