@ สองเดือนผ่านไป
หลังจากหลานชายและหลานสาวของทั้งสองตระกูลดังตกลงแต่งงานกันในวันนั้น จึงเกิดงานวิวาห์ในวันนี้ โดยการเนรมิตของคุณหญิงเขมิกาที่ออกตัวเป็นแม่งานจัดงานนี้ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะของตระกูล
“ไอ้เธียร์ กูไม่อยากจะเชื่อว่า กูจะได้มางานแต่งงานของมึง” เสียงทุ้มของอัทธ์ดังขึ้นด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่า เพื่อนรักของตัวเองที่ไม่เคยชายตามองผู้หญิงคนไหนกลับเป็นคนที่แต่งงานคนแรกของกลุ่ม
“ไอ้อัทธ์มึงพูดเหมือนกำลังจะตาย” ชวินทร์ที่เดินตามเข้ามาภายในห้องรับรองเอ่ยเหน็บแนมอัทธ์ด้วยความหมั่นไส้
“ปากมึงเหรอ? ไอ้ชวินทร์”
“ไอ้เธียร์ออกจะรูปหล่อ รวยขนาดนี้ ไม่แต่งงานสิแปลก” ไม่แปลกที่ผู้ชายอย่างเธียร์วิชทร์จะแต่งงาน แต่แปลกตรงที่พวกเขาไม่เคยทราบเลยว่า เธียร์วิชทร์แอบซุ่มคบสาวจนถึงขั้นแต่งงาน
“ว่าแต่เจ้าสาวของมึงคือใครวะ?” อัทธ์หันไปถามว่าที่เจ้าบ่าวอย่างเธียร์วิชทร์ด้วยความอยากรู้ เพราะตั้งแต่ทราบข่าวว่า เธียร์วิชทร์จะแต่งงานจนมาถึงงานแต่งในวันนี้ เขาก็ยังไม่ทราบเลยว่าเจ้าสาวของเพื่อนตัวเองคือใคร?
“เดี๋ยวพวกมึงก็เห็นเอง กูไม่อยากพูดถึง” เธียร์วิชทร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
“นี่แต่งงานเพราะรักหรือโดนบังคับวะ” อัทธ์ที่สังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของเธียร์วิชทร์ที่ดูไร้ซึ่งความสุขจึงเอ่ยแซวขึ้น แต่คำตอบที่ได้จากเธียร์วิชทร์กลับทำให้อัทธ์ถึงกับอุทานด้วยความตกใจ
“มึงคิดว่าไง!!”
“ไอ้เชี่ยเธียร์ นี่มึงอยากบอกว่า แต่งเพราะมึงทำผู้หญิงท้องนะเว้ย” งานแต่งงานสายฟ้าแลบเกิดขึ้นมีเพียงไม่กี่เหตุผล และเหตุผลนั้นคงหนีไม่พ้น ท้องก่อนแต่ง
“ไอ้สัด!! ไม่ได้ท้อง แต่ปู่กูบังคับ” เธียร์วิชทร์อุทานออกมาด้วยอาการหัวเสีย ประโยคคำพูดของอัทธ์ที่ฟังแล้วไม่เข้าหูของเขา เรียกความหงุดหงิดใจให้กับชายหนุ่มไม่น้อย
“เจ้าสัวธีร์วัฒน์บังคับหลานชายหัวแข็งอย่างมึงได้ด้วยเหรอ” ชวินทร์เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ไม่มีใครบนโลกนี้บังคับเธียร์วิชทร์ได้ หากเขาไม่เต็มใจแต่งงานด้วยตัวเอง
“สัญญาบ้า ๆ ระหว่างสองตระกูลไง เอาเป็นว่า พวกมึงอย่าปากโป้งก็แล้วกัน” เธียร์วิชทร์ที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวแสดงใบหน้าปลงตกออกมาชัดเจน
“แน่นอนว่าพวกผมสองคนจะบอกคนอื่นว่า คุณเธียร์หลงรักเจ้าสาวหัวปักหัวปำจนต้องร้องขอเจ้าสาวแต่งงาน” ประโยคคำพูดกระแนะกระแหนของอัทธ์เรียกสายตาอาฆาตจากเธียร์วิชทร์ได้เป็นอย่างดี
“รักเหรอ? ไม่มีทาง กูไม่มีทางรักผู้หญิงคนนี้” เสียงทุ้มต่ำพึมพำออกมาเบา ๆ ปฏิเสธหัวแข็งว่า เขาไม่มีทางรักผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด
“ไอ้เธียร์ อย่าปากพล่อยไป อยู่กันไปมึงอาจจะรักเขาก็ได้” ชวินทร์เอ่ยห้ามปรามเธียร์วิชทร์เอาไว้ก่อน เนื่องจากชวินทร์เองเห็นมาแล้วหลายต่อหลายคู่ เมื่อพวกเขาแต่งงานกันอยู่ด้วยกันทุกวันเกิดเป็นความรักขึ้นมาก็ถมเถไป
“พวกมึงก็รู้ว่า กูเกลียดผู้หญิงเห็นแก่เงิน” น้ำเสียงเกรี้ยวห้วนตอบกลับอัทธ์และชวินทร์จนทำให้พวกเขาต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ก่อนที่เธียร์วิชทร์จะพังงานงานแต่งงานด้วยอารมณ์หัวร้อนของตัวเอง
“กูว่าเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า กูอยากเห็นเจ้าสาวผู้โชคร้ายคนนั้นแล้วว่ะ”
“หึ!!” เสียงหัวเราะในลำคอสำหรับใครหลายคนอย่างฟังดูแล้วเท่ กร้าวใจ แต่สำหรับอัทธ์และชวินทร์กลับฟังดูแล้วน่ากลัวพิลึก
@ โรงแรมหรูใจกลางเมือง
งานแต่งถูกเนรมิตขึ้นอย่างสวยงามรายล้อมไปด้วยดอกไม้สดหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ โดยมีญาติผู้ใหญ่ของเจ้าสาวและเจ้าบ่าวรวมไปถึงเจ้าบ่าวนั่งรอเจ้าสาวอยู่บริเวณที่ทำพิธีอยู่แล้วและด้านหลังของเธียร์วิชทร์ยังมีอัทธ์และชวินทร์นั่งเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
“เจ้าสาวสวยฉิบหาย / กูนึกว่านางฟ้า เมียไอ้เธียร์คือน้องชามาเหรอวะ” เสียงกระซิบของอัทธ์และชวินทร์ดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อเห็นเจ้าสาวของเธียร์วิชทร์เดินเข้ามาภายในงาน
“ไอ้เธียร์ ไหนมึงบอกไม่สนใจเจ้าสาว มองจนตาค้างอยู่แล้ว”
“มึงพูดอะไรไร้สาระ กูแค่จะดูหน้าผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน” หลังจากตกลงแต่งงาน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธียร์วิชทร์และชามาได้มาเจอกัน
“หึ!! สวยปานนางฟ้าขนาดนี้ กูจะรอดูว่ามึงจะไปไหนรอด”
“หุบปาก ไอ้สัด!!”
ชามาเดินเข้ามานั่งตรงข้ามเธียร์วิชทร์ด้วยชุดสีขาวลากยาวที่ดูเรียบหรูและสวยสะกดสายตาทุกคนที่มาร่วมงาน เธอทอดสายตามองไปยังเจ้าบ่าวของตัวเองโดยมีมุกดาและเพทายนั่งอยู่ด้านหลังของเธอ
“เจ้าเธียร์ สวมแหวนให้น้องสิ” เจ้าสัวธีร์วัฒน์เร่งหลานชายของตัวเองให้สวมแหวนให้กับเจ้าสาว
“ครับ” มือหนาหยิบแหวนเพชรเม็ดโตวาววับที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับจับมือของชามาขึ้นอย่างแรง และสวมแหวนให้กับหญิงสาวไร้ซึ่งความอ่อนโยน
“เธออย่าหวังว่า เธอจะปอกลอกครอบครัวฉันได้” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยลอดไรฟันด้วยแววตาที่กรุ่นโกรธ
“ชาไม่เคยคิดแบบนั้น” ชามาเองเธอก็ตกที่นั่งลำบากเช่นกัน ไม่ได้อยากให้ชายหนุ่มมองตัวเองว่า เธอนั้นหวังเงินทองจากเขา
“หึ!! ผู้หญิงแบบเธอ เป็นได้แค่เมียแต่งเท่านั้นแหละ” ตาคมจ้องมองใบหน้าของเจ้าสาวด้วยความรู้สึกหลากหลายจนยากจะคาดเดา
“แล้วแต่พี่จะคิดค่ะ” ก็คงเป็นอย่างที่เธียร์วิชทร์พูด หากไม่ใช่เรื่องเงิน เธอคงไม่ได้แต่งงานกับเขา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เธอคงไม่มีอะไรจะตอบโต้
“ทำไมต้องจดทะเบียนสมรสด้วยครับ” หลังจากพิธีการช่วงเช้าเสร็จสิ้น เจ้าสัวธีร์วัฒน์ได้เชิญนายอำเภอพร้อมเอกสารการจดทะเบียนให้กับหลานชายและหลานสะใภ้ได้ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“แกมีปัญหาอะไร?” เจ้าสัวธีร์วัฒน์เอ่ยถามหลานชายตัวเองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจในตัวของหลานชาย
“คุณปู่ แต่ที่เราคุยกันไม่ใช่แบบนี้”
“เจ้าสัวคะ ไม่ต้องจดทะเบียนก็ได้ค่ะ” เสียงหวานของชามาเอ่ยขึ้นสมทบเธียร์วิชทร์ หญิงสาวไม่ได้ติดอะไร หากไร้ซึ่งทะเบียนสมรส เพราะอีกไม่นานหากบริษัทของเธอดีขึ้นก็คงต้องแยกทางกันอยู่ดี
“เรียกปู่เถอะ ปู่อยากให้หลักประกันกับหนู” เจ้าสัวธีร์วัฒน์อยากให้ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ยิ่งหลานชายของตัวเองดื้อดึงอยู่แบบนี้ เขาเองก็อยากให้หลักประกันกับหลานสะใภ้เช่นกัน
“แต่ว่า”
“จะจดไปทำไม ยังไงก็เป็นทะเบียนไร้รักอยู่ดี” น้ำเสียงทุ้มต่ำไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ เอ่ยพูดออกมากลางวงสนทนาเรียกเสียงอุทานด้วยความตกใจของเจ้าสัวธีร์วัฒน์และคุณหญิงเขมิกาได้เป็นอย่างดี
คงมีเพียงแค่ชัชชนและอันดาที่แอบยิ้มด้วยความพึงพอใจ โดยมีคุณหญิงอัจฉรานิ่งเงียบไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมา
“เจ้าเธียร์ / ตาเธียร์”
“ปากหมาแบบนี้ ปู่จะรอวันที่แกร้องไห้มาขอความช่วยเหลือก็แล้วกัน” เจ้าสัวธีร์วัฒน์ยกยิ้มมุมปากด้วยความหมั่นไส้หลานชาย
“ไม่มีวันนั้นแน่นอนครับ” ประโยคและน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวหนักแน่นของเธียร์วิชทร์เหมือนมีเข็มนับร้อยกำลังทิ่มลงกลางใจของชามาจนแทบพูดอะไรไม่ออก ก่อนที่เธียร์วิชทร์จะจรดปลายปากกาลงบนกระดาษสีขาว