@ โรงแรมหรูใจกลางเมือง
งานฉลองมงคลสมรสของเธียร์วิชทร์และชามาถูกจัดขึ้นอย่างหรูหรา ภายในงานเลี้ยงถูกจัดขึ้นเหมือนดั่งสรวงสวรรค์ รวมไปถึงเจ้าสาวป้ายแดงในงานเช่นกัน
ชามาสวยราวกับนางฟ้าลงมาจุติยังโลกมนุษย์ หญิงสาวอยู่ในชุดเจ้าสาวขาวสะอาดฟูฟ่อง ใบหน้าถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงยิ่งทำให้เธอดูสวยสะดุดตา
“ยายชา วันนี้แกสวยมาก” เสียงแหลมของมุกดาเอ่ยชมเพื่อนสาวของตัวเองไม่ขาดปาก
“ชมเกินไปแล้ว”
“ฉันเห็นด้วยกับยายมุกดา” เพทายเพื่อนสนิทของชามาเอ่ยชมเพื่อนสาวอีกคน ความสวยของชามาในวันนี้เรียกสายตาของแขกที่มาร่วมงานได้เป็นอย่างดี
“เจ้าบ่าวแกไปไหนล่ะ” มุกดาหันซ้ายแลขวามองหาเจ้าบ่าวของเพื่อนรักที่ยังคงเดินทางมาไม่ถึงแบ็กดรอปถ่ายรูปหน้างานที่ตอนนี้เริ่มมีแขกทยอยเข้ามาในงาน
“ยังไม่มา”
“แกโอเคใช่มั้ย?” เพทายลูบแผ่นหลังบางของชามาเหมือนกำลังปลอบใจหญิงสาวไม่ปาน
“โอเคสิ พวกแกก็รู้ว่า ทำไมพี่เธียร์ถึงต้องยอมแต่งงานกับฉัน” เธอไม่มีสิทธิ์อะไรที่สามารถพูดคำว่า ไม่โอเค เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้เกิดจากความต้องการของผู้ใหญ่ล้วน ๆ แถมเจ้าบ่าวของเธอยังดูเกลียดเธอเข้าแล้ว
“ฉันเชื่อว่าสักวันพี่เธียร์เขาต้องหลงรักแก” มุกดาเองก็เอ่ยให้กำลังใจชามา เมื่อเห็นเพื่อนสาวกำลังยิ้มหน้าเจื่อนแฝงไปด้วยความเศร้า
“พูดอะไรของแก พี่เธียร์เกลียดฉันจะตายไป”
“คุณเธียร์เขาคงไม่ร้ายกับเมียตัวเองหรอก”
“หลังจากแต่งงาน ฉันต้องรีบทำงานหาเงิน เพื่อคืนอิสระให้กับพี่เธียร์ให้เร็วที่สุด” แววตาที่ทอประกายความเจ็บปวดออกมา ทำให้เพื่อนรักของเธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกข้างในใจของชามาได้เป็นอย่างดีจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“พูดแบบนี้ออกมาไม่เจ็บใช่มั้ย”
“ไม่หรอก แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว” ชายหนุ่มที่หญิงสาวหลงรักมาตั้งแต่เด็ก จนมาตอนนี้ผู้ชายที่เธอหลงรักกลับกลายมาเป็นเจ้าบ่าวของเธออย่างไม่คาดคิด
“ตาเธียร์ยิ้มหน่อยสิลูก” คุณหญิงเขมิกาเอ่ยลอดไรฟันกระซิบเตือนลูกชายของตัวเองที่กำลังยืนทำหน้าเรียบเฉยอยู่ข้าง ๆ เจ้าสาวคนสวย
“ผมเบื่อแล้ว ขอตัวไปดื่ม” ร่างสูงเดินเข้าไปภายในงานเลี้ยงทันที โดยไม่หันมามองเจ้าสาวป้ายแดง และผู้เป็นมารดาเลยสักนิด
“หนูชามา แม่ขอโทษแทนพี่เธียร์ด้วยนะลูก” เมื่อคุณหญิงเขมิกาเห็นการกระทำของเธียร์วิชทร์ที่กระทำใส่ชามา คุณหญิงรีบเข้าไปขอโทษลูกสะใภ้ด้วยใบหน้าที่ดูเห็นใจหญิงสาวไม่น้อย
“ไม่เป็นอะไรค่ะ พี่เธียร์คงเหนื่อย” ชามายิ้มหวานส่งให้แม่สามีป้ายแดงของตัวเอง หญิงสาวไม่ถือสา หากเธอได้รับการกระทำแบบนี้จากเธียร์วิชทร์
“หลังจากนี้ แม่อยากให้หนูใจเย็น อดทนนะลูก” คุณหญิงเขมิกาลูบแขนเล็กของชามาเหมือนกำลังปลอบประโลมหญิงสาว สายตาของคุณหญิงดูเอ็นดูชามาไม่น้อย
“ค่ะคุณแม่ ชาต้องขอบคุณคุณแม่นะคะที่เอ็นดูชา”
“มาเป็นลูกสาวของแม่อีกคนนะลูก” คุณหญิงเขมิกาที่อยากมีลูกสาวมาก่อนหน้านี้ เอ่ยบอกกับลูกสะใภ้ของตัวเอง นับตั้งแต่วันนี้ เธอได้รับผู้หญิงที่ชื่อชามาเป็นลูกสาวอีกคน
“ไอ้เชี่ยเธียร์ แดกเหล้าเหมือนแดกน้ำเปล่า คืนนี้มึงต้องเข้าห้องหอนะเว้ย” เสียงเข้มของอัทธ์เอ่ยเตือนเจ้าบ่าวป้ายแดงที่กำลังนั่งกระดกแก้วเหล้าเข้าปากอึกแล้วอึกเล่า
“ก็กูอยากเมาไง”
“กูขี้เกียจแบกมึงไปให้เจ้าสาวนะเว้ย”
“กูจะกลับไปนอนคอนโด”
“ได้ไงวะ? วันนี้คืนเข้าหอ”
“ชีวิตกูต้องขึ้นอยู่กับคนอื่นด้วยเหรอ? กูจะทำอะไรจะไปไหน ก็ต้องบอกต้องแคร์ใครด้วยเหรอ”
“เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้มึงแต่งงานแล้ว” อัทธ์ย้ำสถานะของเธียร์วิชทร์ให้เจ้าตัวอีกครั้ง
“กูไม่สน” เธียร์วิชทร์ตอบกลับอัทธ์เสียงเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาประกายความหงุดหงิดออกมาจนอัทธ์ต้องยอมยกธงขาวให้
“งั้นมึงก็แดกไปเถอะ ถ้าเหล้าจะทำให้มึงรู้สึกดี” ประโยคประชดประชันของอัทธ์เรียกสายตาคมจากเธียร์วิชทร์ได้เป็นอย่างดี
“กูรู้สึกแย่ตรงไหน?” ถ้าหากการแต่งงานในครั้งนี้ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกแย่ คนคนนั้นคงไม่ใช่เขาแน่นอน
“กูขี้เกียจจะเถียงกับมึง” อัทธ์ถึงกับส่ายศีรษะเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเอือมระอา ก่อนที่เขาจะยกแก้วเหล้าสีอำพันขึ้นดื่ม
“กุลไม่มางานแต่งไอ้เธียร์เหรอ” ชวินทร์ที่พึ่งกลับจากห้องน้ำเดินมานั่งเก้าอี้ว่างพร้อม
กับเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความสงสัย ปกติเห็นกุลภรณ์สนิทกับเธียร์วิชทร์จะตายไป
“กุลติดงานต่างประเทศ” เป็นอัทธ์ที่ตอบคำถามของชวินทร์ เพราะหากรอคำตอบจากเธียร์วิชทร์คืนนี้คงไม่ได้คำตอบ
“นี่มึงเสียใจที่เจ้าสาวไม่ใช่กุลอย่างนั้นเหรอ” ชวินทร์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสนิทกัน แต่ก็ใช่รู้ทุกเรื่อง ยิ่งเรื่องหัวใจของเธียร์วิชทร์ ชายหนุ่มยิ่งไม่พูดถึง
“เกี่ยวอะไรกับกุล” หัวคิ้วเข้มขมวดกันเป็นปม เต็มไปด้วยความสงสัยและงุนงงกับประโยคคำพูดของชวินทร์
“อ้าว!! กูก็คิดว่าที่นั่งแดกเหล้า ย้อมใจ เพราะไม่ได้แต่งงานกับกุล” ชวินทร์เอ่ยพูดความคิดของตัวเองออกมา
ถึงแม้ว่าเธียร์วิชทร์จะแต่งงานเพราะคำสั่งของคุณปู่ ซึ่งเขาก็คิดว่า การแต่งงานในครั้งนี้ไม่ได้แย่ อีกอย่างเจ้าสาวของเพื่อนรักไม่ได้ขี้เหร่จนน่าหนักใจแถมยังสวยราวกับนางฟ้าอีกต่างหาก
“มึงอย่าบอกนะไอ้เธียร์ ว่ามึงชอบกุล”
ชามาที่ยืนอยู่ด้านหลังของทั้งสามหนุ่ม หญิงสาวได้ยินทุกประโยคที่ผู้ชายทั้งสามสนทนากัน โดยที่ทั้งสามหนุ่มไม่ทันได้สังเกตจึงเผลอหลุดพูดถึงผู้หญิงอีกคนอออกมา
“ไอ้เชี่ย!! มึงชอบกุลจริง ๆ เหรอวะ” ประโยคคำถามที่ไร้คำปฏิเสธจากเธียร์วิชทร์ ทำให้อัทธ์ที่สงสัยจึงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ชอบเชี่ยอะไร กูคิดกับกุลแค่เพื่อน” เธียร์วิชทร์ตอบกลับเพื่อนด้วยน้ำเสียงยานคาง นี่คงเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเมามายขนาดนี้
“แล้วที่มึงเงียบ” ชวินทร์เอ่ยถามด้วยความสงสัยกับจังหวะที่เธียร์วิชทร์เงียบ เหมือนยอมรับในคำพูดของพวกเขา
“กูกำลังกลืนน้ำลายอยู่ กูจะอ้วก” น้ำลายอึกใหญ่จุกที่ลำคอหนา ทำให้เธียร์วิชทร์ต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไอ้เชี่ยเธียร์ ทำกูตกใจ” อัทร์ถึงกับอุทานขึ้นด้วยความโล่งใจ
“มึงรู้ใช่มั้ย? ว่ากุลคิดยังไงกับมึง” ประโยคคำถามของชวินทร์ ทำให้เธียร์วิชทร์พยักหน้ารับ
“รู้” ชายหนุ่มตอบกลับประโยคสั้น ๆ ชายหนุ่มทราบมาโดยตลอดว่า กุลภรณ์คิดยังไงกับตัวเอง และแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่อาจทำลายความสัมพันธ์ของเพื่อนได้ จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่กุลภรณ์กำลังจะสื่อ
“แล้วมึงไม่คิดจะ...”
“ไอ้อัทธ์ มึงหยุดความคิดของตัวเองซะ!!” เธียร์วิชทร์ทราบดีว่าเพื่อนของตัวเองกำลังจะถามอะไร? ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบพูดแทรกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขึ้นมาทันที