บทที่5
เจ้าหนี้ชื่อมีญ่า
///มีญ่า///
ไม่รู้มี๊พาพี่มีก้าไปเข้าห้องน้ำที่ไหน มีญ่าหงุดหงิดหึ! ฉันนั่งกอดอกจนทนรอไม่ไหวจึงให้บอดี้การ์ดเงินเดือนสามแสนของฉันไปจ่ายเงินและเดินถือกระเป๋าChanelมารอข้างนอกจนคนหล่อๆ เดินผ่านหน้าฉันไปยังร้านกาแฟ แต่เขากลับมองหน้าบอดี้การ์ดเงินเดือนสามแสนของฉันและมองหน้าสวยๆ ของฉันด้วย
“พ่อครับพาบาสไปซื้อขนมตรงนั้นก่อนได้ไหมครับ”
“ครับๆ โบ๊ทเดี๋ยวพี่ตามเข้าไปนะ”
“ครับ”
ฉันกวาดสายตาอันเฉียบแหลมมองตามแผ่นหลังของผู้ชายสูงโปร่งคนนั้นเข้าไปด้านใน เขากำลังควานหากระเป๋าเงินหึ! ฉันได้ลูกหนี้เพิ่มอีกแล้วสินะ
“คุงยุงนี่ค่ะเอาของมีญ่าไปก่อง” (คุณลุงนี่ค่ะ เอาของมีญ่าไปก่อน)
“คุณหนู!!” บอดี้การ์ดรีบวิ่งเข้ามาแต่ถูกมือเล็กๆ ยกขึ้นห้ามจนทั้งสองต้องหยุดชะงักแล้วมองหน้ากัน
“หยุกเยย หยุกอยู่กงงั้น” (หยุดเลย หยุดอยู่ตรงนั้น)
“อะไรครับ” โบ๊ทก้มมองหน้าเด็กผู้หญิงจนหัวใจเขาเต้นตึกตักมีรู้ตัว ใบหน้าที่เขาเฝ้าคิดถึงลอยเข้ามาในหัวจนเขาต้องนั่งลงเพื่อมองดวงตาของเด็กสาวคนนี้ชัดๆ
“เอาเงิงไปค่ะแล้วค่อยเอามาคืง” (เอาเงินไปค่ะแล้วค่อยเอามาคืน)
“กาแฟได้แล้วค่ะ”
ฉิบหายเฮียแม่งพาบาสไปไหนวะ เด็กน้อยที่ยืนอยู่จึงหยิบแบงค์500ส่งให้พนักงาน เมื่อเธอรับเงินทอนกลับมาก็รีบนับจนเธอชี้นิ้วป้อมๆ มาที่ผม แต่ผมกลับพูดอะไรไม่ออกรวมถึงคนติดตามเธอด้วย
ลูกใครวะพ่อต้องหล่อมากแน่ๆเลย
“ฉองย้อยดอกฉี่ฉิบนะ”
“ฮะ! เดี๋ยวไม่ได้ร้องขอให้จ่ายให้สักหน่อย”
“ไม่ยู้!”
“มาแล้วๆ นี่ใครอีกแกไปไข่ทิ้งไว้อีกแล้วเหรอชีวิตวนเวียนอยู่กับเด็กจังวะ” วาโยเดินเข้ามาแต่สายตามองไปที่บอดี้การ์ดสองคน เขากำลังพยายามพาเด็กน้อยกลับออกไปแต่เธอแบมือมาที่วาโยเหมือนจะทวงอะไรบางอย่างเขาจึงหันไปมองหน้าน้องเมียอีกครั้ง
“เฮียจ่ายไปสองร้อยดิ สงสัยกระเป๋าตังผมอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า”
“เออๆ” วาโยหยิบแบงก์ร้อยมาสองใบแต่เด็กน้อยมองเขาตาเขียวปั๊ด
“ฉองย้อยฉี่ฉิบค่ะ”
“คุณหนู!”
“เฮียให้ไป500เลย เด็กอะไรวะอย่าให้รู้นะว่าพ่อเป็นใครจะล่อหน้าให้ กวนลมฉิบ จู่ๆ ก็มายัดเยียดจ่ายเงินให้ผมแถมยังมาเก็บดอกอีก บ้านเป็นแก๊งเงินกู้หรือไงฮะ”
“ใช่!”
“ขอโทษแทนคุณหนูด้วยครับ คุณหนูครับได้เงินแล้วก็กลับดีกว่าทุกคนรออยู่”
“บายค่ะ เอ่อออ ชื่อมีญ่านะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” วาโยเป็นคนตอบแต่โบ๊ทหัวร้อนไปแล้วเขารับกาแฟจากพนักงานที่ยืนอ้าปากค้างแล้วเดินมานั่งกับหลานชายด้วยความหงุดหงิด
อีกด้าน....
วีนัสรีบเดินกลับมาหลังจากที่ลูกชายอยากซื้อของเล่นและใช้เวลาเลือกอยู่นาน เมื่อบอดี้การ์ดอุ้มลูกสาวกลับมาเธอก็รีบเดินกลับขึ้นรถเพราะคนของเธอรายงานว่าพยัคฆ์เมฆาอยู่ที่นี่ เพื่อความปลอดภัยของเธอกับลูกและทุกคนเธอจึงรีบให้ทุกคนออกจากสนามบินให้เร็วที่สุด
รถอัลพาร์ดสีดำ2คันขับเข้ามาจอดที่ประตูขาออก ทุกคนจึงรีบขึ้นรถและตรงมายังบ้านของวีนัส เด็กๆ ตื่นเต้นกับบ่อปลาคาร์ฟมาก ที่สำคัญคุณยายของทั้งสองก็คลั่งรักหลานสุดๆ
“เป็นยังไงบ้างวีนัสเดินทางเหนื่อยไหม”
“เหนื่อยค่ะแม่ แม่คะคนของเขายังมาวนเวียนอยู่แถวบ้านเราไหม หนูมีเงินมากพอที่จะพาพวกเราทุกคนไปจากที่นี่นะคะ”
“ไม่แล้วลูก ตอนนี้แม่ได้ข่าวว่าทายาทของพยัคฆ์เมฆากำลังจะแต่งงานต่อให้เขารู้ว่าวีนัสอยู่ที่นี่ เขาก็คงไม่มายุ่งกับเราแล้ว หลังจากเกิดเรื่องพ่อแม่ของเขาเข้ามาหาแม่และขอโทษเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนแรกเขาอยากจะรับผิดชอบแต่แม่บอกไปแล้วว่าลูกไปอยู่กับพี่ชายที่อังกฤษ เปลี่ยนจากรับผิดชอบเป็นเลิกยุ่งกับพวกเราดีกว่า”
“เขายอมใช่ไหมคะ”
“ต้องยอมสิ มันเป็นทางเดียวที่เราจะอยู่กันอย่างสันติ”
ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดและวางแก้วน้ำลง ไม่รู้จะใจหายเรื่องไหนก่อนดี เขาจะแต่งงานแล้วทุกอย่างมันควรจบแต่เพียงเท่านี้ลูกฉัน ฉันเลี้ยงเองได้ ทุกวันนี้ครอบครัวฉันไม่ได้ขาดอะไร เหลือแค่พี่วิคเตอร์คุยกับพ่อถ้าท่านยอมฉันก็จะกลับไปอยู่ที่ลอนดอนและจะไม่พาลูกกลับมาที่นี่อีก
ฉันนั่งฟังมีญ่าเล่าเรื่องที่ลูกหนี้ของเธอ ฉันจึงหันไปถามฮาเวิร์ดจนฉันแอบตงิดใจยังไงก็ไม่รู้ จึงให้ทุกคนระวังเรื่องคนแปลกหน้าถ้าเห็นท่าไม่ดีก็อุ้มลูกฉันออกมาได้เลยอย่าตามใจเพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา
“มี๊ครับวันนี้ผมก็เจอคนแปลกหน้าด้วย เขาพูดว่าผู้ชายคนนั้นที่หล่อๆ ไปไข่ทิ้งไว้หรือเปล่า”
ฉันหน้าร้อนผ่าวทันทีแต่ก็ยังฟังมีก้าพูดต่อ
“เขาชื่ออะไรมีก้าจำได้ไหมครับ”
“จำได้แค่ลูกชายของคนที่ถามครับชื่อบาส”
อาจารย์วาโยหรือเปล่า ฉันจำได้ว่าอาจารย์วาโยมีลูกชายชื่อบาส แบบนี้ไม่ดีแน่ฉันต้องระวังขึ้นเป็นพิเศษ จะปล่อยเด็กๆ ไปไหนทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้แล้ว
///โบ๊ท///
ตอนนี้ผมอายุ25แล้วทำงานดูแลทุกอย่างแทนคุณพ่อได้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ผมไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ก็คงเป็นเรื่องการแต่งงานของผม ปกติครอบครัวผมไม่ค่อยเคร่งเรื่องการแต่งงานเลยนะขนาดพ่อกับแม่ยังแต่งงานกันตอนอายุ30กว่า แต่ทำไมผมถึงได้เป็นบุคคลที่โชคดีจังเลย
“ถ้าคุณพ่ออยากแต่งก็แต่งไปสิ ผมไม่แต่งไม่อะไรทั้งนั้น”
“โบ๊ทแกต้องเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้หน่อยนะ ตอนนี้เราต้องหาพันธมิตรมาช่วยพยุงเอาไว้ อย่างน้อยพวกเราจะได้แข็งแกร่งไอ้พวกแก๊งขี้หมูขี้หมาจะได้ไม่คิดมาต่อรองกับเรา”
“พ่อไม่เอาผมไม่แต่ง ให้ตายยังไงผมก็ไม่แต่ง!”
ผมยื่นคำขาดก่อนจะเดินไปนั่งเล่นกับคาเวียร์หลานสาวของผมที่อายุ5ขวบ เธอไม่ค่อยสนใจอะไรนอกจากคนหล่อๆ เชื่อแม่มันแรงก็แบบนี้แหละ
“ไงสรุปจะไม่แต่งจริงๆ ใช่ไหม”
“เจ้ผมไม่อยากแต่ง ผมกับอายเป็นแค่เพื่อนกันและผมไม่ได้คิดอะไรกับอายด้วย”
“แต่อายชอบแกมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วนะ”
“ก็ผมไม่ได้ชอบไง!”
ผมนั่งมองหลานระบายสีผมจึงลงไปนั่งที่พื้นเพื่อช่วยหลานสาวระบายบ้าง มาเฟียเลี้ยงเด็กมีอยู่จริงใครไม่เชื่อมาบ้านผมได้เลย พอผมนั่งลงเจ้แม่งชวนผู้ชายขึ้นห้องเลยไม่รู้ไปอดอยากที่ไหนมา
“นายครับมีข่าวสำคัญครับ”
ผมมองหน้าลูกน้องก่อนจะส่งสายตาให้มันไปรอผมที่ห้องทำงาน ผมจึงให้แม่บ้านมาอยู่กับคาเวียร์ก่อน เรื่องสำคัญที่ว่าคือเรื่องของเธอคนนั้นตลอดเวลา4ปีผมตามหาเธอมาตลอดแต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ไปตกลงกับแม่ของเธอไว้ว่าจะไม่ให้ผมเข้าไปยุ่ง ผมต้องถอนกำลังคนที่ไปดักซุ่มดูเธอให้กลับออกมาจากบริเวณบ้านเธอ
“เธอกลับมาแล้วครับ มีคนของเราเห็นเธอยืนอยู่แถวห้องน้ำสนามบิลสุวรรณภูมิเมื่อวาน ผมจึงเช็กข้อมูลแล้วเธอกลับมาจากลอนดอน เครื่องแลนดิ้งก่อนที่นายจะกลับจากภูเก็ตครึ่งชั่วโมง”
“มึงแน่ใจนะไอ้กรณ์”
“แน่ใจครับผมเช็กมาแล้ว”
“ส่งคนไปคอยสังเกตแถวบ้านเธอห่างๆ อย่าเข้าไปใกล้มากที่สำคัญเรื่องนี้อย่าให้ถึงหูพ่อกับแม่กูเด็ดขาด!” ผมเน้นเสียงจนไอ้กรณ์มันก้มคำนับรับปากผม ผมจึงพยักหน้าให้มันออกไป
“หวังว่าคงยังไม่มีใครนะยัยบื้อ”
3วันต่อมา
ไอ้กรณ์วิ่งหน้าตั้งมาหาผมที่ห้องทำงานบนสโมสรมันมองซ้ายมองขวาก่อนจะเคาะประตูกระจกและเปิดเข้ามา ผมวางงานในมือลงเพื่อฟังข่าวสำคัญแต่รู้สึกว่าสีหน้ามันไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่
“มีอะไร”
“นายเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะมีครอบครัวแล้วครับ”
ปึ้ง!!
ผมทุบโต๊ะทำงานจนไอ้กรณ์สะดุ้ง มันรีบก้มหน้าลงสายตามองไปที่รองเท้า แม่งมั่วหรือเปล่าเธอจะมีครอบครัวได้ไงหรือบ้านเธอจะจับเธอใส่ตะกร้าล้างน้ำให้ผู้ชายวะ แต่ผมไม่สนไม่ว่าไอ้เวรนั่นมันจะเป็นใครผมจะฆ่ามันทิ้งซะ!
“ทำไมมึงถึงคิดว่าเธอมีครอบครัวแล้วไอ้กรณ์”
“คนของเราบอกว่าเธอมีเด็กสองคนตามติดตลอด อีกทั้งวิคเตอร์พี่ชายของเธอไม่มีประวัติการแต่งงานหรือมีลูก ในบ้านเธอมีแค่แม่ของเธอกับแม่บ้าน ถ้าเด็กสองคนนั้นไม่ใช่ลูกของเธอแล้วจะเป็นลูกหมาที่ไหนครับ”
ขวับ!!
“ไอ้กรณ์มึงกวนตีนกูใช่ไหม!!”
“ขอโทษครับนาย อารมณ์มันพาไป”
“แล้วนี่ไอ้มิคไปไหน”
“ไอ้มิคคุมบ่อนอยู่ครับ เดี๋ยวคงขึ้นมารายงาน”
ผมปล่อยให้ไอ้กรณ์ไปทำงานของมันต่อก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กดูไอจีของเธอแต่เธอปิดตายไปแล้วไม่มีการอัปเดตอะไร เอาง่ายๆ เหมือนเธอหายไปจากโลกนี้แล้ว ผมอยากรู้จังว่าไอ้เวรนั่นมันเป็นใคร ผมจะจับลูกมันมาเป็นตัวประกันขู่ให้มันเลิกกับเธอ หรือไม่ก็เป่าหัวมันทิ้งแล้วยัดเยียดความเป็นพ่อให้ลูกมัน
แผนผมมันล้ำเลิศ ใช่ผมต้องจับลูกเธอมาต่อรอง
วันต่อมา....
ผมขับรถมาจอดอยู่ร้านกาแฟแถวๆ บ้านเธอเพราะไอ้กรณ์มันบอกว่าเธอชอบพาเด็กๆ มาซื้อขนมที่นี่ผมจึงขับมาจอดตั้งแต่ตี3 เลิกงานก็มาเลยจนตอนนี้เป็นเวลา7โมงตรง รถตู้สีดำก็ขับมาจอดอยู่ข้างๆ รถผม ผมจึงก้มหน้าลงเล็กน้อยโดยใส่แว่นกันแดดสีดำบังตา
เมื่อชายชุดดำเดินลงมาเปิดประตูรถจากนั้นก็มีเด็กตัวอ้วนๆ กลมๆ เหมือนลูกขนุนผูกผ้าสามสีกระโดดลงมา นี่มันเด็กที่ชื่อมีญ่านี่หว่าส่วนเด็กผู้ชายอีกคนก็คือเด็กที่ยกมือไหว้ผมแต่ก้มหัวถึงเข่าในห้องน้ำ บ้านอยู่แถวนี้เหรอ ผมลดกระจกลงนิดนึงเพื่อฟังการสนทนาด้านนอก
“พี่มีก้าจง ไม่มีเงิงไม่เก่ง!” (พี่มีก้าจน ไม่มีเงินไม่เก่ง)
“พี่มีแต่พี่ไม่ชอบซื้อของเกินตัวแบบเรา”
“ให้กู้เงิงเอาไหม” (ให้กู้เงินเอาไหม)
“ไม่เอา!!”
‘ยัยเด็กขี้งก ตัวแค่นี้ปล่อยเงินกู้น่าตบกะโหลกพ่อเธอจริงๆ’ ผมส่ายหน้าก่อนจะหันไปมองรอบๆ ทำไมวีนัสไม่มาสักทีวะ คนมารอตั้งนานแล้วนะอยากเห็นหน้าลูกผัวเธอจัง
“เด็กๆ รอมี๊ก่อน!!!”
ขวับ!!
-------------------------------------------
มีญ่าเป็นเด็กตลกปากแซ่บเหมือนอีพ่อนั่นแหละ