@ บ้านวงศ์วานิช
“อันดาวันนี้ลูกแต่งตัวให้สวยเลยนะ” ชัชชนเปิดประตูห้องของลูกสาวตัวเองและเดินเข้าไปบอกข่าวดีให้กับลูกสาวของตัวเองดั่งคนอารมณ์ดี
“ทำไมคะ? คุณพ่อ” คิ้วเรียวสวยของอันดาขมวดกันเป็นปม งุนงงกับประโยคคำพูดของผู้เป็นพ่อไม่น้อยจึงได้เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“เพราะว่าวันนี้ครอบครัวจารุกิตต์ กำลังจะเดินทางมาที่นี่”
“ครอบครัวจารุกิตต์ที่คุณพ่อหมายถึง คือครอบครัวมหาเศรษฐีนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ และทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลใช่มั้ยคะ”
“ใช่แล้วลูก” มือหนายกขึ้นลูบศีรษะลูกสาวด้วยความรักและความเอ็นดู ไม่ว่ายังไงอันดาต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้
“แบบนี้ คุณเธียร์หลานชายเจ้าสัวจะมาด้วยรึเปล่าคะ” รอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าของอันดา เธอเองก็พอจะทราบชื่อเสียงของตระกูลนี้อยู่บ้าง และแน่นอนที่พลาดไม่ได้คือหลานชายของเจ้าสัวตระกูลดัง
“มาแน่นอน วันนี้พวกเขาจะมาสู่ขอลูกสาวบ้านนี้” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของชัชชน
“คุณพ่อหมายถึงหนู” อันดาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เอ่ยถามผู้เป็นพ่อเพื่อให้แน่ใจ และคำตอบที่ได้กลับมา ทำให้เธอยิ้มและยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มผู้เป็นพ่อฟอดใหญ่
“แน่นอนว่ายังไง พ่อก็ต้องเสนอหนูให้กับครอบครัวนั้นอยู่แล้ว”
“จริงเหรอคะคุณพ่อ หนูรักคุณพ่อที่สุดเลย” รอยยิ้มและน้ำเสียงดีใจของอันดาดังขึ้น เธอไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่จะได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างเธียร์วิชทร์ที่ผู้หญิงหลายคนต่างหมายปอง
“พ่อก็รักลูก ไปเตรียมตัวเถอะ” แน่นอนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ขอเพียงแค่ลูกสาวของเขาได้แต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวยนั่นถือเป็นเรื่องที่เขาสบายใจไปเปรอะหนึ่ง
“สวัสดีครับ ท่านเจ้าสัว เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านให้เกียรติมารับประทานอาหารที่บ้านของเรา” ชัชชนออกหน้ารับแขกแทนเจ้าของบ้านอย่างคุณหญิงอัจฉรา
“สวัสดีค่ะคุณหญิงอัจฉรา / สวัสดีครับ” คุณหญิงเขมิกาและเธียร์วิชทร์เอ่ยทักทายเจ้าของบ้านท่าทางสุภาพ
“ฉันก็ไม่ได้มาที่บ้านนี้นานเหมือนกัน อัจฉราสบายดีนะ” เจ้าสัวธีร์วัฒน์เอ่ยทักทายคุณหญิงอัจฉราที่นั่งอยู่ไม่ไกลโดยมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ
“สบายดีบ้างไม่ดีบ้างค่ะ เจ้าสัว ช่วงนี้ดิฉันป่วยบ่อย” หลายปีมานี้เธอป่วยบ่อยจนไม่มีเวลาเข้าไปดูแลกิจการของครอบครัวสามี จึงปล่อยให้ชัชชนดูแลเพียงคนเดียว
“รักษาตัวเองให้ดี”
“วันนี้ฉันมีเวลาไม่มากคงไม่ได้ทานอาหารด้วย ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน”
“ท่านเจ้าสัวมาวันนี้ มีธุระอะไรเหรอคะ” คุณหญิงอัจฉราเอ่ยถามเจ้าสัวธีร์วัฒน์ด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่พ่อสามีของเธอเสียไป เธอก็แทบไม่ได้เจอท่านเจ้าสัวธีร์วัฒน์อีกเลย
“อัจฉรา เธอไม่รู้เรื่องนี้?”
“อ๋อ คืออย่างนี้ครับท่าน ช่วงนี้คุณหญิงอัจฉราไม่ค่อยสบาย ผมก็เลยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอ” ชัชชนยิ้มหน้าเจื่อนเมื่อถูกท่านเจ้าสัวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ คุณชัชชน” คุณหญิงอัจฉราหันหน้าไปเอ่ยถามสามีของตัวเองด้วยความงุนงงปนอยากรู้
“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน วันนี้ที่ฉันมา ฉันอยากจะสู่ขอลูกสาวบ้านนี้ให้กับหลานชายของฉัน” เจ้าสัวไม่พูดพร่ำทำเพลง เอ่ยเข้าเรื่องที่เดินทางมาที่บ้านวงศ์วานิชในวันนี้
“คะ” คุณหญิงอัจฉราอุทานด้วยความตกใจ แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังได้ยินไปเมื่อสักครู่
“ลูกสาวผมเรียนจบแล้ว ตอนนี้ช่วยบริหารงานที่บริษัท” คิ้วเข้มของเธียร์วิชทร์ขมวดกันเป็นปม ผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าของเขาไม่ใช่ชามา แต่กลับเป็นอีกคนที่เขาเองก็ไม่เคยรู้จัก
“ฉันมาทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับมานพ” เจ้าสัวธีร์วัฒน์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เหมือนต้องการให้เจ้าสัวมานพได้ยินในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป
“สัญญาอะไรคะ” คุณหญิงอัจฉราถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม งุนงงกับประโยคของท่านเจ้าสัวไม่น้อย
“สัญญาที่จะให้หลานทั้งสองของเราแต่งงานกัน”
“ทางเราไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใดครับ จริงไหมคุณหญิง” ชัชชนหันไปขอความช่วยเหลือจากคุณหญิงอัจฉรา มือหนาจับมือเล็กของคุณหญิงเอาไว้แน่น
“ค่ะ”
“ทางผมกับคุณหญิงอัจฉราไม่ได้ขัดข้องอะไรครับ แล้วแต่เห็นสมควรเลย” ชัชชนยิ้มกว้างออกมา เมื่อคุณหญิงอัจฉราไม่ได้โต้แย้งหรือขัดข้องกับเรื่องนี้
“อันดา หนูไม่ได้ขัดข้องใช่ไหม” ชัชชนหันหน้าไปเอ่ยถามลูกสาวของตัวเองที่กำลังนั่งทำหน้าเขินอายอยู่เงียบ ๆ
“หนูแล้วแต่คุณพ่อค่ะ” น้ำเสียงและท่าทางอ่อนโยนของอันดาที่แสดงออกมาสร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นพ่อไม่น้อย
“แต่เดี๋ยวนะ!! หลานสาวของมานพชื่อชามาไม่ใช่เหรอ” เจ้าสัวธีร์วัฒน์เริ่มแย้งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อชื่อหลานสาวที่เขาจำได้คือชามาไม่ใช่อันดา
“ใช่ค่ะ อันดาคือลูกติดของคุณชัชชน” คุณหญิงอัจฉราเอ่ยเฉลยข้อสงสัยของท่านเจ้าสัวรวมไปถึงเธียร์วิชทร์และคุณหญิงเขมิกา
“ฉันต้องการให้ตาเธียร์แต่งงานกับหนูชามาเท่านั้น” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวของเจ้าสัวธีร์วัฒน์ประกาศออกมาเสียงกร้าว
“แต่ท่านครับ ชามาไม่...” ชัชชนหน้าเสียไปเล็กน้อย เขาพยายามโต้แย้งท่านเจ้าสัวธีร์วัฒน์อีกครั้ง
“ฉันสัญญากับมานพเอาไว้ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่แบกหน้ามาถึงที่นี่หรอก”
“ฉันยังไม่ได้คุยกับชามาในเรื่องนี้” คุณหญิงอัจฉราเองก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับลูกสาวของตัวเองเลยสักครั้ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเธอที่ต้องคุยกับลูกสาวของตัวเองก่อน
“ไปตามหนูชามามาสิ”
“พอดีพี่ชามาออกไปเที่ยวข้างนอกตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับมาเลยค่ะ” เสียงหวานปนลำบากใจของอันดาพูดขึ้น หวังใส่ร้ายพี่สาวของตัวเองเพื่อให้ทางตระกูลจารุกิตต์เปลี่ยนใจเลือกเธอแทน
“งั้นเอาเป็นว่า ฉันจะให้เจ้าเธียร์แต่งงานกับหนูชามาเท่านั้น” เจ้าสัวธีร์วัฒน์ยังคงย้ำคำเดิม
“แต่ท่านเจ้าสัวครับ ชามามีคนรักอยู่แล้ว” ชัชชนเริ่มเอ่ยสมทบอันดาอีกครั้ง พยายามโต้แย้งให้เจ้าสัวธีร์วัฒน์เปลี่ยนใจ
“ฉันไม่สน หากหนูชามาไม่ตกลง เรื่องนี้เป็นอันโมฆะ”
“แต่ท่านครับ ให้อันดาแต่ง...” ชัชชนพยายามเสนอลูกสาวของตัวเอง แต่ก็ยังถูกเจ้าสัวธีร์วัฒน์ปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนที่ท่านจะขอตัวลุกจากโซฟาโดยมีเธียร์วิชทร์และคุณหญิงเขมิกาลุกขึ้นตาม
“ทางเราขอตัว ถ้าหนูชามาตอบตกลง ติดต่อเราทันที” หากไม่ใช่ชามาทางครอบครัวของเขาก็ไม่ยอมให้หลานชายแต่งกับคนอื่น เพราะสัญญาที่เคยให้ไว้กับเพื่อนรักสำคัญที่สุด และไม่มีใครมาแทนที่ของชามาได้