“หูตึงหรือไงนะ” มัทนาบ่นขมุบขมิบให้คนหูตึง นึกอยากจะดีดปากที่ชอบยิ้มน้อยๆ ของเขานัก มันเหมือนยิ้มของผู้ชนะ ยิ้มเจ้าเล่ห์ ยิ้มอย่างคนเหนือกว่า...เธอไม่ชอบ
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าขบวนแห่จะเดินเข้าไปในบริเวณลานวัด เมื่อไปถึงแล้วชาวบ้านจึงพากันเดินวนศาลาสามรอบ หลังจากนั้นก็ขึ้นไปกราบพระประธานบนศาลา แล้วนำดอกไม้ไปปักไปตามกรวยไม้ไผ่บนศาลาและรอบศาลาวัด เมื่อบูชาดอกไม้เสร็จแล้ว คนเฒ่าคนแก่จะอยู่สวดมนต์กันต่อ หนุ่มสาวและชาวบ้านส่วนหนึ่งกลับบ้านกลับช่องไปก่อน
“พี่ขวัญ โมกอยากกินไอติม” พอลงมาจากศาลา เจ้าโมกมองเห็นรถไอศกรีมคันสีแดงจอดอยู่ใต้ร่มโพธิ์ใหญ่ ก็เอ่ยปากพร้อมแบมือขอตังค์พี่สาว
“พี่ไม่ได้เอาตังค์มาด้วย รีบจนลืมเลย” มัทนาบอกน้องชายแล้วถอนหายใจ ก็เพราะเจ้าโมกนั่นแหละเร่งเธอ เป็นไงล่ะ พออยากกินไอศกรีม เธอก็ไม่มีตังค์ให้หรอก
“ร้อยหนึ่งพอมั้ยโมก” คุณเข้มถามพร้อมกับวางแบงก์ร้อยบนมือเจ้าโมก
“พอครับ ขอบคุณครับคุณเข้ม” โมกรับเงินมากำไว้แล้วยกมือไหว้ว่าที่พี่เขยแสนใจดี
“เรียกพี่เข้มสิ” คุณเข้มอยากผูกมิตรกับเด็กน้อย จึงบอกให้เจ้าโมกเปลี่ยนสรรพนามเรียกขาน
“ครับ พี่เขย เอ๊ย! พี่เข้ม” เจ้าโมกรีบเกินไปหน่อย เลยเรียกผิดเรียกถูก แต่คุณเข้มผู้ใจดีไม่ว่าอะไรสักคำ ผิดกับพี่สาวที่หน้างอง้ำเข้าไปทุกที เด็กน้อยจึงรีบปลีกตัววิ่งแจ้นไปหารถไอศครีม หลบหนีสายตาดุเอาเรื่องของพี่สาว
“หนูมัทไม่อยากกินไอติมหรือครับ ร้อนๆ แบบนี้กินไอติมเย็นๆ น่าจะสดชื่นนะ”
“ไม่ค่ะ” มัทนาตอบสั้นๆ แล้วทำทีชะเง้อมองน้องชาย เธออยากกลับบ้านแล้ว ไม่อยากอยู่กับเขานานๆ
“หรือจะกินน้ำแข็งไส พี่จะไปซื้อให้” คุณเข้มยังไม่ละความพยายามที่จะเอาใจน้อง เดินมาตั้งไกลขนาดนี้ เธอคงร้อนน่าดู สองแก้มเนียนแดงปลั่ง ทั้งเหงื่อก็ผุดพรายเต็มใบหน้า เขาอยากให้เธอได้ดื่มหรือได้กินอะไรที่สดชื่น
“ไม่ค่ะ”
“กลัวพี่วางยาเสน่ห์หรือไง” เห็นปากยื่นๆ แก้มป่องๆ ท่าทางไม่พอใจที่ถูกเขารบเร้า คุณเข้มก็นึกอยากแกล้ง ผู้หญิงอะไรน่ามันเขี้ยวชะมัด
มัทนาขึงตามองคนที่กล้าพูดว่าเธอกลัวเขาจะวางยาเสน่ห์ เพราะต่อให้เขาขนยามาเป็นโอ่ง แล้วเอามาให้เธอทั้งอาบทั้งกิน เธอก็ไม่มีวันหลงเสน่ห์ผู้ชายขึ้นคานหาเมียไม่ได้จนต้องให้พ่อแม่มาทวงสัญญาหมั้นหมายตั้งแต่ปีมะโว้หรอก
“ไม่กลัวค่ะ แต่ไม่อยากกิน” มัทนาว่าแล้วเมินหน้าหนี
คุณเข้มยิ้มพอใจกับท่าทีน่ารักน่าหยิกของคู่หมั้น เขาชักสนุกกับการเย้าแหย่ให้เธองอนซะแล้วสิ น่ารักน่าฟัดเป็นบ้า
“ไม่กลัวจริงๆ เหรอ”
“ไม่กลัวค่ะ” มัทนาเชิดหน้าตอบ
“พี่รู้แล้วว่า ทำไมหนูมัทถึงไม่กลัวโดนพี่วางยาเสน่ห์”
น้ำเสียงเจ้าเล่ห์แกมเยาะนิดๆ ทำให้มัทนาเงยหน้าสบตาเขา คุณเข้มระบายยิ้มบางบนใบหน้า เขายิ้มกรุ้มกริ่ม ตาคมจ้องนัยน์ตาสวยแน่วแน่
“เพราะหนูมัทหลงเสน่ห์พี่แล้ว โดยที่พี่ไม่ต้องวางยา ใช่ไหมครับ”
มัทนาอ้าปากค้างกับวาจาสามหาวของคนหลงตัวเอง หญิงสาวกำลังจะเอ่ยถ้อยคำตอบโต้ แต่เจ้าโมกก็วิ่งกลับมาหาเสียก่อน
“โมกได้ไอติมแล้ว นี่ครับตังค์ทอน พี่เข้ม” เจ้าโมกยื่นตังค์ทอนคืนให้ว่าที่พี่เขยใจดี
“พี่ให้โมก เผื่ออยากกินอะไรอีก จะได้ไม่ต้องขอพี่มัท”
เจ้าโมกตาลุกวาว ดีใจที่ได้ตังค์ทอนเก็บไว้ เพราะค่ำนี้มีมหรสพที่วัด และมีซุ้มปาโป่ง ยิงปืน ชิงช้าสวรรค์ และอะไรอีกสารพัด เด็กน้อยจึงจะเก็บไว้ใช้ค่ำนี้ จะได้ไม่ต้องขอพ่อแม่หรือพี่สาวอีก เจ้าโมกรีบยกมือไหว้ขอบคุณด้วยความดีใจ
“ขอบคุณมากครับ พี่เขย”
มัทนาสะบัดหน้าไปขึงตาใส่น้องเป็นครั้งที่สองของวัน
“เอ่อ...กลับบ้านกันเถอะ โมกไปรอที่รถนะครับ” พอเห็นสายตาพี่สาว เจ้าโมกก็รีบชิ่งหนีวิ่งไปหารถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ใต้ร่มไม้ใกล้ซุ้มประตูวัด
มัทนามองตามน้องชายแล้วทดความผิดเจ้าตัวแสบไว้ในใจ มันจะมากไปแล้ว เห็นแก่กิน เห็นแก่เงินจนรับอีตาคุณเข้มเป็นพี่เขยง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ เจ้าน้องทรพี ซื้อได้ด้วยขนมและตังค์หนึ่งร้อย
3 แหย่ไข่แสลงใจ
ปลาช่อนใหญ่แสลงมือ
“เข้าไปคุยกับลูกหน่อยสิแม่จำปา” พ่อลำมูลนั่งมองลูกสาวจากเฉลียงหน้าบ้านอยู่นานแล้ว พอแม่จำปาเดินมานั่งลงข้างๆ ก็รีบเอ่ยปากบอกเมียลงไปคุยกับลูก
“คุยเรื่องอะไรล่ะพี่”
“ก็เรื่องงานแต่งเดือนหน้าไง”
“คุยกันรู้เรื่องไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะพี่” แม่จำปาแย้งสามี เพราะเมื่อวานนี้หลังจากที่มัทนากับคุณเข้มกลับมาจากวัด ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็บอกกล่าวถึงกำหนดการแต่งงานและรายละเอียดที่ได้พูดคุยกันเรียบร้อยแล้วให้ทราบ คุณเข้มนั้นไม่ได้พูดอะไร ดูท่าทางจะยอมตามใจพ่อกับแม่ทุกอย่าง ผิดกับมัทนาที่ไม่หือไม่อือ หญิงสาวนิ่งและเงียบจนคนเป็นพ่อใจไม่ดี และเงียบมาจนถึงเช้า กระทั่งสายแล้ว ลูกก็ยังเงียบ อีกทั้งยังปลีกตัวหนีไปนั่งข้างล่างคนเดียว ไม่มาพูดคุยด้วย