หลังพระฉันภัตตาหารและสวดให้ศีลให้พรเสร็จสิ้นลง พระเณรก็เดินลงจากศาลา ผู้คนเริ่มทยอยลงตาม จนบนศาลาเหลือชาวบ้านนั่งจับกลุ่มคุยกันเบาๆ อยู่สองสามกลุ่ม
แม่ขวัญ แม่จำปา และมัทนายังคงนั่งอยู่ที่เดิม พ่อลำมูลและเจ้าโมกเดินมานั่งลงใกล้ๆ โดยมีพ่อเหมเดินมานั่งลงข้างแม่ขวัญเมียแสนรักแสนหวงของตน
มัทนายกมือไหว้พ่อเหมอย่างอ่อนน้อมกิริยางดงาม ผู้สูงวัยกว่ารับไหว้หญิงสาวแล้วหันไปยิ้มให้ภรรยา แม่ขวัญของเขาช่างตาคมหลักแหลมนัก คัดเลือกลูกสะใภ้เองกับมือ แล้วก็เลือกแบบที่คุณเข้มไม่มีทางปฏิเสธได้ลงคอแน่นอน หนูมัทสวยอ่อนหวาน แต่ดูแววตาแล้วไม่ได้อ่อนปวกเปียกนุ่มนิ่ม และคงไม่อ่อนข้อให้ใครง่ายๆ งานนี้ไอ้ลูกชายตัวดีของเขาไปไหนไม่รอดแน่ๆ
“คุณเข้มยังไม่มาอีกหรือคะคุณเหม ลูกโทรมาบอกหรือเปล่าว่าถึงไหนแล้ว” แม่ขวัญหันไปถามสามีด้วยความร้อนใจ เพราะกลัวว่าที่ลูกสะใภ้จะกลับบ้านเสียก่อน เลยจะไม่ทันได้เห็นหน้ากัน
“โทรมาแล้ว เห็นว่างานยังไม่เรียบร้อย คงมาช่วงบ่าย”
“คุณเข้มนะคุณเข้ม สัญญากับแม่ไว้ซะดิบดีว่าจะมาให้ทันทำบุญตอนเช้า คอยดูเถอะมาถึงเมื่อไรแม่จะหยิกให้เนื้อเขียวเลย” แม่ขวัญบ่นแล้วถอนหายใจแรง ท่านงอนลูกชายที่ไม่มาตามนัด
“เอาไว้เจอกันช่วงบ่ายก็ได้จ้ะแม่ขวัญ เดี๋ยวให้เด็กๆ ไปร่วมขบวนแห่ดอกไม้มาวัดด้วยกัน” แม่จำปาเห็นแม่ขวัญบ่นจึงเสนอทางออกให้
“เอาอย่างนั้นก็ได้จ้ะแม่จำปา” แม่ขวัญเออออตามที่แม่จำปาบอก แล้วยื่นมือไปแตะหลังมือมัทนา
“พี่เขาติดงานด่วนจริงๆ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางผิดสัญญาแบบนี้หรอก ยังไงแล้ววันนี้ต้องได้เจอหน้ากันแน่ๆ เจอเร็วเจอช้าก็ไม่เป็นไรนะจ๊ะ เดี๋ยวพอแต่งงานกันไปต้องได้เจอหน้ากันทุกวันอยู่แล้ว หนูมัทอย่างอนพี่เขาเลยนะ”
น้ำเสียงปลอบโยนและแววตาขอลุแก่โทษแทนลูกชายของแม่ขวัญทำให้มัทนายิ้มแหย หญิงสาวไม่กล้าเสียมารยาทบอกท่านไปว่าเธอไม่เห็นอยากจะเจอหน้าอีตาคุณเข้มนั่นสักนิด แต่เธอก็ทำได้เพียงแค่ตอบออกไปอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ “ค่ะ คุณป้า”
“งั้นเอาไว้ตอนเที่ยงฉันจะพาคุณเข้มไปกินข้าวมื้อเที่ยงด้วยนะจ๊ะแม่จำปา หนูมัทกับคุณเข้มจะได้พูดคุยกันก่อนไปร่วมขบวนแห่ดอกไม้กับชาวบ้าน”
“แบบนั้นก็ได้จ้ะ ฉันจะเตรียมสำรับกับข้าวไว้รอนะจ๊ะ” แม่จำปารับปากรับคำ ใจก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองได้ตกกระไดพลอยโจนไปกับแม่ขวัญเสียแล้ว จะปฏิเสธอะไรก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะอีกฝ่ายมาไม้อ่อน กระแซะทีละหน่อยหยอดทีละนิด จนท่านพลิกตำราตั้งรับแทบไม่ทัน
ทั้งสองครอบครัวเดินลงมาจากศาลาพร้อมกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไปขึ้นรถคนละคัน แม่ขวัญยังไม่วายย้ำกับว่าที่ลูกสะใภ้ว่าอย่าโกรธพี่เขาเลย พี่เขามีงานด่วนจริงๆ แล้วยังเสนอว่าจะให้คุณเข้มไถ่โทษที่ไม่มาให้หญิงสาวเห็นหน้าในเช้าวันนี้ด้วยการให้เขาพาเธอไปเที่ยว
“เอ่อ...หนูไม่ได้งอนอีตา...เอ่อ...หนูไม่ได้งอนคุณเข้มหรอกค่ะคุณป้า” มัทนาจำต้องบอกให้แม่ขวัญสบายใจ
“ขอบใจมากนะจ๊ะหนูมัท แล้วเจอกันนะจ๊ะ ลูกสะใภ้ของป้า” แม่ขวัญยื่นมือไปจับมือของหนูมัทมากุมแล้วตบหลังมือหญิงสาวเบาๆ ท่านยิ้มให้เธอและมองใบหน้าหวานด้วยสายตาเอ็นดู
“ค่ะ คุณป้า”
พอมัทนารับปากว่าจะไม่งอนคุณเข้มแล้ว แม่ขวัญจึงสบายใจและหันไปชวนพ่อเหมกลับไปรอลูกชายตัวดีที่บ้าน
ครอบครัวของมัทนายังคงยืนอยู่ใกล้บันไดศาลาวัดที่เดิม รอกระทั่งพ่อเหมขับรถพาเมียรักพ้นซุ้มประตูวัดไปแล้ว คนที่เพิ่งถูกแม่ขวัญยกตำแหน่งลูกสะใภ้ให้จึงสะบัดหน้ามองไปทางบิดา พ่อลำมูลเห็นสายตาพิฆาตของลูกสาวก็รีบหลบไปยืนหลังเมีย แม่จำปาเห็นท่าทีสองพ่อลูกแล้วก็ส่ายหน้า
“มีอะไรก็กลับไปคุยกันที่บ้าน ที่นี่วัดวาอารามควรระงับโทสะ อย่าเอะอะมะเทิ่ง”
พ่อลำมูลรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับเมียรัก
“ใช่ๆ กลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่า เดี๋ยวพ่อจะไปสตาร์ตรถ เปิดแอร์เย็นฉ่ำไว้รอนะจ๊ะ แม่จำปากับหนูมัทรีบตามมานะ” พ่อลำมูลได้ทีก็รีบเดินเร็วไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล เจ้าโมกผู้รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตของพี่สาวรีบวิ่งแจ้นตามไปโดยไม่ต้องรอให้พ่อเรียก
“ลองพบปะพูดคุยกันก่อนนะลูก แล้วจะตัดสินใจยังไงค่อยว่ากันอีกที” แม่จำปาเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะถ้าจะว่ากันตรงๆ ท่านเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรคุณเข้มหรอก ไม่ใช่เพราะฐานะหรือหน้าตาทางสังคมที่เพียบพร้อมอะไรนั่น แต่เพราะเคยได้พูดคุยกันอยู่หลายครั้งในตอนที่คุณเข้มเป็นสารถีพาแม่ขวัญมาเยี่ยมมาหา สายตาผู้สูงวัยที่ผ่านอะไรมาเกินครึ่งชีวิตพอจะมองนิสัยใจคอคนออกได้ไม่ยาก ทั้งเท่าที่ตามข่าวอยู่ห่างๆ คุณเข้มก็ไม่เคยมีข่าวเสียหายใดๆ ดังนั้นแม่จำปาจึงไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าไม่อยากได้คุณเข้มมาเป็นเขย เช่นกันกับไม่อาจบอกกับลูกสาวได้เต็มปากว่าไม่ต้องไปเป็นสะใภ้แม่ขวัญก็ได้