เสียงเครื่องยนต์คุ้นหูที่แล่นมาจอดที่ลานหน้าบ้านทำให้มาร์กาเร็ตสาวน้อยวัยเพียงสิบเจ็ดปีรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ตัวโปรดวิ่งลงบันไดออกมาต้อนรับพี่ชายของตัวเองด้วยความดีใจเป็นล้นพ้น อันโตนิโอไม่ค่อยได้กลับบ้านนัก โดยเฉพาะในระยะเวลาสามสี่ปีที่ผ่านมานี่ ทำให้หล่อนกับเขาห่างเหินกันจนแทบจะเอาแผ่นมหาสมุทรแปซิฟิกมากั้นเอาไว้ได้อยู่แล้ว
“พี่ชาย...”
แว่บแรกที่เห็นอันโตนิโอเดินเข้ามาในบ้าน รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจก็ผุดพรายขึ้นเต็มดวงหน้าของมาร์กาเร็ตมหาศาล หล่อนวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเข้ามาโผกอดร่างของพี่ชายบุญธรรมเอาไว้ พี่ชายที่หล่อนไม่เคยคิดจะแบ่งปันเขาให้กับหญิงใดในโลกหล้าใบนี้
“คิดถึงเหลือเกินค่ะ”
หล่อนแนบหน้าลงกับแผงอกกว้างของผู้ชายในอ้อมแขนด้วยความคิดถึง กอดรัดร่างกำยำแข็งแกร่งไปทุกสัดส่วนนั้นเอาไว้แน่นหนา แต่พี่ชายของหล่อนกลับยืนนิ่งไม่แม้แต่จะยกมือใหญ่ๆ ที่เคยยีผมหล่อนเล่นประจำขึ้นมากอดตอบเลยแม้แต่นิดเดียว
“พี่ชายขา... วันนี้ให้เค้านอนด้วยนะ”
“ไม่ได้!”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่างเหินของอันโตนิโอแผดเข้ามาฉีกทึ้งทุกความปลาบปลื้มของหล่อนให้ขาดสะบั้นลง เด็กสาวผละออกห่างจากกายของพี่ชาย เงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาอย่างประหลาดใจ และนั่นก็ทำให้หล่อนพบว่าเขาเปลี่ยนไป
“พี่ชาย... ไม่ดีใจหรือคะที่เห็นมาร์กี้...”
ดวงตากลมโตที่มีน้ำใสๆ เอ่อคลอนั้นเขย่าหัวใจของคนมองอย่างอันโตนิโอได้อย่างรุนแรง แม้จะพยายามทำห่างเหินแต่ก็ทำได้แค่ไม่นานเท่านั้น น้องสาวคนนี้ของเขาไม่มีความผิด ใช่... หล่อนไม่ผิดอะไรเลย คนที่ผิดก็มีแค่เพียง...
ศีรษะแสนทระนงของอันโตนิโอสะบัดแรงๆ ก่อนจะถอนใจออกมาเบาๆ “ทำไมพี่จะไม่ดีใจล่ะ แต่เราโตแล้วนะมาร์กี้ จะมานอนกับพี่เหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กไม่ได้อีกแล้ว มันน่าเกลียด”
“แต่เค้าไม่สนสักหน่อย เค้ารักพี่ชาย อยากนอนกอดพี่ชาย...”
“ก็บอกว่าไม่ได้ยังไงล่ะ ถ้ายังเซ้าซี้พี่ไม่เลิกแบบนี้ พี่จะไม่กลับมาที่นี่อีกนะ”
คำขาดของอันโตนิโอเรียกเม็ดน้ำตาเม็ดโตๆ จากดวงตาคู่งามของมาร์กาเร็ตให้ร่วงหล่นลงมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ เด็กสาวเม้มปากแน่นมองพี่ชายอย่างตัดพ้อ
“เค้าทำอะไรผิดเหรอพี่ชายถึงทำท่าทางรังเกียจเค้าแบบนี้”
“พี่เหนื่อย อยากพักผ่อน”
ขืนเถียงกับมาร์กาเร็ตต่อไปเขาก็มีแต่จะใจอ่อน ดังนั้นอันโตนิโอจึงเลือกที่จะเดินหนี เขาก้าวขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว แต่ก็หาได้พ้นจากการติดตามของน้องสาวนอกไส้ไม่ เจ้าหล่อนยังคงวิ่งตามเข้ามาติดๆ อย่างไม่ยอมลดละ
“เค้ารักพี่ชายนะ ทำไมถึงทำท่าทางแบบนี้กับเค้า เค้าเสียใจมากนะ... เสียใจ...”
อันโตนิโอเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของตัวเอง เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับนางมารน้อยที่ไม่เคยทำให้เขาหยุดคิดถึงได้สักทีอย่างมาร์กาเร็ตด้วยท่าทางห่างเหินจนคนถูกมองเบ้ปากร้องไห้อย่างเด็กๆ
“ถ้าไม่อยากเสียใจมากกว่านี้ ก็อยู่ให้ห่างจากพี่”
“นานทีกว่าพี่ชายจะกลับมาบ้าน ให้เค้าปรนนิบัติเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือคะ นะพี่ชายนะ เค้าจะไม่สร้างความเดือดร้อนใดๆให้อีก เค้าสัญญา...”
ด้วยที่ยังมีความคิดเป็นเด็กน้อยทำให้มาร์กาเร็ตเลือกที่จะไม่ใส่ใจท่าทางห่างเหินของอันโตนิโอ พี่ชายอาจจะเหนื่อยก็เลยแสดงท่าทางแบบนี้กับหล่อน ใช่... นี่แหละคือเหตุผลที่แท้จริง พี่ชายไม่มีทางไม่ต้องการหล่อน พี่ชายรักหล่อน เหมือนกับที่หล่อนรักและหวงแหนพี่ชายนั่นแหละ
“แต่พี่ยังยืนยันคำเดิม...” อันโตนิโอเค้นเสียงใส่หน้าน้องสาว
“กลับไปซะ พี่จะพักผ่อน”
“แต่พี่ชายคะ...”
คนตัวโตไม่สนใจอะไรอีก เขากระชากประตูให้เปิดออก เดินเข้าไปและดึงมันปิดลงแรงๆ รวดเร็วจนเด็กสาวได้แต่ยืนอ้าปากค้าง แต่พอได้สติก็รีบเคาะเรียกเสียงดังลั่น
“พี่ชาย พี่ชายคะ เปิดสิ ให้เค้าเข้าไปนะ พี่ชาย...”
ไม่ว่าจะร้อง จะเรียก หรือทุบประตูแรงแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถทำให้อันโตนิโอใจอ่อนยอมเปิดประตูให้ได้ มาร์กาเร็ตน้ำตาซึม เจ็บปวดในอกยิ่งนักกับสิ่งที่พี่ชายเขวี้ยงใส่หน้า
จะว่าไปแล้วอันโตนิโอเริ่มเย็นชากับหล่อนมาได้สามสี่ปีแล้วล่ะ เขาเริ่มห่างเหิน และย้ายออกไปจากบ้านราวกับต้องการหลบหน้าหล่อน นานๆ ทีจะกลับมาบ้านให้หล่อนได้เข้าใกล้ หรือว่าอันโตนิโอจะมีผู้หญิงคนอื่น มาร์กาเร็ตเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่มีทางเป็นไปได้ พี่อันโตนิโอของหล่อนไม่มีทางมองผู้หญิงคนไหน ก็เหมือนกับที่หล่อนไม่เคยชายตาแลผู้ชายคนไหนยังไงล่ะ เขากับหล่อนเกิดมาเพื่อกันและกัน
ความคิดนี้ทำให้เด็กสาวกอบกู้ความหวังกลับคืนมาได้บ้าง มือบางหยุดทุบ ปากก็หยุดเรียก มีแต่ดวงตาเท่านั้นแหละที่จับจ้องมองไปที่บานประตู มองนิ่งราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงพ่อเทพบุตรที่ซ่อนตัวอยู่ข้างใน
“ยังไงเค้าก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปหรอก เค้าจะต้องปรนนิบัติพี่ชายให้ได้”
ความมุ่งมั่นผุดพรายออกมาจากดวงตาสวยงามมากมาย เด็กสาวระบายยิ้มกว้างก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของคนสองคนกำลังเฝ้ามองดูอยู่
“คุณคิดว่าอันโตนิโอจะเดินตามเกมของเราง่ายๆ หรือคะ” ผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามสามีด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ
“ผมมองออกว่าอันโตนิโอรักมาร์กี้มาก...”
“แต่ลูกสาวของเราก็รักอันโตนิโอจนโงหัวไม่ขึ้นเช่นกันนะคะ เกมนี้ฉันว่าพวกเราต่างหากที่จะต้องเจ็บปวด อันโตนิโอมีแต่ได้กับได้”
ประมุขของคฤหาสน์ปาเชโก้เดินออกไปเกาะที่ขอบระเบียง ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดจนภรรยาที่เดินตามไปหยุดยืนข้างๆ อดวิตกไม่ได้
“ไม่หรอกคุณ พวกเราต่างหากที่มีแต่ได้ ผมได้เป็นส.ส. เขตก็เพราะฉากบังหน้าที่สร้างขึ้น ในขณะที่เดอะ ชาร์ดก็ยังจะเป็นของเราต่อไป”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อคุณยกเดอะ ชาร์ดให้กับอันโตนิโอไปแล้ว”
เปาโลหัวเราะเบาๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้าย “อย่าโง่นักสิคุณ ผมวางแผนมาเป็นสิบๆ ปีเพื่อให้ตัวเองยิ่งใหญ่ในสังคม ไม่มีทางที่ผมจะยอมเสียมันไปง่ายๆ หรอก”
“ฉันไม่เข้าใจค่ะ”
“ก็มาร์กี้ยังไงล่ะ คุณก็รู้นี่ว่าหากมาร์กี้ได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของอันโตนิโอ เดอะ ชาร์ดก็จะยังเป็นของเรา”
ผู้เป็นภรรยาถอนใจออกมาด้วยความอ่อนล้า “ความจริงฉันไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับปาสซินี่อีกแล้ว ความผิดในอดีตทำให้ฉันไม่เคยนอนหลับเต็มตาสักคืน คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่เราทำ...”
“ไม่เอาน่าคุณ อย่าพูดในสิ่งที่มันจบไปแล้ว ตอนนี้ผมไม่ใช่ฆาตกร แต่กลายเป็นผู้ใจบุญที่ยอมยกเดอะ ชาร์ดคืนให้อันโตนิโอ ผมได้หน้าเต็มๆ เห็นไหม แถมในอนาคตอันใกล้นี้เราก็จะยังได้ควบคุมเดอะ ชาร์ดเหมือนเดิมอีกด้วย”
เปาโลเค้นเสียงหัวเราะให้กับความฉลาดหลักแหลมของตัวเอง รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมผุดพรายขึ้นมาเต็มใบหน้า
“แต่อันโตนิโอไม่มีทางยอมแต่งงานกับมาร์กี้ คุณก็รู้นี่ว่าเขาไม่เคยหยุดสงสัยพวกเรา และที่เขายอมให้เรารับเขามาเป็นบุตรบุญธรรมก็เพราะเขาต้องการสืบหาหลักฐานเท่านั้น”
“หลักฐานมันไม่มีอยู่ในโลกใบนี้แล้วคุณก็รู้นี่ ต่อให้อันโตนิโอสงสัยเราแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีทางทำอะไรเราได้ แถมยังจะถูกเราจับมันมัดกับมาร์กี้อีกต่างหาก”
ผู้เป็นภรรยาถอนใจออกมาอีกครั้ง รู้สึกสงสารบุตรสาวขึ้นมาจับขั้วหัวใจ ก็ไม่ใช่เพราะหล่อนกับเปาโลหรอกหรือที่ปลูกฝังมาร์กาเร็ตมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกว่าอันโตนิโอจะเป็นเจ้าบ่าวในอนาคต และไม่ใช่เพราะหล่อนกับเปาโลหรอกหรือที่ทำให้มาร์กาเร็ตหลงรักอันโตนิโอจนหัวปักหัวปำแบบนี้
“แต่ฉันสงสารมาร์กี้”
เปาโลยกมือขึ้นโบกไปมา ใบหน้าอวบอูมเปื้อนยิ้ม “ไม่มีทางที่อันโตนิโอจะทำร้ายมาร์กี้ได้หรอก มันรักมาร์กี้ ผมมองออก แม้ว่ามันจะพยายามปิดไว้แค่ไหนก็ตาม”
“แต่ฉัน...”
“หยุดเถอะ ตอนนี้คุณเลิกพูดเรื่องที่จะทำให้ผมหัวเสียได้แล้ว” น้ำเสียงที่คุกรุ่นไปด้วยโทสะของสามีทำให้ผู้เป็นภรรยาจำต้องเงียบกริบ
“ผมจะออกไปที่พรรค คุณอยู่บ้านก็จับตามองอันโตนิโอเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
“ค่ะ...”
เปาโลเดินจากไปแล้ว ทิ้งให้ภรรยาของตัวเองยืนหน้าอมทุกข์อยู่เพียงลำพังเมื่อเรื่องราวในอดีตยังตามหลอกหลอนหล่อนในทุกๆ ลมหายใจ