ตอนที่ 10 ฉันก็มีหัวใจ 1
เมื่อเห็นว่าตัวเองหลุดจากการถูกมัดทั้งหลาย ฉันก็รีบผลักหน้าอกของแวนเดอร์แต่แล้วก็ไร้วี่แววที่เขาจะสะทกสะเทือนไม่ขยับเขยื้อนเลยด้วยซ้ำ
“บอกเมื่อไหร่ว่าจะลงอยากหนีก็หนีไปสิ” สายตาของฉันจ้องไปที่ใบหน้าของแวนเดอร์ คิ้วที่ขมวดกันของตัวเองแน่นอนว่ามันทำให้ฉันไม่พอใจไม่น้อยจากการกระทำควายๆ นี้ “มีปัญญาลงไปได้ก็ลงไปเลย แต่ถ้าไม่มีก็แค่เสียตัว”
เผียะ!
“นายมันเลวมากกว่าที่คิดเสียอีก เลวมาก โคตรสารเลวตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเจอใครที่เหี้ยแบบนี้มาก่อน เหี้ยจนตัวเงินตัวทองยังเรียกพี่เลยด้วยซ้ำ แบบนี้คงตายอย่างโดดเดี่ยวเพราะไม่มีใครเอา ต่ำทราม!”
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ใบหน้าเรียวโน้มต่ำลงมาเข้าไปซุกซอกคออย่างหื่นกระหายโดยที่ไม่ฟังเสียงอะไรจากปากของคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างฉันเลยของสักนิด ถึงแม้ว่าฉันจะประท้วงด้วยการดิ้นแทบตาย ทั้งทุบตีเขาอย่างบ้าคลั่งก็ตาม
พยายามอีกสิญานิน
ต้องหยุดให้ได้
การพยายามเอาตัวรอดของฉันถือว่ามันสูญเปล่า เขาไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นมีแต่แค่ความต้องการเท่านั่น
ปลายลิ้นโลมเลียไปทั่วทุกมุม สัมผัสร้อนๆ จากริมฝีปากระดมทั้งจูบดูดเม้นในเวลาเดียวมันทั้งทำให้รู้สึกเจ็บปวดในยามที่เขาใช้ฟันฝังลงไปในเนื้อ
การกระทำที่รุนแรง ป่าเถื่อนค่อยๆ ถาถมเข้ามายังร่างกายของฉันแล้วลามมาถึงเนินอก
“หยุดนะแวนเดอร์หยุด!”
ฉันตะคอกออกมาอย่างสุดเสียงและใช้มือพยายามดันไหล่ของแวนเดอร์ออกในเมื่อเขาไม่หยุดการกระทำนี้ง่ายๆ
แต่ครั้งนี้มันได้ผลแวนเดอร์ผละออกจากซอกคอของฉันออกมา มันทำให้โล่งใจไม่เบาเลย
แควก!
แต่แล้วฉันก็เข้าใจผิดอย่างมหันเมื่อแวนเดอร์ใช้มือใหญ่เข้ามากระชากบราเซียสีดำตัวสุดท้ายที่ปกปิดด้านบนของฉันออกไปติดมือของเขาอย่างง่ายดายก่อนที่จะค่อยๆ ไล่มือไปปลดกระดุมกางเกงตรงหน้าท้องของฉันและถลกลงอย่างง่าย
ตอนนี้มีเพียงซับในเท่านั้นที่ยังคงหลงเหลือบนร่างกาย
เผียะ! เผียะ!
“ไอ้ต่ำทราม!”
“…”
ใบหน้าของเขาหันไปทางเดียวกันทั้งสองครั้ง ความชาคงเข้ามาเล่นงานทันทีก่อนที่มุมปากจะค่อยดันให้ลิ้นลิ้มรสของความเค็ม
กลิ่นคาวๆ
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นเลือด แวนเดอร์รู้ดีเลยแหละเพราะเขาก็มีต่อมลิ้มรส
ลิ้มรสจากการโดนผู้หญิงที่ตัวเองคร่อมอยู่บนรถตบ
สายตาตอนนี้ที่จ้องมองเขานั้นมันคงสื่อว่าทั้งโกรธแล้วจริงจังมากแค่ไหน ใบหน้าที่แดงกร่ำจนควบคุมไม่อยู่แต่แปลกที่ไม่มีน้ำตาเลย
แวนเดอร์ไม่ได้โต้ตอบอะไรฉันเมื่อสักนิดเมื่อฉันตบเข้าไปที่ใบหน้าของเขาจนเลือดซึมออกจากมุมปาก
สายตาที่เขาส่งมามันมีแต่ความว่างเปล่าแต่ทว่ามือใหญ่เริ่มมีการเคลื่อนไหวเขาค่อยบรรจงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองออกทีละเม็ดๆ อย่างใจเย็นจนหมดและถอดออกเผยให้เห็นรูปร่างที่ดูดี
มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ มีซิกแพคที่เพอร์เฟคจากนั้นก็ค่อยๆ ใช้มือล้วงต่ำลงไปที่กางเกงของเขาก่อนจะปลดกระดุมออก
“นะ นายจะทำอะไรลงไปนะแวนเดอร์ ฉันบอกให้ลงไป”
“สมองเธอไม่ใช่เด็กอนุบาลและก็คงไม่โง่จนดูไม่ออกว่าชั้นจะทำอะไรแล้วจะบอกให้มือที่เธอใช้ปิดบอกเลยว่ายังไงก็ปิดไม่มิด!”
หลังจากพูดจบสายตาของเขาก็ไล่ลงไปมองมือน้อยๆ ของฉันที่ใช้ปิดสองเต้าที่โดดเด่น รู้ว่ามันไม่สามารถปิดได้หมดหรอก ยังไงๆ เขาก็เห็นถ้าก้มมองตั้งแต่ตอนที่กระชากบราเซียออกครั้งแรกเรียบร้อยแล้ว
ปึก!
“อย่าคิดว่าจะตบได้อีกมันไม่มีทางอีกแล้วญานิน!”
เขาพูดขึ้นในขณะที่มือข้างซ้ายรับมือเล็กของฉันเอาไว้อย่างทันท่วงทีก่อนที่จะออกแรงบีบแน่นว่ากาวตราช้างเสียอีก
คงไม่มีทางที่แวนเดอร์จะปล่อยให้ฝ่ามือเล็กของฉันเข้ามากระทบใบหน้าของตัวเองเป็นครั้งที่สามอีกแน่นอน
“โอ้ย! ฉันเจ็บนะ”
ฉันรีบดึงมือตัวเองออกจากการบีบของแวนเดอร์แต่ก็เปล่าเลยเมื่อมันไม่มีผลอะไรทั้งนั้น
เขาเพียงแต่มองมาพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก
“ชอบความรุนแรงนักใช่ใหม่เธอจะได้ริมรสมันต่อไปนี้แหละญานิน!”
“อือ วะ แวนเดอร์!”
ร่างใหญ่ของเขาเข้าไปจัดการกับซอกคอขาวอีกครั้งหนึ่งด้วยความรุนแรงทั้งดูด เม้น ฝากรอยไว้อย่างผู้ที่ถูกกระทำเป็นโรคประหลาดก่อนจะลงมาจัดการกับสองเต้างามที่เด่นชูช่อรอการชื่นชม
ริมฝีปากใช้ลิ้นเรียวตวัดรอบเพื่อสร้างความทรมานจากนั้นก็เข้าครอบครองอย่างทันท่วงที
“อ๊ะ! เจ็บ!”
มันต้องไม่เป็นอย่างนี้สิ
ตอนนี้น้ำตาของฉันไหลออกมาจากสองตาราวกับเขื่อนแตกด้วยการกระทำของแวนเดอร์
เขารวดเร็วช่ำชองมากกว่าพายุเสียอีกทั้งความรุนแรงป่าเถื่อนที่เขาจงใจมอบให้ฉันมันทั้งเจ็บปวดปางตายเลยล่ะ
ความรู้สึกตอนนี้ฉันเหมือนถูกรุมข่มขืนด้วยคนมากกว่าหนึ่งทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
ประโยคที่ฉันร้องออกมานั้นเมื่อมือใหญ่ของเขาเข้าไปกอบกุมอกอีกข้างหนึ่งก่อนที่จะบีบเคล้นด้วยความแรงถึงแม้ว่าฉันจะดิ้นปางตายเท่าไหร่มันก็ยังสู้แรงของแวนเดอร์ไม่ได้สักนิดเดียว
การกระทำของแวนเดอร์ลงต่ำเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนนี้มันถึงสะดือเขาโลมเลียไปด้วยลิ้มฝีปากร้อนๆ ที่มันช่างสร้างความ
กระอักกระอ่วนให้กับฉันเป็นอย่างมาก
“แวนเดอร์ พอเถอะนะ หยุดเถอะนะ ฉะ ฉันขอร้อง”