บทที่ 15 แค้นนี้ต้องชำระ

1560 คำ
ปึก! เติร์ดกระชากคอเสื้อรุ่นน้องที่ปากดีใส่เขาเมื่อวานอัดเข้ากับผนังห้องน้ำ เพราะเดินสวนกันตอนออกมาจากห้องน้ำบนอาคารเรียน จึงได้โอกาสสะสางและสั่งสอนให้หลาบจำ “ไอ้เด็กปากหมา!” “ผะ...ผมขอโทษครับพี่” “ตอนอยู่กับพวกเยอะ ๆ มึงปากดีนี่ ทำไมตอนอยู่คนเดียวมึงตัวสั่นเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกเลยล่ะ” “ขะ...ขอโทษครับ ผมกลัวแล้ว” “อย่ามาปากดีกับกูโดยเฉพาะต่อหน้าพี่ปรางอีก ครั้งนี้กูแค่เตือน ถ้ามีครั้งหน้าอีกกูจับมึงโยนลงอาคารแน่ เอาเรื่องนี้ไปบอกพวกของมึงด้วย!” “ครับ ๆ” “ไอ้เติร์ด!” เซนเรียกชื่อของเติร์ดเสียงดังเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังรังแกรุ่นน้องอยู่ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เติร์ดปล่อยเด็กหนุ่มคู่กรณีหลุดจากพันธนาการไปอย่างง่ายดาย “เสียใจด้วยนะที่มาขัดจังหวะกูไม่ทัน เพราะกูจัดการสั่งสอนไอ้เด็กกระโปกนั้นไปเรียบร้อยแล้ว” “อยู่ต่อหน้าพี่ปรางมึงก็ดูเชื่องดีนะ แต่พออยู่ตัวคนเดียวมึงนี่หมาป่าล่าเหยื่อชัด ๆ” “มึงรู้ได้ไง เคยเห็นตอนกูอยู่กับพี่ปรางเหรอ” “ก็ตอนนั้นไง ตอนที่มึงคุยกับพี่ปรางหลังโรงเรียน กูยืนรอมึงตั้งนานจนเข้าเรียนสาย มึงจำไม่ได้เหรอ ความจำสั้นเหรอมึงอ่ะ” “เออว่ะจริงด้วย” ทั้งคู่เดินคุยกันขณะที่เดินลงบันไดของอาคารเรียน เวลานี้เป็นช่วงเช้า ผู้คนจึงไม่ค่อยพลุกพล่านนัก แต่นักเรียนบางส่วนก็เริ่มทยอยเดินทางมาประปราย “ว่าแต่พี่ปรางทำอะไรกับมึงวะ มึงถึงได้ดูเกรงใจพี่เขาขนาดนั้น” “กูนับถือพี่ปรางเหมือนแม่ ถ้าไม่มีพี่ปราง กูคงไม่มีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้” “แม่เลยเหรอวะ” เซนพึมพำเสียงเบากับตัวเอง “เออ กูมีของดีมาขาย ถ้ามึงช่วยซื้อกู กูจะบอกความลับของพี่ปรางหนึ่งข้อเอาไหมล่ะ” เติร์ดพูดเสียงเบาให้พอได้ยินกันสองคนกับเซน “มึงพึ่งบอกเองนะว่ามึงนับถือพี่เขาเหมือนแม่ แป๊บ ๆ มึงก็จะเผาแม่มึงแล้วเหรอ” “เอาไหมล่ะ ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องพูดมาก” มันไม่ใช่กงการอะไรที่เซนจะอยากรู้เรื่องของมะปราง แต่หัวหน้าของเขาคงอยากรู้แน่นอน ซื้อความลับของมะปรางเอาไว้ไปขายต่อกับหัวหน้าก็คงเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก “เอาก็ได้ รีบบอกความลับมาเร็ว ๆ” เซนควักเงินจากกระเป๋าสตางค์มาจ่ายให้เติร์ดโดยเร็ว ก่อนจะเงี่ยหูรอฟังความลับของมะปรางที่เพื่อนกำลังจะบอก เติร์ดหันไปพูดกับเซนเสียงเบาอีกครั้ง แม้จะไม่มีใครเดินสวนทางไปมา แต่เรื่องแบบนี้ก็พูดเสียงดังโจ่งแจ้งไม่ได้ “พี่ปรางถึงจะเป็นคนต้มเหล้าเถื่อนขาย แต่ก็โคตรคออ่อนเลย” “แค่นี้...” “เอ่อ มึงจะเอาแค่ไหนละ กูบอกมึงมากกว่านี้ไม่ได้หรอกนะเว้ย” “ขี้โกงว่ะ เอาเงินกูคืนมาเลย” “ได้ไงวะ ตอนแรกกูคิดว่ามึงจะเงียบ ๆ เรียบร้อย แต่สกิลปากมึงก็ใช่ย่อยนะไอ้เซน” “มึงจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนวะไอ้เติร์ด โดนจับได้ขึ้นมานี้อนาคตมึงจบเห่เลยนะ” “ก็จนกว่าจะเรียนจบมีงานดี ๆ ทำแหละมั้ง คนไม่มีต้นทุนชีวิตแบบกู แม่งก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อปากเพื่อท้องทั้งนั้นแหละ เย็นนี้ถ้ามึงว่างก็ไปช่วยกูทำมาหากินด้วยแล้วกัน เออเกือบลืม เอาการบ้านมาลอกด้วย” “หัดทำเองบ้างนะมึงอ่ะ ขอการบ้านกูลอกทุกวัน” ถึงแม้จะบ่นออกมาอย่างนั้น แต่เซนก็หยิบสมุดจากกระเป๋าเรียนมายื่นให้กับเติร์ดอย่างไม่อิดออด “กูจะทำเองก็ได้เว้ย แต่ที่กูต้องขอมึงลอกเพราะกูถือว่ากูให้เกียรติมึง” “ให้เกียรติกู?” “เออดิ เพราะถ้ากูทำเองกูก็จะเก่งกว่ามึงไง นี่! กูไม่อยากเก่งเกินหน้าเกินตามึงไงไอ้เซน” “แถไปเรื่อยนะมึงอ่ะ” ทั้งสองคุยไปหัวเราะไปตามประสา เติร์ดที่เคยคิดว่าจะตีสนิทกับเซนไว้หาผลประโยชน์ แต่ตอนนี้เขากลับมองว่าเซนเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นเพื่อนที่เขาคุยได้ทุกเรื่อง ในขณะเดียวกัน เซนที่คิดว่าเติร์ดน่าจะนำเบาะแสดี ๆ มาให้กับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้มิตรภาพที่ดีและมีแต่ความจริงใจกลับมา “เฮียมีอะไรทำไมไม่พูด เรียกให้หนูมานั่งอยู่แบบนี้เป็นชั่วโมงแล้วนะ” มะปรางที่นั่งอยู่บนตักของเตชินเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่นั่งอยู่นิ่ง ๆ ไม่พูดไม่จา สีหน้าของเขาดูราวกำลังใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา “เฮียแค่อยากนั่งกอดหนูแบบนี้นาน ๆ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ก่อนจะก้มลงไปหอมศีรษะทุยเล็กเบา ๆ “หลังจากนี้ไปถ้าเกิดอะไรขึ้นให้หนูรู้ไว้เลยนะว่าเฮียยังเป็นเฮียเตของหนูคนเดิม” “พูดเหมือนกำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีเลย” เด็กสาวเอ่ยถามพลางทำสีหน้าสงสัย เธอเลื่อนหน้าผากมนชนเข้ากับปลายคางของชายหนุ่มเบา ๆ อย่างออดอ้อน เตชินเหลือบมองกระจกรถเพียงนิด ก่อนตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตั้งใจจะบอกกับเธอ “หลังจากนี้ไปเฮียคือตำรวจเลว” “...” มะปรางแหงนหน้ามองชายหนุ่มเชิงคำถาม แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือเตชินดึงใบหน้าเธอมาประกบจูบอย่างอุกอาจ ความรุนแรงของเขาทำให้มะปรางตกใจจนต้องผละตัวออกห่างโดยสัญชาตญาณ “อื้อ! เจ็บนะ” เขากัดกลีบปากอวบอิ่มของเธอจนเลือดออก เตชินทำสีหน้าไม่สะทกสะท้านพลางดึงมะปรางเข้ามาซุกไซร้คลอเคลียอย่างฉวยโอกาส มะปรางรีบผลักเขาออกทันควัน เพราะเขาไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ “เป็นบ้าอะไร...” “ถ้าไม่ชอบการกระทำแบบนี้ก็รีบไสหัวไปไกล ๆ ไม่ใช่มานั่งตั้งคำถาม มันเสียเวลา” คำพูดคำจาของเขามันทิ่มแทงหัวใจของเธอจนรู้สึกเจ็บปวด “เฮีย...” พรึ่บ! เตชินดึงมะปรางมาจูบอย่างรุนแรงอีกครั้ง จนคนโดนกระทำต้องเรียกสติเขาด้วยการตบเข้าที่แก้มสากอย่างแรง เพี๊ยะ! ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงตบอย่างเลี่ยงไม่ได้ เตชินดันลิ้นเข้ากระพุ้งแก้มก่อนจะหันมาจ้องมองนัยน์ตาของมะปรางอย่างคาดเดาความคิดไม่ได้ นัยน์ตาคมนิ่งเต็มไปด้วยไฟร้อนระอุจนน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก มะปรางขยับตัวถอยห่างจากเขา หยดน้ำตาเท่าเม็ดเข็มมันหล่นออกมาจากดวงตาคู่สวยด้วยความไม่ได้ตั้งใจ เพี๊ยะ! เธอง้างมือตบหน้าเขาแรง ๆ อีกครั้ง ก่อนจะลงจากรถไปด้วยความโกรธและไม่เข้าใจในกระทำของเขา เตชินนั่งอยู่ภายในรถเงียบ ๆ เพียงไม่นานก็มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินเข้ามานั่งบนเบาะรถข้าง ๆ ราวกับว่าทั้งสองนัดเจอกันอยู่แล้ว “มึงรู้จักเด็กคนนั้นเหรอ” “ไม่ใช่เรื่องของมึง นายของมึงต้องการให้กูช่วยอะไร” “นายต้องการส่งออกยาล็อตใหม่ออกนอกประเทศ ถ้างานนี้สำเร็จมึงจะได้เปอร์เซ็นต์ตอบแทนด้วย” “ไม่ใช่ปัญหา เดี๋ยวจัดการให้” “เด็กคนนั้นที่ลงจากรถมึงไป เป็นคนที่นายของกูต้องการกำจัด” “จะทำอะไรก็ทำ แต่ก่อนจะลงมือ เด็กคนนั้นต้องตกเป็นของกูก่อน ฝากบอกนายของมึงด้วย” “ฮึ มึงสนใจมัน?” “กูแค่อยากได้ดูจะพยศดี ถ้านายของมึงทำอะไรเด็กคนนั้นโดยที่ไม่บอกกูก่อน กูจะถือว่านายของมึงไม่ให้เกียรติกู และกูก็จะไม่ไว้หน้านายของมึงเหมือนกัน” “ได้...เดี๋ยวกูจะบอกนายให้” เมื่อคุยธุระกันจบ ชายฉกรรจ์คนนั้นก็ลงจากรถไป เตชินเริ่มเข้าใกล้คนที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงแล้ว ตอนนี้เขาต้องทำทุกอย่างให้คนร้ายยอมเปิดเผยตัวตนกับเขา โดยการทำให้อีกฝ่ายหลงเชื่อว่าเตชินมีเป้าหมายเดียวกันกับตัวเอง “เฮียขอโทษนะที่ให้หนูเจ็บ หวังว่าหนูจะเข้าใจ” เขาพูดกับตัวเองด้วยความขมขื่น ตอนที่เห็นหยดน้ำตาของเธอไหลออกมาใจของเขาหล่นไปถึงตาตุ่ม แต่เมื่อเขาตัดสินใจที่จะทำมันแล้ว เขาก็ต้องทำให้ถึงที่สุด “เป็นอย่างนี้นี่เอง” มะปรางที่หลบอยู่ละแวกนั้นพูดออกมาเสียงแผ่ว เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากที่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเตชิน “ตำรวจเลวอย่างงั้นเหรอ เอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีกับคนพวกนั้นสินะ” “...” “แต่ก็บอกกันดี ๆ ก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องทำร้ายจิตใจกันเลย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม