“แต่ลูกดูเศร้า” พ่อลำมูลพูดแล้วก็หน้าหงอยรู้สึกผิดที่ไปตกปากรับคำยอมยกลูกสาวให้แต่งงานกับคุณเข้ม
“คนอย่างหนูมัท หากไม่ยอม มีหรือลูกจะนั่งฟังเฉยๆ ไม่โต้แย้ง” แม่จำปาว่าแล้วหันไปมองลูกสาวที่นั่งอยู่บนแคร่ใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน มัทนากำลังเด็ดผักหวานที่เพิ่งเก็บมาจากสวนหลังบ้าน เห็นว่าจะเตรียมไว้ทำแกงผักหวานใส่ไข่มดแดงกินมื้อเที่ยง
“แล้วทำไมลูกไม่พูดอะไรเลยล่ะ”
“ลูกปกติดี มีแต่พี่นั่นแหละผิดปกติ” แม่จำปาว่าแล้วลุกขึ้นเดินลงบันไดไปหาลูกสาว แม้ลึกๆ แล้วจะเป็นห่วงความรู้สึกลูกสาวอยู่ไม่น้อย แต่เพราะรู้จักนิสัยลูกดีว่าหากไม่ยอมก็คือไม่ยอม แต่หากรับปากแล้ว ลูกจะไม่มีวันผิดคำพูด ลูกก็เหมือนพ่อมันแหละ พูดคำไหนคำนั้น
“เสร็จหรือยังลูก แม่ช่วยไหม”
มัทนาเงยหน้าขึ้นจากกระจาดผักหวาน เธอเด็ดเอาเฉพาะส่วนยอดและก้านอ่อนใส่ไว้ในกระจาดอีกใบ ส่วนก้านที่แข็งก็แยกออกไว้นำไปทิ้ง
“ใกล้เสร็จแล้วค่ะแม่ แม่มีอะไรจะใช้หนูหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไร เห็นลงมานั่งเงียบๆ คนเดียว มีคนเขาเป็นห่วง เลยบอกแม่ลงมาดู” แม่จำปาพูดแล้วมองขึ้นไปบนเรือน หนูมัทมองตามสายตามารดา เธอเห็นบิดากำลังเมียงมองลงมา แต่พอสบตากับเธอท่านก็เลี่ยงหลบเสมองไปทางอื่น แล้วเอนกายลงนอนไขว่ห้างบนเสื่อ ใช้ผ้าขาวม้าพัดวีสะเปะสะปะ
“ฝากบอกคนบนบ้านด้วยว่าหนูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ถึงจะถูกจับคลุมถึงชนหนูก็เป็นไร หนูโอเค หนูจะไม่ทำให้เขาต้องเสียหน้าแน่นอน แล้วแม่อย่าลืมบอกเขานะคะว่า ให้นอนรอกินแกงผักหวานใส่ไข่มดแดงให้สบายใจเถอะค่ะ หนูจะทำสุดฝีมือ ให้เขากินจนพุงกางเลย” มัทนาพูดกับแม่ แต่เงยหน้าตะโกนเสียงดัง จงใจให้คนบนเรือนได้ยิน
แม่จำปาส่ายหน้ายิ้มๆ ท่านเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูกสาว
อย่างเอ็นดู
“แม่คงไม่ต้องไปบอกแล้วมั้ง ป่านนี้เขาคนนั้นคงได้ยิน
แล้วล่ะ”
สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วยิ้มขำ คนที่ลูกจงใจตะโกนให้ได้ยินนอนสะดุ้งโหยงอยู่หลายครั้ง พอลูกพูดจบและเงียบไป ถึงได้ถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก
“แล้วนี่จะไปแหย่ไข่มดแดงกับใคร เจ้าโมกก็ไปโรงเรียนเสียด้วย ให้แม่ไปช่วยไหม”
“หนูไปคนเดียวได้ค่ะแม่ ในสวนหลังบ้านแค่นี้เอง หนูเล็งรังมดแดงบนต้นมะม่วงไว้แล้ว ต้นไม่สูงมากค่ะ หนูรบกวนแม่เอากระจาดผักหวานไปเก็บในครัวให้หน่อยนะคะ หนูจะเข้าสวนเลย”
“ได้จ้ะ ว่าแต่จะเป็นเจ้าสาวอยู่อีกไม่กี่วันแล้ว ไปแหย่ไข่มดแดงแบบนี้ต้องระวังหน่อยนะลูก เดี๋ยวถูกมดแดงกัดแล้วผิวจะเป็นรอย”
“ถ้าผิวเป็นรอยแล้วเขาจะยกเลิกงานแต่งงานไหมล่ะคะ หนูจะได้ยืนให้มดแดงกัดทั้งรังเลย”
“มัทนา” แม่จำปากดเสียงต่ำเรียกชื่อลูกสาวเต็มยศ สายตาดุของท่านทำให้ว่าที่เจ้าสาวทำปากยู่
“จะหาสามีให้ลูกสาวทั้งที หาหนุ่มกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ อีตาคุณเข้มนั่นปาเข้าไปตั้งสามสิบหกแล้ว แต่งกันไปไม่ถึงปี หนูคงได้ตะบันน้ำป้อนเขา”
“หนูมัท!” แม่จำปาหยิกต้นแขนลูกสาว แล้วจิกตาดุใส่
“ก็หรือไม่จริงล่ะคะ เขาแก่กว่าหนูตั้งรอบหนึ่งแล้วนะ”
“แต่เขายังหนุ่มแน่น แข็งแรง และดูภูมิฐาน ที่สำคัญ...”
“เขาเป็นคนดี” มัทนาต่อให้มารดาทันที เพราะท่านบอกเธอหลายครั้งแล้วว่าอีตาคุณเข้มเป็นคนดี ไม่อย่างนั้นท่านไม่ยอมยกเธอให้แต่งงานกับเขาหรอก
แม่จำปาถอนหายใจแล้วส่ายหน้า ส่วนมัทนานั้นหัวเราะคิกที่ทำให้มารดาถอนหายใจได้
“ไม่เอาแล้ว ไม่พูดถึงอีตาคุณเข้มแล้ว เหม็นเบื่อ หนูเข้าสวนดีกว่า ฝากเอากระจาดผักหวานขึ้นเรือนไปด้วยนะจ๊ะแม่จ๋า” มัทนาบอกมารดาแล้วลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน รถเก๋งคันหรูก็ขับเข้ามาจอดที่ลานหน้าบ้านเสียก่อน
“รถใครน่ะ” แม่จำปาขมวดคิ้วเมียงมอง รอดูเจ้าของรถจะเปิดประตูลงมา
มัทนาเบ้ปากตั้งแต่เห็นรถแล้ว เธอจำได้ว่าเป็นรถของใคร และเธอก็ไม่ชอบใจด้วยที่เขามาบ้านเธอ เมื่อวานก็มาแล้ว วันนี้ยังจะมาอีก ไม่มีงานการทำหรือยังไงนะ
“สวัสดีครับแม่จำปา” คุณเข้มผู้ถูกสาวตั้งแง่ลงจากรถแล้วเดินตรงดิ่งมายังใต้ร่มมะขามทันที
“สวัสดีจ้ะคุณเข้ม” แม่จำปารับไหว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“คุณแม่ให้เอาปลาช่อนมาฝากครับ เป็นปลาช่อนจากหนองน้ำบ้านสวนครับ” คุณเข้มพูดพร้อมทั้งยกถุงปลาช่อนตัวใหญ่ที่ยังดิ้นดุ๊กดิ๊กขึ้นโชว์
“ขอบใจมากจ้ะ พอดีเลย วันนี้หนูมัทจะแกงผักหวานใส่ไข่มดแดง เดี๋ยวเผาปลาช่อนเพิ่มอีกสักเมนูแล้วกัน อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันนะคุณเข้ม”
“ครับ” คนถูกชวนรับคำชวนง่ายดาย แถมยังหันไปทำตาเป็นประกายวิบวับ ทั้งยิ้มบางให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ แม่จำปาด้วย
“หนูมัทไปแหย่ไข่มดแดงเถอะ แม่จะเอาผักหวานกับปลาขึ้นไปเก็บไว้ให้ในครัวนะ ไปจ้ะคุณเข้ม ขึ้นไปรอบนเรือนก่อน” แม่จำปารับเอาถุงปลาช่อนมาหิ้ว แล้วคว้ากระจาดผักหวานขึ้นมาถือเดินนำไปทางบันไดขึ้นเรือนก่อน แต่คนที่ท่านชวนไม่ยอมเดินตาม