บทที่ 2 เรื่องระหว่างเรา

1393 คำ
มะปรางถูกจับตัวแยกออกมาเพื่อไปยังห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของผู้กองเตชิน “นั่งก่อนสิ” ทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชินก็ผ่ายมือข้างหนึ่งพร้อมกล่าวให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามของโต๊ะทำงาน เด็กสาวมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ซึ่งเตชินก็รับรู้ถึงความคิดของเธอผ่านดวงตาคู่​สวยคู่นั้น “มานั่งนี่” เขาพูดอีกครั้งพร้อมตบหน้าตักของตัวเอง “ชิ!” เด็กสาวยืนกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอแสดงท่าทีกะบึงกะบอนใส่ชายหนุ่มอย่างตั้งใจ เรื่องราวในอดีตทำให้เธอแสดงท่าทีออกมาอย่างนั้น “มานั่งนี่เร็ว​ เด็กดีของเฮีย” มะปรางมองซ้ายมองขวาก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ อออมาที่มุมปาก​ เธอเดินตรงไปนั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี​ เมื่อเขาแทนตัวเองว่าเฮียกับเธอเหมือนเมื่อหลายปีก่อน มะปรางสวมกอดเตชินด้วยความคิดถึง​ ทั้งที่ในใจยังโกรธเคืองเขาอยู่ “ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเป็นตำรวจ” จากคนที่ดูเหมือนจะร่าเริงเมื่อครู่ตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม มะปรางกอดอกพร้อมหรี่ตามองเตชินอย่างจับผิด “ฮึ” เตชินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอหนาพร้อมรั้งศีรษะของเด็กสาวมาแนบอก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดขืนเพียงแต่ทุบที่ท่อนแขนแกร่งด้วยความรู้สึกที่ยังเคืองโกรธ​เขาไม่หาย “คุณจะมาอยู่ที่นี่กี่เดือน แล้วจะหายไปอีกกี่ปี” มะปรางถามประชดประชันพร้อมผละตัวออกจากตำรวจหนุ่มเล็กน้อย เธอกอดอกและจ้องมองใบหน้าคมคายนิ่ง ๆ ที่มะปรางต้องเอ่ยออกมาอย่างนั้น เพราะเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเตชินอายุยี่สิบปีย่างเข้าสู่ยี่สิบเอ็ดปี เขาได้รับภารกิจให้มาเป็นเด็กฝึกงานอยู่ในองค์การบริหารส่วนตำบลท้องถิ่นที่มะปรางอาศัยอยู่ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเพียงตัวตนจอมปลอมที่เขาสร้างขึ้นมาบังหน้า เพื่อเป็นเหตุผลในการมาอยู่ที่นี่ และสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างสะดวก ในตอนนั้นมะปรางอายุเพียงสิบห้าปี เธอทำงานในบ่อนใต้ดินเป็นอาชีพเสริม เธอจึงมักโดดเรียนเพื่อไปทำงานบ่อยครั้งและทุกครั้งที่ถูกเรียกตัวไปใช้งาน มะปรางเป็นเด็กผู้หญิงที่ดูก้าวร้าวเกเร และดูจะไม่มีอนาคตในสายตาของคนในชุมชน เธอจึงมีความคิดที่จะเลิกทำอาชีพผิดกฎหมายนี้เพราะมีเงินมากพอตามที่ต้องการแล้ว แต่วงการมืดนี้เข้าแล้วมันดันออกไม่ได้ ออกเท่ากับตายหรือไม่ก็พิการ ขณะที่เธอกำลังคิดหาทางออกให้กับตัวเอง ผู้ชายที่ไร้ตัวตนในสายตาของมะปรางและคนในชุมชนอย่างเตชินก็ปรากฏตัวขึ้น เขายื่นข้อเสนอบางอย่างให้กับเธอ เพราะภารกิจของเตชินคือทลายบ่อนใต้ดินนั้นทิ้งซะ หาหลักฐานและจัดการกับทุกคนที่อยู่เบื้องหลังของธุรกิจผิดกฎหมายนี้ ในสายตาคนอื่นมะปรางอาจจะดูเป็นเด็กไม่เอาไหนและไม่มีอนาคต แต่สำหรับเตชินเธอเป็นเด็กฉลาดและเอาตัวรอดเก่งมาก ๆ เตชินต้องการให้มะปรางมาเป็นคู่หูของเขา คนที่ไม่มีทางเลือกอย่างมะปรางจึงต้องยอมตอบตกลงแต่โดยดี ในช่วงเวลาที่ทำงานร่วมกันความรู้สึกดี ๆ มันก็เริ่มก่อตัวไปด้วย มะปรางเคยพยายามถามหาตัวตนที่แท้จริงของเตชิน แต่ชายหนุ่มก็บอกเพียงว่าเขาคือคนที่มีชะตากรรมแบบเดียวกับเธอ แต่แล้ววันหนึ่ง​มะปรางก็รู้ความ​จริง​ว่าเตชินคือคนที่สามารถสร้างตัวตนให้ตัวเองเป็นใครก็ได้ เขาถูกส่งตัวมาจากองค์กรหนึ่ง ซึ่งมะปรางก็ไม่รู้ว่าเป็นองค์กรอะไร แต่ที่แน่ ๆ องค์กรนั้นใช้สัญลักษณ์เพชรดำสำหรับแทนตัวตน เธอทำงานกับเตชินและตามสืบเรื่องของเขาเวลาเดียวกัน และแล้วเวลาผ่านไปไม่ถึงหกเดือนทุกอย่างคลี่คลายและจบลงด้วยดี มะปรางได้รับอิสระอีกครั้ง เธอมีความคิดว่าจะไม่เรียนต่อแล้ว เพราะที่โรงเรียนดูเหมือนจะไม่ใช่ที่สำหรับเธอ ส่วนเตชินเมื่อภารกิจจบลงเขาก็ต้องกลับไปยังที่ของเขา ก่อนจะจากไปเตชินขอให้มะปรางเรียนต่อให้จบในชั้นมัธยมปลาย ซึ่งเธอก็ยอมทำตามที่ชายหนุ่มขอ​ เพราะคิดว่าเขาจะกลับมาหาเธอในวันที่เธอเรียนจบ แต่รอจนแล้วจนเล่า เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลย มันน่าน้อยใจและผิดหวังชะมัด มะปรางไม่ได้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษา เพราะฐานะทางการเงินที่ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ อีกทั้งเธอไม่อยากจากบ้านจากแม่มะลิไปไหน เธอจึงวนลูปกลับมาทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายเช่นเดิม แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้เป็นลูกจ้างของใคร เธอเป็นนายของตัวเองและมีลูกสมุนอย่างเติร์ด ซึ่งเธอก็เป็นที่หมายหัวของตำรวจทั้งโรงพัก “ว่าไงคะ คุณจะมาอยู่กี่เดือน แล้วจะหายไปอีกกี่ปี” มะปรางเอ่ยถามชายหนุ่มอีกครั้งเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ ก่อนจะทุบไปที่ท่อนแขนของชายหนุ่มอย่างเอาแต่ใจ ซึ่งเธอจะแสดงอาการ​งอแงแบบนี้ก็ต่อเมื่ออยู่กับเตชินตามลำพังเท่านั้น เตชินถอนหายใจพร้อมลูบศีรษะเด็กสาวเบา ๆ “จนกว่าจะทำภารกิจเสร็จ​สิ้นอีกล่ะมั้ง” “แล้วคุณเป็นตำรวจ...อ๊ะส์” พรึ่บ! “บอกมาว่าซ่อนเหล้าสาโทไว้ที่ไหน!” มะปรางยังไม่ทันได้พูดจบประโยคเตชินก็จับล็อกแขนของเธอไพล่หลัง​ พร้อมดันใบหน้าสวยลงแนบกับโต๊ะทำงานของเขา ก่อนจะเค้นถามหาเหล้าสาโทจากเด็กสาวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและดุดัน มะปรางงุนงงกับการกระทำของเขา แต่เพียง​เสี้ยววินาที​เธอก็เข้าใจ​ เนื่องจาก​ว่ามีผู้หมวดคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของเตชินอย่างถือวิสาสะ มะปรางจึงแสร้งเล่นไปตามน้ำ “ไม่มีโว้ย! อย่ามากล่าวหากันลอย ๆ​ นะ” “เชื่อก็โง่แล้ว จะยอมสารภาพดี ๆ ไหม” “ช่วยด้วยค่าาา​ ตำรวจรังแกประชาชน” มะปรางตะโกนออกไปเสียงดังลั่น ทำให้ผู้หมวดรีบปิดประตูแล้วเดินมาห้ามปรามผู้กองเตชินที่ปฏิบัติกับมะปรางเกินเหตุ “ผมว่าเค้นมันไปก็ไม่ได้ความอะไรหรอกครับ ไอ้ปรางมันปากแข็ง ทางที่ดีจับมันขังไว้ที่นี่หนึ่งคืนแล้วไปเค้นหาความจริงจากลูกสมุนมันดีกว่า” เตชินยอมปล่อยมะปรางออกจากพันธนาการ แต่ในจังหวะเดียวกัน​เขาก็แอบสอดกระดาษเล็ก ๆ ไว้ในมือของเธอ ผู้หมวดที่พูดเมื่อครู่ให้คนมาคุมตัวมะปรางไปเข้าห้องขัง ก่อนจะหันมาพูดกับผู้กองคนใหม่อย่างประหม่า “โหดเหมือนกันนะครับเนี่ย” “หมวดบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าคนอย่างมะปรางใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผล” “ครับ​ ว่าแต่ไอ้ปรางมันมีเหล้าสาโทไว้ในครอบครองจริง ๆ เหรอครับ คืนนี้ได้หาของกลางกันครึกครื้นแน่” “หมายความว่าไง” “จะจับไอ้ปรางแต่ละทีไม่มีคำว่าราบรื่น ว่าแต่เราลุยงานกันเลยไหมครับ” คำพูดของผู้หมวดทำให้เตชินแทบหลุดขำ เด็กดีของเขาทำเรื่องแสบเอาไว้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ? “จริง ๆ ฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามะปรางมีเหล้าสาโทไว้ในครอบครองหรือ​เปล่า ฉันก็แค่ลองเค้นถามดูเผื่อเธอจะเผลอหลุดปากออกมา วันนี้ไม่มีอะไรแล้วฉันขอกลับก่อนนะ อ้อ​ แล้วก็คราวหลังหากจะเข้ามาห้องนี้อีกก็เคาะประตูด้วยล่ะ” เตชินพูดพร้อมเก็บสัมภาระแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน โดยมีผู้หมวดยืนทำความเคารพก่อนจะแสดงสีหน้าออกมาอย่างงุนงง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม