“แล้ว...”
“นี่พัดลมเฮีย”
“พัดลม?”
“อืม...ชื่อแปลกดี พัดลม ชื่อน่ารักดีนะคะ”
“...ค่ะ” ฉันมองหน้าเขาแล้วก็แอบเบะปากใส่ก่อนที่จะตอบกลับสั้นๆ เพื่อรักษามารยาททางสังคม เกรงใจคูเปอร์ด้วยไหนๆ คนตรงหน้าก็เป็นพี่ชายของเขา
“ถ้างั้นเชิญตามสบายเลยนะครับอิมเมท พัดลมถ้าอยากได้อะไรบอกพี่ได้เลยนะคะ” เกลียด! หน้าตาตอแหลเกินเบอร์!
“ขอบคุณค่าพี่ชัตเตอร์” แต่อีสุเมธกลับไม่ได้รับรู้ถึงพลังงานตอแหลที่แผ่กระจายมากจากตัวเขา เพราะมันเอาแต่ยืนยิ้มทำกระมิดกระเมี้ยนปลื้มอกปลื้มใจที่ได้ใกล้ชิดอีตานี่
“เรียกพี่เตอร์ก็ได้จ้ะ จะได้ดูไม่ห่างเหิน” พี่เตอร์ แหวะ! ช่วยพาพัดลมออกไปจากที่ตรงนี้หน่อยค่ะรับไม่ไหวแล้ว
“ได้ค่าพี่เตอร์ ไม่คิดเลยนะคะว่านอกจากจะหล่อมากแล้วยังเฟรนลี่มากอีกด้วย” นี่พัดลมต้องมายืนมองตุ๊ดสตอปะทะผู้ชายตอแหลอีกนานแค่ไหนคะ?
“ฮ่าๆๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ตามสบายเลย อ้อไปนั่งกับพี่ก็ได้ค่ะทางนี้เลย” ฮะ? นายบอกว่าตามสบายเลย แต่ผายมือและเดินนำหน้าให้ไปนั่งกับนายเป็นการบังคับทางอ้อมเลยเนี่ยนะ? ให้กูตามสบายตรงไหนถามจริง!
“มึง! กูไม่ต้องชะตากับอีตานี่” ฉันกระตุกแขนอีสุเมธแล้วก็รีบกระซิบบอกมันก่อนที่มันจะถลาตามก้นผู้ชายไปจนลืมเพื่อน
“ไม่ต้องบ้าต้องบออะไรของมึงพี่เขาก็น่ารักดี แล้วนี่คือเพื่อนสนิทที่โคตรสนิทกับว่าที่สามีมึงนะคะ มึงต้องเข้าทางพี่เขาเยอะๆ สิถึงจะถูก” เพื่อนสนิทที่ว่าที่แฟนอย่างกูเตรียมเป่าหูให้พี่มิกซ์เลิกคบต่างหากล่ะ เหอะ!
“แต่กูไม่ชอบไม่อยากไปนั่งด้วย”
“นั่งกับพี่เตอร์ก็คือการนั่งโต๊ะเดียวกันกับพี่มิกซ์ เอาไม่เอา?” มันกรอกตาใส่ฉันที่งี่เง่างอแง และพอมันถามแบบนี้...
“เอา!” ฉันรีบตอบตกลงและเดินไปข้างหน้าทันที เอาวะพัดลมฝืนทนไปก่อน เดี๋ยวพี่มิกซ์รักพี่มิกซ์หลงเมื่อไหร่การจัดการอีตานั่นให้หายไปจากชีวิตก็คงไม่คณามือมึงหรอก
“เป็นอะไรรึเปล่าพัดลม ถ้าอึดอัดเราพาไปนั่งที่อื่นได้นะ”” เหมือนคูเปอร์จะสังเกตเห็นท่าทางของฉันเขาก็เลยหันมาถามพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเทคแคร์ฉันเป็นพิเศษ
“เปล่าๆ เราแค่คุยกันว่าที่นี่ดูท่าทางสนุกน่ะ เราชอบ” ฉันรีบยิ้มและตอบคูเปอร์ เพื่อพี่มิกซ์หนึ่งเดียวในใจให้ฝืนเจอคนจัญไรแค่ไหนพัดลมก็โอเคค่ะ
“โอเคครับ” เขาพยักหน้ารับด้วยสีหน้าสบายใจขึ้นแล้วเราก็เดินมาถึงโต๊ะที่เหมือนจะใหญ่ที่สุดในปาร์ตี้นี้ และมันก็เต็มไปด้วยเหล่าผู้คนหน้าตาดีมากจนถึงมากที่สุดนั่งอยู่หลายคน
“เฮียๆ ครับนี่เมธกับพัดลมเพื่อนผม เมธพัดลมนี่เฮีย...” พอมาถึงคูเปอร์ก็รู้งานเขารีบแนะนำฉันกับอีเมธให้รู้จักกับทุกคน ดูทุกคนเฟรนลี่ดีค่ะยิ่งได้มาปะทะกับอีเมธด้วยการพบเจอและมาปาร์ตี้กันโดยบังเอิญครั้งแรกของพวกเราก็เลยไม่รู้สึกอึดอัด
แต่! พี่มิกซ์อยู่ที่ไหน! มองไปทำไมไม่เห็นมี!
ฉันนั่งปาร์ตี้พูดคุยกับบรรดาพี่ๆ ผู้ชายหน้าหล่ออลังทั้งโต๊ะแล้วก็คุยกับคูเปอร์กับอีเมธด้วยความสนุกสนานจนเวลาผ่านมาเกือบ 20 นาทีก็ไม่มีวี่แววของพี่มิกซ์ นี่ใจคอพี่เขาไม่คิดจะออกมาเจอว่าที่หวานใจเลยเหรอ เชื่อแล้วว่ากว่าคนเราจะเจอคู่แท้อุปสรรคมันมักจะมาก่อน เฮ้อ!
ถึงจะไม่เห็นพี่เขาแม้แต่เงาแต่พัดลมคนนี้ก็ยังไม่ลดละความพยายามในการสอดส่องสายตาคอยมองหา และบังเอิญหันไปสบตากับไอ้เจ้าของสนามนี่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโซฟารูปตัวยู เขาถือแก้วเหล้าไว้ในมือนั่งไขว่ห้างท่าทางอย่างกับคุณชายแล้วมองมาที่ฉันก่อนที่จะกระตุกยิ้มส่งมาให้
“กลับ@#%$#!$” เขาขยับปากเหมือนกำลังพูดกับฉัน แต่ฉันไม่ได้ยินเสียงอ่านได้แค่คำแรกว่ากลับส่วนคำอื่นอ่านปากไม่ทันก็เลยนิ่วหน้าแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า มึงพูดอะไรคะ?
“กลับ...ไป...แล้ว” เขามองหน้าฉันแล้วก็พูดอีกแล้ว แถมตบท้ายด้วยสีหน้ากวนประสาท
กลับไปแล้ว?
ใครกลับวะ?
หรือว่า...
เฮ้อ!
T__T
เมื่อไหร่พัดลมกับพี่มิกซ์จะได้มีโอกาสเจอกันสักครั้งสักทีนะ T_T นี่อีพัดลมเริ่มจะท้อแล้วนะ เหนื่อยจนท้อต้องรออีกนานเท่าไหร่~
“มึง กลับกันเหอะพี่มิกซ์ไม่อยู่อ่ะ” ฉันหันไปสะกิดอีสุเมธที่นั่งฉอเลาะผู้ชายทั้งโต๊ะไม่หยุดหย่อน เมินหน้าตาวอนส้นเท้าของอีตาชัตเตอร์ไปเลยเห็นแล้วอารมณ์เสีย
“หัดเข้าสังคมบ้างอีพัดลมไม่ใช่เห็นผู้ไม่อยู่แล้วจะเอาแต่เปิดตูดหนี” มันหันมากระซิบบอกฉันและตบท้ายด้วยการกรอกตาใส่แล้วก็หันกลับไปสนใจผู้ชายต่อ
“มึงรู้ว่าพี่เขาไม่อยู่เหรอ”
“เออสิ นั่งมาตั้งนานมึงเห็นพี่เขาไหมล่ะ”
“ชิส์! แล้วมึงก็พากูนั่งต่อเนี่ยนะ เสียเวลากูไหมอีเมธ”
“เออน่านั่งๆ ไปเหอะทำความรู้จักเพื่อนและสังคมของว่าที่แฟนไปก่อน” เหตุผลของมันทำให้ฉันต้องจำยอม เพราะต่อให้อยากกลับถ้าตุ๊ดไม่ยอมกลับชะนีอย่างพัดลมก็กลับไม่ได้อยู่ดี นั่งคุยเล่นพักใหญ่ๆ ฉันก็เลยออกมาเข้าห้องน้ำ ที่จริงปาร์ตี้และทุกคนทำให้ฉันสนุกนะคะ แต่มันแอบเซ็งที่ไม่ได้เจอพี่มิกซ์อีกแล้วไงก็เลยเบื่อๆ บ้าง
“ถ้าง่วงไปงีบที่ห้องทำงานพี่ได้นะ” ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำก็เจออีตาเจ้าของสนามยืนอยู่แถวนั้นพอดี พอฉันเดินจะผ่านหน้าเขาก็พูดขึ้น
“ไม่เป็นไรจะกลับแล้ว”
“จะกลับได้ยังไงเพื่อนพัดลมยังสนุกอยู่เลย พี่เห็นกระซิบงอแงจะกลับตั้งหลายรอบเพื่อนเราก็ไม่กลับสักรอบ” เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะ แต่อีตานี่จะรู้ดีเกินไปแล้วนะ นั่งอยู่คนละฝั่งแถมฉันยังกระซิบคุยกันเบาๆ เขารู้ได้ยังไง
“...ยุ่ง!”
“ฮ่าๆๆ พี่ก็แค่หวังดี หน้าพัดลมตอนนี้เหมือนเด็กน้อยผู้โหยหาหมอนกับผ้าห่มมากรู้ตัวรึเปล่าคะ” เขายิ้มแบบเอ็นดูให้ฉัน แต่สำหรับพัดลมไม่ว่าอีตานี่จะมองแบบไหน ยิ้มยังไง พูดอะไรก็ดูไม่จริงใจในสายตาฉันอยู่ดีนั่นแหละ ไม่ได้อคติแรงแต่มองด้วยตาก็รู้ว่าเขาจงใจกวนประสาท
“ฉันเป็นเพื่อนเล่นนายเหรอ?”
“อยากเป็นไหมล่ะเดี๋ยวพี่ให้เล่น...ทั้งวันทั้งคืน” เขาขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็เอียงคอใส่ บอกตรงๆ ว่าถ้าไม่เคยรู้จักแล้วเห็นแค่ท่าทางจะรู้สึกว่าน่ารัก แต่ถ้าบังเอิญได้เคยปะทะฝีปากและได้ยินประโยคที่พูดจะรู้สึกว่าน่าถีบ!
“มั่นหน้า!”
“ฮ่าๆๆ ก็หล่อมากพอตัวหรือจะเถียงคะยาหยี”
ฉัน!
เกลียด!
ไอ้!
หัว!
ทอง!
“ไปอ่อยคนอื่นเถอะไป๊!” ฉันทนไม่ไหวตะโกนใส่หน้าแล้วก็ผลักอกเขาให้พ้นทาง ทั้งเริ่มมึนทั้งหงุดหงิดที่โดนกวนประสาทก็เลยไม่คิดที่จะพูดดีๆ อีกต่อไป
“พัดลมเกิดอะไรขึ้น” คูเปอร์รีบเดินหน้าตื่นเข้ามาหลังจากที่ฉันตะโกนและผลักอกพี่ชายเขา ส่วนอีตานั่นก็ขยับตัวยืนตรงๆ แบบเอื่อยๆ
“ไม่มีอะไรหรอกคูเปอร์ เราขอตัวก่อนนะ” ฉันรีบบอกคูเปอร์แล้วก็เดินผ่านหน้าทั้งสองคนออกมาทันที แถมน้ำเสียงที่ตอบกลับคูเปอร์เมื่อกี้ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ซะด้วยสิ เผลอเหวี่ยงใส่เขาไปนิดหน่อยเหมือนกัน แต่ช่างมันเถอะฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ เดี๋ยวค่อยขอโทษคูเปอร์ทีหลัง ขอไปให้พ้นจากไอ้บ้านั่นก่อนก็พอ!
#PADLOM END
#SHUTTER TALK
“เฮีย” พอผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านไปไอ้คูเปอร์ก็เรียกผมด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ที่มันไม่ค่อยใช้กับผมเท่าไหร่
“อืมว่าไง”
“อย่ายุ่งกับพัดลม”
“มึงจริงจัง?”
“ผมบอกเฮียแล้ว”
“แล้วเขาชอบมึงไหม?”
“ก็ไม่ได้ดูเกลียดผมเหมือนที่เขาแสดงอาการเกลียดเฮีย” มันย้อนกลับจนทำผมนิ่งไปชั่วขณะ นี่มันคิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนนั้นจนสังเกตเธออยู่ตลอดเวลาเลยเหรอวะ
“เขาอาจจะมีคนที่ชอบแล้วก็ได้ แล้วก็อาจจะเป็นคนใกล้ตัวมึงไอ้เปอร์” ผมน่ะไม่ได้อะไรหรอกครับแค่อยากกวนประสาทยัยหน้าสวยปากร้ายคนนั้นเล่นๆ แต่ไอ้น้องผมมันท่าทางเอาเรื่องเกินไป
“เขาจะชอบใครก็เรื่องของเขา แค่เฮียอย่ามายุ่งกับเขาแบบนี้อีก ผมบอกเฮียก่อนเจอพัดลมแล้วไงวะ”
“อย่ามาทะเลาะกับกูเพราะเรื่องผู้หญิง” ผมบอกมันกลับไปด้วยเสียงที่เริ่มเย็น ที่นานๆ ผมจะใช้กับมัน และก็ทำให้มันลดสายตาที่เริ่มเกรี้ยวกราดลงไปได้
“ไม่ได้อยากทะเลาะหรอกเฮียแต่ผมกลัวพัดลมเสียใจถ้ามาวุ่นวายกับคนอย่างเฮีย”
“หึ! นี่มึงคิดว่าถ้ากูคุยกับผู้หญิงคนไหนคือกูต้องหวังฟันทุกคนเลย?” นี่ผมแค่เจ้าชู้แต่ผมไม่ได้จ้องจะฟันทุกคนนะเว้ย บางคนผมก็รู้สึกเอ็นดู บางคนก็รู้สึกอยากแกล้ง ผมรู้สึกอย่างอื่นเป็นไม่ใช่แค่เห็นใครสวยก็อยากลากไปฟัน ไอ้เปอร์มันดูถูกผมเกินไป
“ก็สวยขนาดนั้น ถ้าไม่คิดก็ไม่ใช่มึงแล้ว”
“แสดงว่ามึงคิด?” ผมสวนกลับบ้าง
“เปล่าไม่ได้คิด” มันรีบปฏิเสธกลับหน้านิ่ง
“ถ้างั้นมึงรักจริงหวังแต่ง?” ผมถามเพราะไอ้เด็กเวรนี่มันไม่เคยออกตัวปกป้องใครขนาดนี้มาก่อน
“เปล่า ผมแค่ติ่งเขา” มันส่ายหน้าปฏิเสธทันทีเหมือนไม่ได้คิดหรือประมวลคำตอบเลยด้วยซ้ำ
“เอ้า! ไอ้เหี้ยเปอร์ มึงบอกกูเองว่าพัดลมคือว่าที่น้องสะใภ้กู” ผมขมวดคิ้วใส่มันเพราะรู้สึกว่าไอ้คูเปอร์มันกำลังกวนตีนผมยังไงก็ไม่รู้
“เปล่าแค่ติ่ง พูดไปงั้นแหละดักไว้เพราะพัดลมสวยตรงสเปคเฮีย ผมไม่อยากให้คนที่ผมชื่นชมต้องมาแปดเปื้อนเพราะพี่ชายของผมเอง” ไอ้เหี้ยคูเปอร์มันเคยมองผมดีสักครั้งไหมวะเรื่องผู้หญิงเนี่ย
“แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงยอมบอกกูว่าแค่ติ่ง” ผมเริ่มปวดหัวกับมันแล้ว
“ก็เฮียบอกเองว่าไม่ได้หวังฟัน”
“เหอะ! กูแค่อธิบายให้ฟังว่าถึงกูเจ้าชู้กูก็ไม่ได้หวังฟันทุกคน แต่มึงบอกก็ดีแล้วกูจะได้เดินหน้าต่อ”
“เดินหน้าเหี้ยไรเฮีย”
“สั่งสอนยัยหน้าสวยนั่นหน่อยปากดีใส่กูชิบ”
“เอ้าไอ้เหี้ย! ห้ามทำอะไรเขานะมึงไอ้เตอร์” หึๆ มันขึ้นกูมึงใส่ผมพร้อมกับน้ำเสียงที่ดูยังงงกับคำพูดของผมอยู่
“ไม่เสือกเรื่องของเฮียสิวะไอ้ตี๋”
“พ่อง! ไอ้เตอร์มึงห้ามยุ่งกับพัดลมกูขอเตือน” มันหน้าขึ้นสีอีกครั้ง ท่าทางโกรธจัดซะด้วยสิ
“ให้กูยุ่งเถอะเผื่อกูเอาเขามาเป็นพี่สะใภ้มึงได้ มึงจะได้เห็นหน้าคนที่มึงปลื้มทุกวันไงคุ้มจะตาย หึๆ” ผมยิ้มให้มันพร้อมกับตบลงที่บ่าของมอนเบาๆ ก่อนที่จะเดินล้วงกระเป๋าผ่านหน้ามันมา
“...ไอ้เหี้ยเตอร์!”
...เสียงตะโกนด่าผมดังไล่หลังมาแต่ปล่อยมันไปเถอะครับ จะด่าว่าอะไรก็ด่าไปเถอะไอ้น้องเวร เพราะตอนนี้กูสนแค่อย่างเดียวคือทางสะดวกแล้ว หาทางจัดการยกพัดลมมาไว้ใช้ส่วนตัวที่ห้องดีกว่า