ตอนที่ 11 แรงรักหรือแรงเกลียด
พลั่ก! ปึก!
ในเมื่อได้ความเงียบคือคำตอบของเขา มันก็แปลว่าเขาไม่หยุดการกระทำดังกล่าวแน่ๆ
ฉันก็ต้องดิ้นรนหาทางรอดเองจึงใช้เข่าทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าท้องของแวนเดอร์พอดีให้เป็นประโยชน์ในตอนที่เขากำลังโลมเลียหน้าท้องของฉันอยู่
จึงจัดการกระทุ้งเข่าไปกระทบหน้าท้องของแวนเดอร์อย่างแรง ทำให้เขาเสียศูนย์จนแผ่นหลักไปกระทบกับหน้ารถอย่างแรงแต่ก็ทันดึงตัวเองขึ้นมามองหน้าฉันคนที่กระทำอย่างหัวเสีย
“แสบนักใช่ไหมญานิน!”
“…”
นัยน์ตาสีดำสนิทมองลงมาที่ใบหน้าของฉัน สายตาที่มีแวนเดอร์ส่งมานั่นมันดุดันเต็มไปด้วยไฟโทสะที่ลุกพุ่งออกมาอย่างล้นหลามเสียวสันหลังวาบมันคงเป็นอาการแบบนี้สินะ
ฉันกลัวสายตาที่แวนเดอร์แสดงออกมาแบบนี้จริงๆ มันเป็นครั้งแรกที่เคยเห็น เวลานี้อยากจะให้ตัวเองหายตัวได้หรือว่าเป็นสิ่งของที่สามารถสลายไปกับเบาะรถได้จริงๆ แต่ว่ามันไม่ทันแล้วเมื่อแวนเดอร์ก้มตัวลงมาทาบชิดลงบนตัวของฉันทันทีก่อนที่จะ
“อื้อ!! เจ็บ!”
สัมผัสที่รุนแรงรุกล้ำเข้ามาสู่ร่างกายของฉันอีกครั้งหนึ่งแต่มันยิ่งรุนแรงเพิ่มระดับเวลมากขึ้น
แขนเล็กที่ถูกมือใหญ่จับบีบแน่นตึงล็อคไปด้านหลังอย่างห้ามไม่ได้มันจึงยิ่งเป็นโอกาสดีของฝ่ายผู้รุกล้ำ
แวนเดอร์รีบถอนริมฝีปากออกจากปากของฉัน
เมื่อเขาเห็นว่าหน้าอกอันเปล่าเปลือยของฉันยกแอ่นขึ้นมาบดเบียดอกแกร่งของเขาพอดี
“อย่านะ... อย่า โอ้ย!”
ริมฝีปากใหญ่รีบเข้าไปครอบครองยอดประทุมสีชมพูทันที ลิ้นร้อนๆ เลียไปรอบยอดประทุมสีชมพูจากนั้นก็เข้าครอบครองนั้นอย่างรุนแรง
ความหิวกระหายนั้นทำให้เขาปล่อยมือจากการจับกุมข้อมือของฉันทันที ก่อนที่จะใช้มือใหญ่เข้ามาบีบเคล้นอกอวบอีกข้างหนึ่งด้วยความแรงทั้งๆ ทีริมฝีปากก็จัดการกับอีกข้าง
ความรุนแรงที่ฉันได้รับในขณะนี้มันทำให้น้ำตาทั้งสองข้างไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย
สายน้ำตามันหลั่งไหลออกมาจนเปียกชุ่มไปทั้งใบหน้าประกอบกับความร้อนของอากาศถึงแม้ว่าแวนเดอร์จะเปิดแอร์ในองศาที่ค่อนข้างต่ำเท่าไหร่ก็ตามความเจ็บปวด ในตอนนี้ที่ฉันได้รับมันทั้งป่าเถื่อน รุนแรงยิ่งกว่าการกระทำของสัตว์อีก
“หึ น้ำตาไม่ช่วยเธอหรอกญานินถึงจะร้องมากแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้!”
เขาหยุดการกระทำแล้วพูดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าร่างของฉันสั่นไหว ไม่ต่อต้านการกระทำของอะไรเลย
ในที่สุดก็ร้องไห้ออกมาแล้ว
“นายมันโรคจิต มันไม่ใช่คนยังยังไงล่ะ”
“หื้ม... ก็ไม่บอกตั้งแต่แรก”
ผมก้มลงไปยังซอกคอของญานินอีกครั้งก่อนที่จะใช้ริมฝีปากเม้นก่อนเพื่อให้เกิดรอยแต่ทว่ามันยังไม่ชัดเจนจึงใช้ฟันกัดลึกลงไป
“โอ้ย! ไอ้บ้า ปล่อยฉันเจ็บ!”
“ก็คนโรคจิตอยากทำเผื่อว่ามันจะได้เป็นร่องรอยให้เธอคิดถึงคืนแรกของเรายังไงล่ะไม่ดีหรอ ญานิน”
ใบหน้าที่บ่งบอกถึงความเป็นต่อในเรื่องนี้เอ่ยขึ้นมา
เขาไม่เคยแคร์ความรู้สึกของเพื่อนร่วมโลกเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่ใบหน้า รูปร่าง ฐานะ เขามีครบหมดจริงๆ
“ไม่คิดว่าคนอย่างนายจะชั่วได้ถึงขนาดนี้จริงๆ”
“ชั่วได้มากกว่าที่เธอคิด มาเริ่มทดลองเลยดีกว่าเสียเวลามามากแล้ว”
ว่าแล้วแวนเดอร์ก็เอามือตัวเองไปกอบกำหน้าอกของฉันทันทีก่อนที่จะบีบ เคล้น
“อ๊ะ! ปล่อยนะ!”
เผียะ!
“ชอบรุนแรงนักใช่ไหม!”
ไม่ทันที่ฉันจะตอบกลับหรือว่าเถียงอะไรเลยแวนเดอร์ก็กระชากร่างกายของฉันให้ลุกขึ้นไปกระทบกับอกของเขาทันที
ด้วยความแรงจึงทำให้ร่างกายของเราทั้งสองคนชิดกันจนหายใจไม่ออกแต่ทว่าทันใดนั้นแวนเดอร์ก็ผลักฉันออกก่อนที่จะก้มลงมาจูบ!
จูบ!
ไม่รู้ว่าครั้งนี้เป็นจูบรอบที่เท่าไหร่แล้วแต่ด้วยระดับความรุนแรงมันไม่ต่างกันกับครั้งก่อนๆ เลย แต่มันยิ่งเจ็บกว่าต่างหากเจ็บเพราะแผลที่เกิดมาก่อนแล้วเจ็บเพราะร่างกายฉันโดยย้ำยี
ถึงแม้ฉันจะดิ้นทุบแผ่นหลังของเขาเท่าใดก็ตาม ลิ้นที่ลุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของฉันมันช่างสำรวจชอนไชไปทั่ว
ความเนิ่นนานกับการจูบในครั้งนี้มันเริ่มทำให้ฉันหายใจไม่ออกแล้วเพราะแวนเดอร์ไม่ถอนริมฝีปากออกเลยจึงไม่มีจังหวะให้ฉันได้หายใจ
อื้อ อื้อ อื้อ
ตุบ! ตุบ!
เสียงของมือเล็กกระทบแผ่นหลังจากที่เริ่มรุนแรงขึ้นมันกลับอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังทุบอยู่จึงทำให้เขาถอนริมฝีปากออก
เฮือก!
ร่างกายของฉันรีบสูดเอาอากาศเข้าปอดโดยเร็ว เพราะตอนนี้สมองมันขาวโพนไปหมดเลย
ฉันไม่สนใจคนตัวใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิด
“สูดอากาศไว้เยอะๆ ฝึกหายใจให้ข้องๆ เพราะยังไงเธอต้องใช้เสียงครางออกมาอยู่ดี”
ไม่ว่าเปล่าแวนเดอร์แยกขาฉันออกก่อนที่จะแทรกตัวของเขามานั่งขึ้นตรงกลาง
นึกออกไหมว่าตอนนี้ฉันกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเบาะเพราะเมื่อกี้ฉันขาดอากาศหายใจพอแวนเดอร์ปล่อยทันทีร่างกายของฉันก็หมดแรงนอนพิงลงไปสูดอากาศที่ตรงเบาะส่วนแวนเดอร์เขาใช้โอกาสที่ฉันกำลังสูดอากาศอยู่นั่นแยกขาของฉันออกแล้วตัวเองก็ลงไปนั่งตรงบริเวณหน้ารถมันมีบริเวณที่มากพอให้เขานั่งไปได้
ฉันพยายามหนีบขาของตัวเองที่อยู่ตรงหน้าของแวนเดอร์แต่มันก็เปล่าประโยชน์เมื่อถูกเขาล็อคไว้อย่างแน่นหนา
อาย...
คือคำที่ฉันอยากจะพูดในตอนนี้
ฉันเปลือยร่างกายแล้วยิ่งมาอยู่ท่านี้ต่อหน้าผู้ชายที่เจอกันครั้งแรกมันยิ่งไปใหญ่ถึงแม้ฉันจะไม่สบตาของเขาเลย
ฉันพยายามมองขึ้นไปยังด้านหน้าของรถแต่ตอนนี้ฉันรู้ดีว่าแวนเดอร์มองมาที่ฉันอย่างไม่กระพริบสายตาเลยสักนิดเดียว
“อายว่างั้น ไหนว่าไม่ซิงแล้วแสดงว่ามันก็ต้องเคยๆ เรื่องอย่างว่าแล้วสิ… นอกจากว่าจะไม่เคยเท่านั้น”
เขาพูดออกไปเมื่อเห็นว่าฉันเป็นฝ่ายเริ่มหมดแรงแต่สายตาของฉันนั้นไม่มองไปที่เขาสักนิดเดียว ทว่าร่างกายกับไม่ให้ความร่วมมือพวงแก้มเห่อร้อนและต้องแดงออกมาอย่างชัดเจนแน่
“ใช่ฉันอายพอใจยัง!”
“อืมแต่ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนเห็นหรอกรถชั้นฟิล์มดำทั้งคัน”
ไม่ใช่ว่าฉันอายคนที่เดินผ่านไปมานอกรถเพราะรู้ไงว่ายังไงก็ไม่มีทางเห็นหรอกดำทั้งคันแบบนี้ถึงจะพยายามถ่างตาชิดกับกระจกรถก็ไม่มีวันได้เห็นที่ฉันอายอายเขาต่างหาก
ไอ้บ้า!
“อย่านะ แวนเดอร์อย่า...กรี๊ดดดด!”
สายตาของฉันที่มองขึ้นบนเพดานรถหรูอย่างขาวโพลนไปหมด ในเมื่อตอนนี้ถูกผู้ชายที่อยู่ระหว่างขาใช้ลิ้นเข้าไปสัมผัสใจกลางความเป็นหญิง
ในยามที่ลิ้นร้อนๆ ตวัดลิ้มเลียรอบใจกลางความเป็นหญิงนั้นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าร่างกายซีกหนึ่งจำยอมไปกับสัมผัสที่แวนเดอร์มอบให้แต่ทว่ายังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังค้านหัวชนฝา
“อือ... ยะ หยุดนะ หยุด ฉันบอกให้หยุดแวนเดอร์”
ยิ่งพูดก็เหมือนการนำน้ำมันไปราดกับกองไฟ แวนเดอร์ยิ่งตวัดลิ้นร้อนๆ ให้เร็วขึ้นเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว ความทรมานแทบขาดใจจู่โจมฉันอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ฉันจะไม่ครางออกมาเด็ดขาด